เที่ยวรอบๆโตเกียว Mt.Takao , Kawagoe , Yokohama และในเมืองโตเกียว Shinjuku , Shibuya , Imperial Palace , Meiji Jingu Shrine , Asakusa , Akihabara , Odaiba ภายใน 5 วัน
ตั๋วเดินทางในโตเกียว
ตั๋วเดินทางในโตเกียว ที่ประหยัดและคุ้มค่าที่สุดคือ Tokyo Subway Ticket มีทั้งแบบ 24 /48/72 ชม. ซื้อได้ที่สนามบินก็ได้ (แต่ไม่สามารถเดินทางจากสนามบินได้) ดูข้อมูลได้ที่เว็บนี้ https://www.tokyometro.jp/th/ticket/travel/index.html
ด้านบนนี้คือสายรถไฟที่ใช้ Tokyo Subway Ticket ได้ ซึ่งก็ถือว่าครอบคลุมพื้นที่เที่ยวหลักๆหมดแล้ว
เรื่องการเดินทางในโตเกียว สามารถค้นหารถไฟได้จาก Hyperdia ได้อยู่แล้ว หรือจะหยิบแผนที่รถไฟได้ตามสถานีรถไฟทั่วไป หรือ information center ก็ได้ ญี่ปุ่นเขาดีมากเลยนะ ให้ข้อมูลเยอะมาก แทบไม่ต้องอ่านจากที่ไหนเลย แถมบางคนยังพูดไทยได้อีกแน่ะ
บทความนี้เลยไม่ได้เขียนอะไรมากนอกจากจะรีวิวที่เที่ยวที่ GoNoGuide ไปมาเท่านั้นนะคะ ให้เห็นเป็นภาพรวมว่าตรงกับที่เราชอบมั้ย เพราะยังมีที่เที่ยวอีกมากมายในโตเกียว และรอบโตเกียวที่ไปครั้งเดียวไม่พอค่ะ
ที่เที่ยวรอบนอกโตเกียว
- Mt.Takao
- Kawagoe
- Yokohama
ที่เที่ยวในตัวเมืองโตเกียว
- Shinjuku
- Shibuya
- Imperial Palace
- Meiji Jingu Shrine
- Asakusa
- Akihabara
- Odaiba
Mt.Takao
ตั๋วเดินทางไป Mt Takao มี 2 แบบหลักๆคือ แบบไปกลับอย่างเดียว กับแบบรวม cable car ด้วย ถ้าไม่ได้จะไปเดินป่า ก็ซื้อแบบรวมไปเลยค่ะ คุ้มมากๆ
ให้ไปที่สถานีชินจุกุ แล้วกดซื้อที่ตู้ ของสายสาย Keio line
จะได้ตั๋วมา 4 ใบดังรูป จะมีตั๋วรถไฟขาไป ขากลับ ใช้เสร็จแล้วมันจะดูดไปเลยไม่มีเก็บให้ดูต่างหน้า และตั๋ว cable car แบบไปกลับในตั๋วเดียวกัน ฉะนั้นขึ้นแล้วอย่าทำหายล่ะ ยังต้องใช้ตอนลงมาด้วย ส่วนตั๋วที่มีภาษาญี่ปุ่นเยอะๆ ไม่ได้ใช้ทำอะไร ดูรายละเอียดที่เว็บ Keio ได้เลย https://www.keio.co.jp/english/tickets/discount.html#mt-takao
เวลาลงให้ลงสถานี Takaosanguchi นะ พอออกมาจะเจอแผนที่ใหญ่ๆแบบนี้ มีเส้นทางเดินป่าหลายทางมากๆ ทั้งแบบง่าย และแบบยาก แต่สำหรับคนรักสบาย เราขึ้น cable car กันเลย
สถานี Cable car อยู่ไม่ไกลจากสถานี มีให้เลือกแบบ Cable car หรือแบบ Chair lift
แต่ๆๆๆ…เมื่อขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว ก็ยังไม่ได้ถึงยอดเขาทาคาโอะอยู่ดีนะ เราต้องเดินไปต่ออีกไกลพอสมควร
เส้นทางเดินสวยมาก ทางเดินดีมากๆ ขนาดตอนนั้นฝนตก มีหมอก ยังสวย และไม่ลื่นล้มเลย ผู้สูงอายุที่ชอบเดิน ก็น่าจะขึ้นได้ ไม่เหนื่อยมาก
ระหว่างทางจะมีศาลเจ้า วัดเก่าแก่ต่างๆ แต่ต้องเตือนว่า ร้านขายของกินไม่ค่อยมีนะ จะมีก็แค่ตรงใกล้ๆ cable car และตรงยอดเขา แต่ระหว่างทางน้อยมาก หรือถ้าจะมีก็แค่ดังโงะไม้ๆ กับน้ำชาร้อนๆแค่นั้น ฉะนั้นเตรียมเสยียง เตรียมน้ำไปด้วย
ถ้านั่ง cable car มาก็ไม่ยากหรอก เดินไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึง สนุกมากๆสำหรับที่นี่
ที่นี่จะมีจุดชม Diamand Fuji ด้วย เป็นพระอาทิตย์ตกที่ไปอยู่บนยอดภูเขาฟูจิพอดี แต่ดูหมอกวันนี้สิ แม้แต่ต้นไม้ยังไม่ค่อยเห็นเลย
Mt Takao เป็นที่ที่ตั้งไว้แล้วว่าถ้ามีโอกาส พวกเราจะไปอีก จะไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
Mt.Takao สวรรค์ของคนรัก Hiking ใกล้โตเกียว
Kawagoe
พาสที่ใช้คือ Kawagoe Discount Pass เป็นพาสของสาย Tobu จะมีแบบเฉพาะรถไฟไปกลับ และแบบรวมบัสใน Kawagoe ด้วย
เวลาซื้อตั๋วให้ไปที่ Tobu Tourist Information Center ที่สถานี Ikebukuro
ซื้อตั๋วแล้ว ก็ไปที่ Platform 1 หรือ 2 ขึ้นได้ทุกสาย แต่ถ้าเลือกได้ให้เลือกสีม่วงคือ Limited Express เพราะมันจะจอดน้อยสุด
แต่ให้ระวังตอนขากลับ ต้องกลับรถไฟคันที่เขียนว่าไป Ikebukuro เท่านั้น
เมื่อไปถึงสถานี Kawagoe แล้ว ก็มีสองทางเลือกคือ ขึ้นบัส หรือเดิน แล้วแต่ว่าใครซื้อตั๋วแบบไหนมานะ แนะนำว่าถ้าใครไม่ชอบเดิน และต้องทำเวลาก็นั่งบัสไป ถ้าใครเดินได้ก็จะผ่าน shopping street ที่ยากนักที่จะเดินผ่านเฉยๆได้โดยไม่เสียทรัพย์เลย
จนท.บอกว่าเดิน 30 นาทีกว่าจะไปถึงเมืองเก่า Kawagoe แต่พวกเราใช้เวลาเป็นชั่วโมง เพราะของกินมันล่อตาล่อใจเยอะมาก
Kawagoe มีชื่อเล่นว่า Little Edo มีสัญลักษณ์เป็น Bell Tower เห็นมั้ยเหมือนในพาสเปี๊ยบเลย เมืองนี้เป็นเมืองที่อนุรักษ์บ้านเรือนแบบโบราณไว้ มีของกินเยอะมากๆ นักท่องเที่ยวนิยมเช่าชุดกิโมโนเดินถ่ายรูปทั่วเมือง
วัดที่โด่งดังที่สุดใน Kawagoe คือ Rinkeji Temple อยู่ใจกลางคาวาโกเอะเลย แต่ยังมีศาลเจ้าอีกที่หนึ่งโด่งดังไม่แพ้เลยคือ Kawagoe Hikawa Shrine วันนั้นคนมาต่อคิวเพื่อเข้ามาเดินในนี้ เห็นแล้วอึ้งไปเลย ต่อคิวไหว้พระก็มีด้วย
ในใบโฆษณาก็มีเขียนว่าสนุกกับการเสี่ยงเซียมซีตกปลา เราก็จินตนาการไปไกลเลยว่าต้องเป็นบ่อน้ำ มีปลาว่ายไปมา
พอมาเห็นแบบนี้แล้ว อดอุทานไม่ได้ว่า “แบบนี้ก็ได้หรอ” ไม้ตกปลาอันจิ๋ว กับปลากระดาษเอามือหยิบไม่ง่ายกว่ารึ
สรุปว่าการมา Kawagoe ก็ถือว่าได้มาดูบ้านเรือนเก่าๆ วัฒนธรรมญี่ปุ่น และสาวๆใส่ชุดกิโมโนเดินไปทั่ว ใครที่ไม่เคยมาก็แนะนำค่ะ
Kawagoe เอโดะน้อย ใกล้โตเกียว
Yokohama
พาสไป Yokohama เป็นพาสของ Tokyu Line ใช้เดินทางไปกลับจากโตเกียวและโยโกฮามา และใช้สาย Minatomirai ภายในโยโกฮามาได้เลย ซื้อที่ตู้ของ Tokyu แนะนำให้ไปซื้อที่ Shibuya
ถ้าซื้อพาสแล้วก็นั่งรถไฟจากสถานีชิบุยะ แล้วไปลงสถานี Yokohama แล้วนั่งสาย Minatomirai ต่อไปยังที่หมายที่ต้องการอีกทีนึง
แต่สำหรับ GoNoGuide ผิดพลาดนิดหน่อย ไปลงชินจุกุ นึกว่าจะซื้อตั๋วที่นี่ได้ แต่จริงๆต้องไปชิบุยะ ก็เลยไม่อยากเสียเวลาไปชิบุยะแล้ว เลยซื้อตั๋วแบบปกติเที่ยวเดียวไปซะเลย ไปกลับรวมๆแล้วแพงกว่าพาส และไม่สามารถขึ้นสาย Minatomirai ได้ด้วย ก็ไม่เป็นไร พอไปถึงโยโกฮามาก็เดินเอาก็ได้
ถ้าซื้อพาสประมาณ 830 เยน ใช้ขึ้นจากชิบุยะไปกลับโยโกฮามะ + Minatomirai line
ถ้าไม่ซื้อพาส ไปกลับประมาณ 1100 เยน ใช้ Minatomirai line ไม่ได้
ก่อนเที่ยวให้โหลด Guide map เที่ยวโยโกฮามาก่อน yokohamajapan.com/maps/
Yokohama มีที่เที่ยวหลายที่มาก คือญี่ปุ่นเขาเก่งนะในการนำเสนอ มีอะไรพี่เล่นเอามาหมด คือทำให้รู้สึกว่ามากี่ครั้งก็เที่ยวไม่หมดซักที แต่สำหรับ GoNoGuide วันนี้เราแค่มาเดินเล่นรอบๆชมวิวท่าเรือนะคะ
แถวนี้จะมีสวนสนุกราคาไม่แพง เครื่องเล่นเด็กๆ แต่ผู้ใหญ่ก็เล่นได้ หวาดเสียวแบบเบาๆกัน
เรือ Nippon Maru เป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมการตกแต่งและศึกษาการแล่นเรือในสมัยโบราณ
Yokohama Marine Walk เป็นห้าง แหล่งกินดื่ม แต่ที่น่าสนใจคือสวนรอบๆเป็นแหล่งพักผ่อน ชมอ่าว ชมเรือ
แค่เดินเล่นรอบๆอ่าว ไม่ได้เข้าชมอะไรเลย ก็ต้องใช้เวลาทั้งวันแล้ว
NYK Hikawamaru เป็นเรือขนสินค้าในสมัย 1930 ตอนนี้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์
Yokohama Osanbashi เป็นจุดที่พวกเราประทับใจมากที่สุดคือท่าเรือที่ให้คนเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า มีที่นั่งเล่น นอนเล่น ชมวิวแบบกว้างขวางมากๆ ที่สำคัญคือให้ขึ้นไปฟรีๆ
เคยไปประเทศในยุโรป เห็นท่าเรือสำราญใหญ่ๆคล้ายแบบนี้ ก็ได้แต่เกาะขอบรั้วมองอยู่ไกลๆ แต่ที่นี่ ให้ขึ้นมาชมวิวแบบ 360 องศา ฟรีๆ มีห้องน้ำเข้าฟรี มีเก้าอี้ สนามหญ้านั่งเล่น นี่คือสุดยอดความประทับใจเลยล่ะค่ะ
อีกที่หนึ่งผู้คนหลั่งไหลกันมาคือ Yokohama Chinatown จะมีร้านอาหารจีน เยอะมาก บรรยากาศเหมือนเยาวราชแบบพัฒนาไปหลายขั้น เป็นที่เที่ยว กินดื่ม มากกว่าการมาซื้อของ
โยโกฮามา เมืองท่าน่าเที่ยว
ที่เที่ยวในตัวเมืองโตเกียว
Odaiba
Odaiba ดั้งเดิมเป็นทะเลโล่งๆ แต่ถูกถมที่ขึ้นมาเป็นเกาะเล็กๆ เพื่อเป็นเกราะกำบังจากฆ่าศึกตั้งแต่สมัยเอโดะ แต่หลังจากจบยุคสงคราม เกาะโอไดบะ ก็ถูกทิ้งร้าง และตั้งแต่ปี 1990 ก็ได้มีการพัฒนาแหล่งช้อปปิ้งและเส้นโมโนเรลเข้าถึง ทำให้ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่ใครมาโตเกียวก็ต้องแวะ
สำหรับ GoNoGuide เคยมาที่นี่แล้วก็ยังต้องมาอีก และถ้ามีครั้งต่อไปก็ยังคงอยากมาอีกแน่นอน
ภายในเกาะนี้จะมีเฉพาะโมโนเรลสาย Yurikamome Line เท่านั้น ซึ่งเป็นโมโนเรลที่นั่งไม่เบื่อนะ เพราะได้ชมวิวทั้งด้านหน้าและด้านข้าง วิ่งไม่เร็ว เหมือนรถชมเมืองมากกว่า ใครอยากดูวิวจากด้านหน้าแบบนี้ ก็ให้รีบไปจับจองเลยค่ะ ถ้าช้าอดเสร็จคนจีนแน่เลย
ใครอยากมานั่งเล่นชมวิวชายหาดที่สร้างขึ้นแบบเหมือนจริงมากๆ (แต่ห้ามเล่นน้ำนะ) ก็ให้มาลงที่สถานี Odaiba-Kaihinkoen Station ตรงนี้มีซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้อของกินมานั่งชมวิวสะพานสายรุ้งยามพระอาทิตย์ตกแบบฟินๆได้เลย
สะพานนี้เรียกว่า Rainbow Bridge แต่ดูๆแล้วไม่เห็นจะมีสายรุ้งตรงไหนเลยนะ สงสัยต้องรอฝนตกรึป่าว
เรือล่องชมอ่าวมีไปถึง Asakusa และอีกหลายที่เลย
Aqua City Odaiba เป็นห้างใหญ่ สำหรับสายช้อป สายกิน มาเลยค่ะ
Rainbow Bridge และรูปปั้นเทพีเสรีภาพ เป็นมุมที่เป็นสัญลักษณ์ของโอไดบะ ซึ่งบริเวณนี้มีจุดชมวิวเยอะมาก เดินไปไหนก็ขมวิวสวยๆได้หมดเลย
หุ่นกันดั้ม หน้าห้าง Divercity เป็นไฮไลท์ของการมาโอไดบะของหลายๆคน เพราะที่นี่เป็นฐานของกันดั้ม มีทุกโมเดล อะไรออกใหม่ ที่นี่มีก่อน เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ย่อมๆของกันดั้มเลยก็ว่าได้ แถมให้ถ่ายรูปหุ่นได้ฟรีๆ เชยชมอย่างสบายใจเลยค่ะ
และที่พลาดไม่ได้จริงๆคือโชว์แสงสีเสียงจากตัวกันดั้ม จะมีช่วง 11.00 , 13.00 , 15.00 , 17.00 น. ประมาณครั้งละ 10-15 นาที ส่วนหน้าร้อนจะมีเพิ่มตอน 2 ทุ่ม แนะนำให้มาช่วง 2 ทุ่ม จะสวยมาก เพราะมันมืดแล้ว
Odaiba สะพานสายรุ้ง ดูโชว์หุ่นกันดั้ม
Imperial Palace
การเข้าชม Imperial Palace จะเป็นรูปแบบ Guide Tour เท่านั้น จะแบ่งเป็นสองรอบคือเช้ากับบ่าย และต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเท่านั้น โดยจะลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์มาก่อนก็ได้ หรือจะมาลุ้นหน้างานก็ได้
ลงทะเบียนออนไลน์ จำกัด 200 คน และลงทะเบียนหน้างาน จำกัด 300 คน ถ้าเป็นช่วงหน้าท่องเที่ยวอาจต้องแย่งกันหน่อย
รายละเอียดอ่านที่เว็บ http://sankan.kunaicho.go.jp/english/guide/koukyo.html
การลงทะเบียนแบบ walk-in ให้ไปที่ประตู Kikyomon gate ประมาณ 8.30 น. จะมีคนมายืนรอกันดังในรูป ไม่มีป้ายใดๆบอก แต่พอ 9.00 น. จนท.จะนำป้ายมาวาง และเริ่มแจ้งใบลงทะเบียน
9.30 น. ให้เดินเข้าไปนั่งรอด้านใน ฟังคำอธิบายเหมือนเป็นนักเรียนเลย
10.00 น. ไกด์จะเริ่มพาชม ซึ่งจะมีไกด์หลายภาษา(ยกเว้นภาษาไทย) ให้เราเลือกเข้ากลุ่มตามภาษาที่เราฟังได้
Imperial Palace หรือ ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Kyuden เป็นวังหลวง พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นวังของโชกุนตระกูลโทกุกาวะมาก่อน
เมื่อถึงยุคที่ตำแหน่งโชกุนถูกโค่น พวกปฏิวัติก็เชิญจักรพรรดิจากที่เคยประทับที่เกียวโต ให้มาประทับที่วังนี้ที่โตเกียวแทน แต่วังก็ถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่สอง และถูกสร้างขึ้นใหม่ในสไตล์เดิม
ปัจจุบันนี้จักรพรรดิ์ไม่ได้ประทับที่วังนี้แล้ว แต่ใช้สำหรับต้อนรับแขกสำคัญ และเปิดให้ประชาชนเข้ามาอวยพรวันเกิดของจักรพรรดิ์ วันพิเศษต่างๆ และวันปีใหม่
ทัวร์จะใช้เวลา 1.15 ชม. รอบเช้านี้จะจบตอน 11.15 น.
หลังจากชมทัวร์จบ สามารถเดินมาที่ East Garden จะอยู่ที่ Ote-mon Gate เข้าชมเองได้เลย ไม่ต้องมี Tour guide และฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องมีรอบเข้า
ฐานหินอันนี้เคยเป็นที่ตั้งของปราสาท สร้างเสร็จตอนปี 1607 แต่ถูกไฟไหม้ไปตอนปี 1657 หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการสร้างใหม่อีกเลย
เดินขึ้นไปได้เหงื่อหน่อยๆ ก็ถึงข้างบนซึ่งเป็นพื้นที่โล่งๆ มีเก้าอี้นั่งปลอบใจเพียงไม่กี่ตัว
แต่ที่เดินภายในสวนนี้ใหญ่โตกว้างขวางมากนะ ใครคิดจะเดินคงต้องเตรียมเวลามาหลายชั่วโมงหน่อย แค่เดินเข้าเดินออกก็เหนื่อยแล้ว
วิธีเข้าชมวัง Tokyo Imperial Palace แบบฟรีๆ
Tokyo Metropolitan Government Building
จุดชมวิวแบบฟรีๆที่ Tokyo Metropolitan Government Building เปิด 9.30 -23.00 น. เลยทีเดียว ขึ้นมาชมแสงไฟยามค่ำคืนได้ด้วย สุดยอดมาก
มาลงสถานีชินจุกุ เดินไปทางออก A4 แต่ไม่ต้องออกนะ ก่อนถึงทางออกจะมีบันไดเลื่อน ก็ขึ้นมาที่นี่ได้เลย ไปที่ลิฟท์ I หรือ J ขึ้นไปได้เลยไม่ต้องเสียเงิน
เป็นจุดชมวิวรอบด้าน มีคาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก มีเปียโนหลังนึงที่ให้คนลงทะเบียนเล่นโชว์ได้ ชมวิวไป ฟังเสียงเปียโนไป น่าประทับใจมาก แปลกที่ว่าให้ขึ้นมาชมฟรีๆเลย แถมมีไกด์คอยแนะนำด้วยว่าตึกนี้คืออะไร เป็นภาษาอังกฤษอีก จะเอาใจกันไปถึงไหนคะ
ที่ชี้ตรงนั้น ถ้าอากาศดีๆ เราจะได้เห็นภูเขาฟูจิด้วยนะ
สวนกว้างใหญ่ที่เห็นเป็นพื้นที่ของศาลเจ้าเมจิ เดี่ยวเราจะเดินไปหากัน
ดูๆแล้วโตเกียวก็เป็นเมืองที่แออัด เต็มไปด้วยตึกจริงๆ แต่เขาก็ยังมีต้นไม้แทรกอยู่มากพอสมควรเลย
ตึกชมวิวโตเกียว แบบฟรีๆ
Meiji Jingu Shrine
มาลงสถานีฮาราจุกุ จะง่ายสุด ออกมาปุ๊บเจอทางเข้าเลย
Meiji Jingu Shrine ชื่อก็สื่อแล้วว่าเกี่ยวกับจักรพรรดิเมจิ ซึ่งเป็นจักรพรรดิองแรกในยุค Modern Japan โดยสร้างเป็นกุศลให้กับจักรพรรดิและจักรพรรดินีที่ล่วงลับไปแล้ว
เห็นคนญี่ปุ่นเมื่อจะผ่านเสาโทริอิ เขาจะโค้งคำนับด้วย ก็เลยทำตาม เพื่อให้ความเคารพต่อสถานที่ เหมือนถ้าเราเห็นฝรั่งเข้าวัดแล้วยกมือไหว้ หรือไม่เหยียบธรณี เราก็สบายใจใช่มั้ยล่ะคะ
ก่อนเข้าตัวศาลเจ้า จะมีบ่อน้ำ และกระบวยให้ล้างปากล้างมือ เพื่อชำระความสกปรก และจิตใจให้สะอาด (ทางความรู้สึกน่ะนะ)
ญี่ปุ่นเขาก็มีพิธีรีตรองจังเลยนะ ในใบแนะนำถึงกับบอกวิธีการล้างปาก ล้างมือกันเลยทีเดียวนะ นำกระบวยรองน้ำ ล้างมือทั้งสองข้าง บ้วนปากด้วยการเอามือรอง อย่าให้ปากแตะกระบวย สุดท้ายล้างด้ามกระบวย น้ำแค่กระบวยเดียวทำทุกอย่างได้เลยนะ (แหมๆๆ…อย่างกับพิธีชงชา)
ศาลเจ้านี้ถือว่าเป็นศาลเจ้าใหญ่และสำคัญมากๆในญี่ปุ่น ดังนั้นต้องให้เกียรติสถานที่ แต่งตัวให้เรียบร้อย (รู้นะว่าเรียบร้อยเป็นยังไง) กิริยามารยาท อย่าเอะอะเสียงดัง ถ่ายรูปในท่าที่เหมาะสม จริงๆก็ไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียวหรอก วัดและศาลเจ้าอื่นๆด้วย คนไทยเราส่วนใหญ่มีมารยาทในการเข้าวัดอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาเนอะ
ไปที่ชอบ…ในโตเกียว | วัด วัง กันดั้ม
Akihabara
Akihabara หรือชื่อเล่นคือ Akiba เป็นย่านเครื่องใช้ไฟฟ้า อนิเมะ มังงะ เรียกได้ว่า โอตาคุเดินให้ตายก็ไม่หมด
แต่เตือนไว้หน่อยว่า อย่ามาเช้านะ จะผิดหวัง เพราะที่นี่เปิดกัน 10-11 โมง
Asakusa
วิวนี้ถ่ายจากตึก Asakusa Culture Tourist Information Center สามารถขึ้นไปชมวิวได้ฟรี
คำว่า Senso เป็นคำเรียกได้อีกแบบของ คำว่า Asakusa ส่วนคำว่า ji แปลว่าวัด
วัดเซนโซจิ ถือเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 แต่ที่เราเห็นนี้คือสร้างใหม่หลังสงครามนะ
ถ้ายื่นหน้าทางเข้าวัดเซนโซจิ แล้วหันหน้าออกไป จะเห็นก้อนสีทองคล้าย….(แล้วแต่จะจินตนาการละกัน) อันนั้นคือ Asahi Beer Tower เป็นสำนักงานใหญ่ของเบียร์ Asahi ค่ายเบียร์อันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
ส่วนแท่งซ้ายสุดนั้นคือ Tokyo Skytree เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำโตเกียวอีกอันนึงเลย
Shibuya
เรื่องราวดราม่าของ Hachiko เริ่มเมื่อปี1920 จากการที่ศาสตราจารย์คนนึงรับเลี้ยง Hachiko ทุกวันท่านก็ต้องมาขึ้นรถไฟที่สถานีชิบูยะ เพื่อไปทำงานที่มหาวิทยาลัยโตเกียว เจ้า Hachiko ก็ตามมาส่ง และอยู่อย่างนั้นจนท่านโผล่กลับมาที่สถานีชิบุยะอีกทีตอนบ่าย3
เป็นแบบนี้ทุกวันเป็นเวลา 5 ปี จนกระทั่งวันนึ่ง ศาสตราจารย์ท่านนี้เสียชีวิต โดยไม่ได้กลับมาพบ Hachiko ที่สถานีชิบุยะเหมือนเช่นเดิม แต่ Hachiko ก็ยังรอท่าอยู่ไม่ยอมไปไหนเป็นเวลาถึง 10 ปี (คงจะมีคนเอาอาหารมาให้เรื่อยๆ)
เหตุการณ์นี้ทำให้เล่าสืบต่อกันมาเป็นตำนาน จนปัจจุบันได้สร้างรูปปั้น Hachiko หมาน้อยยอดกตัญญู ทำให้ต่อมาเป็นสถานที่นัดพบกัน หรือบอกรักกัน สัญญากันว่าจะรักกันไม่ผิดสัญญากัน
คิดกันไปได้เนอะ ขนาดศาสตราจารย์ยังไม่ได้กลับมาเจอ แล้วทำไมถึงกลายเป็นที่ทำสัญญารักกันได้ล่ะเนี่ยะ มันน่าจะเป็นเรื่องเศร้าไม่ใช่หรอเนอะ
รถไฟเก่าคันนี้นำมาวางหน้าสถานีชิบุยะ ข้างๆกับรูปปั้นฮาจิโกะเลย ด้านในเข้าไปแล้ว ตกใจนะ เป็นรูปภาพเกี่ยวกับรถไฟ เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ย่อมๆ แต่ที่บอกตกใจคือ มีคนไปนั่งในนั้นกันแน่นเอี๊ยดเหมือนอารมณ์ขึ้นรถไฟจริงๆ แค่ว่ามันไม่เคลื่อนที่เท่านั้นเอง
คือญี่ปุ่นนี่ก็แปลกนะ คนก็เยอะ แต่หาที่นั่งยากมากๆ เห็นในรถไฟมีที่นั่งก็เข้าไปนั่งอัดกัน แล้วนัดกันที่อื่นไม่ได้ได้เนอะ ต้องมานัดกันที่ตรงนี้ที่เดียว อีกหน่อยคงต้องมีร่มกางออกเป็นเก้าอี้ได้มั๊ง เที่ยวทั้งวัน ถ้าโชคดีก็จะได้นั่งก็แต่บนรถไฟนี่แหล่ะ
The Shibuya Crossing หรือ ห้าแยกชิบุยะ ที่กลายเป็นที่เที่ยวไปได้ไง ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้ามันเยอะขนาดนั้นทำเป็นทางใต้ดินเลยมั้ย แต่มันคือเสน่ห์ของชิบุยะ เป็นย่ายการค้าที่เป็นเครื่องดึงดูดคนเข้ามาได้มหาศาล เพราะทุกคนต้องมาถ่ายรูป พวกป้ายโฆษณาก็ติดไปทั่วโลก
อย่าง GoNoGuide ไม่ใช่สายช้อป ยังต้องมาเพื่อเดินข้ามไอ้แยกพวกนี้ให้เป็นบุญขา เก็บไปบอกลูกบอกหลานได้แล้วว่าครั้งนึงเคยมาข้ามห้าแยกชิบุยะด้วยนะ
Shinjuku
ในเว็บ japan guide บอกว่า สถานีชินจุกุเป็นสถานีรถไฟที่ยุ่งเหยิงที่สุดในโลก แถวนี้ถ้าไม่มีธุระอะไร GoNoGuide จะไม่มาเหยีบเลย เพราะมันงุนงงมาก แค่จะออกจากใต้ดินโผล่มาเห็นแสงบนฟ้าก็แทบแย่แล้ว
ไม่ว่าใครจะเรียกว่าชินจุกุว่าย่านอะไร GoNoGuide จะเรียกว่าย่านห้างละลายทรัพย์ มันมีห้างทุกยี่ห้อเลยรึป่าวไม่รู้ ว่าแต่ทำไมไม่ซื้อออนไลน์ซะเลยอ่ะ ไม่ต้องเดินให้เสียเวลา เก้าอี้ที่นั่งไม่มีเลยซักตัว ใครพาญาติผู้ใหญ่มาอย่าได้พามาลงที่นี่เลย ท่านจะเมื่อยทั้งขาและทั้งคอเลย (ต้องเงยหน้ามองตึกสูงตลอด 55+) ถ้าอยากนั่ง ต้องไปหาร้านนั่งกิน (จริงๆมันก็เป็นทุกที่แหล่ะ เรื่องไม่มีที่นั่งอ่ะ)
ชะโงก นากาโนะ , ชินจุกุ , ชิบุยะ
Ameyoko Market
ตลาด Ameyoko เป็นชื่อเล่นของ Ameya Yokocho ที่แปลว่า ตรอกขายลูกอม
บ้างก็ว่าคำว่า Ame มาจากคำว่า America เพราะหลังสงครามโลกแถวนี้เป็นตลาดมืดขายสินค้าจากอเมริกา
ตลาดอะเมโยโกะมีของแบบดูพื้นๆขายเยอะมาก ดูไม่ไฮโซมาก นั่งกินข้างทาง ขายผักผลไม้ข้างทาง ราคาไม่แพง ขนมของฝาก แต่อย่าเผลอไปเข้าร้าน 100 เยนนะ เพราะออกมาอาจต้องจ่ายหลายพันเยน กะว่าจะหยิบแค่ชิ้นเดียว ไปๆมาๆ กลายเป็นสิบๆชิ้นได้ไงไม่รู้…เฮ้อออ
ร้านข้าวหน้าปลาดิบร้านนี้ เป็นร้านที่มากี่รอบก็ต้องมากิน ไม่รู้ทำไม เป็นร้านที่ GoNoGuide จอมประหยัด ต้องอุดหนุนทุกผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ข้าวหน้าปลา สาเก ไอติม ไปถึงทาโกะยากิ (คนขายทาโกะยากิหล่อมาก มีกล้ามเป็นมัดๆ สาวๆมาถ่ายรูปกันเยอะเลย) ทั้งๆที่ร้านก็ที่นั่งแค๊บแคบ แถมให้นั่งนอกร้าน ตกแต่งไม่ต้องพูดถึง ยังใช้เมจิกเขียนออร์เดอร์อยู่เลย แต่ราคาเขาถูกนะ อร่อย ให้เยอะ รู้สึกเหมือนนั่งกินแถวเยาวราช (แหะๆ)
ใจแตก…ที่โตเกียว
Nakano Broadway
Nakano Broadway เป็นห้างที่โด่งดังเรื่องอนิเมะ มังงะ ใครที่ไม่ชอบความวุ่นวายที่ Akihabara ก็มาที่นี่ได้
มีร้านค้าอื่นๆที่ดูเป็นท้องถิ่นดี ร้านอาหารเข้าถึงง่าย ราคาไม่แพง
อ่านรีวิว GoNoGuide Season 4 เที่ยวโตเกียว คาวากุจิโกะ นิกโก้
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ