สถานที่เที่ยว Koyasan
สถานที่เที่ยว Koyasan มีให้ชมได้ทั้งวันและทั้งคืน จะไปเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืนแบบเรียวกังในวัดก็ได้ บอกว่านอนวัดก็ไม่ใช่ถูกๆนะคะ ระดับไฮโซกันเลย ถ้างบประมาณไม่ลำบากก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆค่ะ
และไม่อยากจะเชื่อเลยว่า Koyasan ที่เรากำลังจะไปนี้มีอายุ 1200 ปีแล้ว เขามีการเฉลิมฉลองกันช่วงก่อนที่เราจะไปนิดเดียวเลยอดอยู่ในพิธีเลย ถ้าดูจากเวป nankaikoya.jp/en
จะมีพาสแบบพิเศษในราคาแค่ 1200 เยนเท่านั้น (ถูกมากกก) แต่ใช้ได้ตั้งแต่ 2 เม.ย – 21 พ.ค. 2015 เท่านั้น (เราไปวันที่ 7 มิ.ย. 2015 เลยอด)
ไหนๆจะไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้น ก็ต้องรู้บ้างว่าแต่ละที่มีความสำคัญอย่างไร ไปดูกันค่ะ
Nyonindo
เป็นประตูใหญ่ทางเข้าทิศเหนือ คล้ายๆ Daimon(ทิศตะวันตก)
เมื่อผ่านจุดนี้ก็ถือว่าได้ย่างกรายเข้ามาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์กันแล้วค่ะ จะอยู่ป้ายรถเมล์ถัดจากสถานี Koyasan
Tokugawa Mausoleum
สุสานของตระกูลTokugawa เริ่มสร้างโดย Tokugawa Iemitsu
ที่เป็นโชกุนในรุ่นที่3 ของตระกูลTokugawa เมื่อปี ค.ศ.1643 (พ.ศ.2186)
Daimon Gate
เป็นทางเข้าด้านตะวันตก เป็นประตูใหญ่ที่มีความสำคัญมากในอดีต
และเก่าแก่มากๆด้วย มีความสูงถึง 25.8 เมตร สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2248
มีเทพนักรบผู้พิทักษ์ภูเขาอยู่ด้านซ้ายและขวาของประตู เรียกว่า เทพคองโงริคิฌิโช
ซึ่งองค์หนึ่งจะเปิดปากแสดงความหมายถึงการเกิด ส่วนอีกองค์หนึ่งจะปิดปากแสดงความหมายถึงการตาย
จุดนี้เป็นจุดชมตะวันตกดินได้ด้วย หากใครพักเรียวกังแถวนั้นก็มาดูได้
Garan
เป็นเหมือนศูนย์กลางของวัดเลย จะเรียกว่าเป็น Complex ของวัดก็ได้
มีตำนานเล่าว่า Kobo Daishi ผู้ก่อตั้งพุทธศาสนานิกาย Shingon
หลังจากกลับจากการศึกษาศาสนาพุทธที่ประเทศจีน ก็กำลังมองหาสถานที่ที่จะสร้างวัด
พอกำลังเดินๆอยู่แถว Garan ในปัจจุบัน sankosho ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางศาสนาอันหนึ่งเหมือนสามง่ามที่ถืออยู่
ก็เกิดเข้าไปติดกับรากต้นสน เขาก็เลยคิดว่า ที่ตรงนี้แหละเหมาะกับการสร้างวัดมาก
จึงกลายเป็น Garan หรือ Koyasan’s central temple complex ในปัจจุบันนั่นเอง
ในพื้นที่ของ Garan จะมีอาคารที่โดดเด่นมากคือ
Kondo Hall
เป็นวัดไม้ที่ใหญ่มาก สำหรับทำพิธีสำคัญๆต่างๆ แต่ที่อดีตผ่านมาถูกไฟไหม้หลายต่อหลายครั้ง และที่เห็นอยู่ปัจจุบันนี้คือส่วนที่สร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ.1932 มีภาพที่สำคัญได้ประดิษฐานอยู่เรียกว่า Yakushi Nyorai (The Buddha of medicine and healing)
Konpon Daito
เป็นเจดีย์สีแดงสด สูง 45 เมตร 2ฉัตร สไตล์ tahoto มีรูปปั้นชื่อว่า Dainichi Nyorai (Cosmic Buddha, หรือเรียกว่า Variocana) ตั้งอยู่กลางหอเจดีย์ด้านใน
รวมถึงภาพวาดตามฝาผนังและเสา ซึ่งเป็นแบบ3มิติซะด้วย เพราะโดยทั่วไปแล้วจะเป็น2มิติเท่านั้น เพราะผู้สร้างต้องการแสดงให้เห็นถึงแผนที่ของจักรวาล ตามคอนเซ็ป Cosmic Buddha
Kobo Daishi
คือผู้ก่อตั้งนิกาย Shingon ได้เป็นผู้เริ่มสร้าง Kondo Hall และ Konpon Daito ในส่วนหลักๆเสร็จสิ้น แต่ก็เสียชีวิตซะก่อน
ภายหลังก็มีการขยาย สร้างเจดีย์ ห้องโถง และส่วนต่างๆตามมาในพื้นที่ของ Garan นี้ เช่น
Toto(เจดีย์ด้านตะวันออก)
Saito(เจดีย์ด้านตะวันตก)
Miedo(ห้องโถงของผู้ก่อตั้ง)
ศาล Koya Myojin ซึ่งประดิษฐานเทพพระเจ้า kami (พระเจ้าของศาสนาชินโต)
เปิด 8.30 – 17.00 น.
ค่าเข้า ในส่วนของ Complex ภายนอกเข้าฟรี แต่ในส่วนของ Kondo Hall และ Konpon Daito มีค่าเข้าที่ละ 200 yen
Kongobuji Temple
เป็นวัดที่สร้างขึ้นปีค.ศ.1593 โดย Toyotomi Hideyoshi เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับมารดาที่เสียชีวิตไป ต่อมาก็ถูกรวมกับวัดต่างๆใกล้เคียง กลายเป็นนิกาย Shingon ไปด้วยเลย
Toyotomi Hideyoshi ไดเมียวผู้ที่มีความทะเยอทะยานครองตำแหน่งโชกุน แต่ติดที่ตัวเองไม่ได้มาจากตระกูลสูงส่ง และคนนี้แหละที่สร้างปราสาทโอซาก้าไว้เป็นที่พำนักของตนเองให้ใหญ่กว่า ปราสาทของโชกุนซะอีก
นักท่องเที่ยวเมื่อเข้าไปในตัวอาคาร ต้องถอดรองเท้าก่อน แล้วจ่ายค่าเข้าสถานที่
ห้องแรกที่เห็นชื่อ Ohiroma Room ซึ่งเป็นห้องที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญๆ มีประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่นเรียกว่า fusuma มีภาพวาดที่งดงามโดย Kano Tanyu
ถัดไปเป็นห้องชื่อ Plum and Willow Room ซึ่งเป็นห้องที่ Toyotomi Hidesugu ทำพิธีฆ่าตัวตายตามคำสั่งของลุง Hideyoshi
ส่วนห้องติดๆกันเป็นห้องมีการวาดภาพฝาผนัง(ประตูเลื่อน)ตั้งแต่ศตวรรษที่20 ซึ่งเป็นภาพดอกไม้ตามฤดูกาลต่างๆ และบอกเล่าประวัติของ Kobo Daishi เกี่ยวกับการเดินทางในเมืองจีนที่ได้ไปศึกษาธรรมะ จนกระทั่งมาเจอ Koyasan แห่งนี้
ด้านหลังเป็นสวนชื่อ Banryutei Rock Garden ส่วนขนาดใหญ่สไตล์ญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1984 โดยมีหินก้อนนึงที่ใหญ่ทีสุดมาจาก Shikoku ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Kobo Daishi โดยหินที่วางเรียงรายกันนี้ สื่อให้เห็นถึงมังกรคู่ที่แหวกว่ายอยู่ในทะเลเมฆ
เมื่อนักท่องเที่ยวกลับไปที่อาคารหลักของ Kongobuji จะเห็นห้องที่ดูอลังการงานสร้างมากห้องนึง ชื่อว่า Jodannoma Audience Room ซึ่งเป็นห้องที่ใช้รับแขกคนสำคัญ โดยที่ผนังห้อง และประตูเลื่อน มีการเลี่ยมด้วยทองแท้ ส่วนเพดานมีการแกะสลักเป็นรูปดอกไม้
ท้ายสุดเป็นห้องครัวที่ไม่ธรรมดา เพราะสามารถรองรับการทำอาหารเลี้ยงคนได้ถึง 2,000 คนเลยทีเดียว
เปิด 8.30 – 17.00 น.
ค่าเข้า 500 yen
Reihokan Museum
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาสมบัติ และศิลปะวัฒนธรรมทางศาสนาของ Koyasan ทางเข้าพิพิธภัณฑ์จะเป็นสไตล์ยุคหลังจาก Byodoin Temple ใน Uji
พิพิธภัณฑ์ Reihokan มีห้องโถง 3 ห้อง ให้นักท่องเที่ยวได้ชม ทั้งแบบถาวรและแบบจัดชั่วคราวเป็นเทศกาลไป
เปิด 8.30 – 17.30 น.
ค่าเข้าชม 600 yen
Daishi Kyokai
เป็นศูนย์อำนวยการพุทธศาสนานิกาย Shingon มีหน้าที่ในการเผยแผ่คำสอนของ Kobo Daishi ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งนิกายนี้ขึ้นมา
มีให้ชม 2 อาคารด้วยกันคือ
Henjoden
เป็นพระอุโบสถแบบดั้งเดิม ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1915
อาคารสอนศาสนาสำหรับชาวต่างชาติ
เป็นอาคารแบบทันสมัย สอนศาสนาพุทธนิกาย Shingon เป็นภาษาอังกฤษ
เปิด 8.30 – 17.00 น.
ค่าเข้า ฟรี
กิจกรรมที่มีให้เข้าร่วมได้คือ
Jukai
เป็นพิธีรับศีล ซึ่งการเข้าร่วมพิธีนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นชาวพุทธ หรือเข้าร่วมแล้วถือว่ากลายเป็นชาวพุทธไปด้วย นอกเสียจากว่าคุณต้องการเปลี่ยนศาสนาเองเท่านั้น
พิธี Jukai นี้ ผู้เข้าร่วมจะนั่งอยู่บนเสื่อ tatami ในห้องมืดๆ มีพระสงฆ์คอยสวดมนต์ ระหว่างนั้นผู้เข้าร่วมก็คอยสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองในอดีต
(อันนี้แปลไม่ตรงนะ แต่ประมาณว่ารับศีลรับพร ฟังเทศน์ ฟังพระสวด นั่งสมาธิอะไรประมาณนี้ล่ะมั๊ง)
ซึ่งทั้งหมดนี้จะกินเวลา 30 นาที และจะมีใบรับรองให้ด้วยว่าได้ผ่านพิธี Jukai มาแล้ว
เปิด ทุกต้นชั่วโมงตั้งแต่ 9.00 – 16.00 น (มีพักเที่ยง)
ค่ากิจกรรม 500 yen
Shakyo
เป็นกิจกรรมการคัดลอกพระไตรปิฎก ซึ่งถือเป็นการฝึกสมาธิ และการบูชา ผู้เข้าร่วมจะได้รับกระดาษ พู่กัน และแบบ ซึ่งเป็นตัวอักษรแบบคันจิ พอเขียนเสร็จก็สามารถนำกลับไปเป็นของที่ระลึกได้
เปิด 8.30 – 15.00 น.
ค่ากิจกรรม 100 yen
Okunoin
ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นหลุมฝังศพของ Kobo Daishi ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Kukai ท่านเป็นผู้ก่อตั้งพุทธศาสนานิกาย Shigon และเป็นที่เคารพนับถือของคนญี่ปุ่นในประวัติศาสตร์คนนึงเลย
Kobo Daishi เชื่อว่าการทำสมาธิจะได้พบ Miroku Nyorai ซึ่งเป็นศาสดาในอนาคต เข้าถึงนิพพาน (แปลไม่เป็นนะ เข้าใจประมาณว่า แทนที่จะมีเกิด มีตาย ถ้าบำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรม ก็สามารถเข้าถึงนิพพาน แบบไม่มีเกิด ไม่มีตาย ไม่มีทุกข์อะไรประมาณนี้ล่ะมั้ง)
ถ้าลงรถเมล์ป้าย Ichinohashi-guchi จะเจอ Ichinohashi Bridge ก่อนจะเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 40 นาที จนถึง Torodo Hall
Ichinohashi Bridge
เป็นสะพานอันแรกที่จะข้ามไปฝั่ง okunoin โดยผู้เข้ามาเยี่ยมชมควรทำความเคารพท่าน Kobo Daishi ก่อนจะข้ามสะพานด้วยค่ะ
เมื่อข้ามสะพานไปแล้วจะพบกับป่าช้า Okunoin ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลย โดยมีหลุมศพอยู่มากกว่า 200,000 หลุม วางเรียงรายระหว่างทางกว่า 2 กิโลเมตร
เพราะหวังว่าหลังความตายจะ ได้เข้าใกล้ท่าน Kobo Daishi ที่มีหลุมศพอยู่ด้านบนสุด ทั้งศิษยานุศิษย์ ขุนนาง ศักดินา ต่างก็เลือกที่แห่งนี้เป็นที่พักหลังความตายมาหลายศตวรรษแล้ว
แต่ถ้าไม่อยากเดินไกล ก็ต้องลงรถเมล์ป้าย Okunoin-mae แล้วเดินขึ้นอีก 30 นาที ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งระหว่างทางก็จะมีป้ายหลุมศพเช่นเดียวกัน แต่จะต่างกันตรงที่ทางเดินนี้ จะมีหลุมศพที่ดูทันสมัยกว่า แปลกตากว่า แตกต่างจากอีกทาง รวมถึงสุสานที่สร้างเป็นที่ระลึกของบริษัทดังๆต่างๆด้วย
Gokusho Offering Hall
เมื่อเดินไปถึงด้านบนจะเจอ Gokusho Offering Hall ตั้งอยู่ข้างๆรูปปั้น Jizo ซึ่งเป็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์ ที่ช่วยระวังภัยให้กับเด็กๆและนักเดินทาง จากวิญญาณของผู้ตาย
นักท่องเที่ยวสามารถใช้กระบวยตักน้ำแล้วราดลงบนรูปปั้นเพื่อขอพรได้ รูปปั้นที่อนุญาติให้มีการราดน้ำนี้ได้เขาเรียกว่า Mizumuke Jizo
Gobyonohashi Bridge
ถัดไปจะพบ Gobyonohashi Bridge เป็นสะพานข้ามลำธารเล็กๆ ที่แยกส่วนของ Okunoin(สุสาน) กับส่วนของวัด
และก็เหมือนเดิมนะคะ คือก่อนจะข้ามสะพานก็ควรทำความเคารพท่าน Kobo Daishi ก่อน อีกเรื่องคือเขาห้ามถ่ายรูป ห้ามทานอาหาร และเครื่องดื่มในบริเวณนั้นเด็ดขาด
เมื่อข้ามสะพานไปจะพบ Miroku Stone ทางด้านซ้าย มีลักษณะคล้ายบ้านที่อยู่ในกรงเล็กๆ เป็นหิน(น่าจะหนักอยู่นะ) นักท่องเที่ยวสามารถลองยก Miroku Stone นี้ได้โดยให้ใช้แค่มือเดียว
เชื่อกันว่าถ้ารู้สึกว่าเบาแสดงว่าเป็นคนดี แต่ถ้ารู้สึกว่าหนักแสดงว่าเป็นคนไม่ดี (อ้าว…ต่อให้หนักก็ต้องแอ๊บว่าเบาล่ะค่ะ)
Torodo Hall (Hall of Lamps)
เป็นหอบูชาหลักของ Okunoin อยู่ด้านหน้าหลุมศพของ Kobo Daishi ภายในหอบูชานี้จะมีโคมไฟมากกว่า 10,000 อัน ซึ่งได้มาจากการบริจาคเพื่อบูชา (คงคล้ายๆเป็นดวงไฟชีวิตมั๊ง)
ในส่วนของห้องใต้ดินจะมีรูปปั้นเล็กๆกว่า 50,000 รูป ที่มีผู้ศรัทธาบริจาคเนื่องในโอกาสครบรอบ 1150 ปี ของ Kobo Daishi เมื่อปีค.ศ.1984
หนังสือแนะนำการท่องเที่ยวบางเล่ม แนะนำให้มาสุสานนี้ในตอนกลางคืนด้วย นักท่องเที่ยวจะได้เห็นถึงความแตกต่าง ของสภาวะแวดล้อมระหว่างกลางวันและกลางคืนอย่างมาก (ให้นึกซะว่ามาฝึกจิตค่ะ)
แต่บางสถานที่ก็อาจจะมืดซักหน่อย เพราะปิดกันหมดแล้ว และอย่าลืมว่าต้องเดินด้วยความเคารพสถานที่ ไม่ถ่ายรูป ไม่ทานอาหารด้วยนะคะ แม้ว่าจะไม่มีผู้ดูแลแล้ว
Torodo Hall เปิด 6.00 – 17.30 น เข้าฟรี
Gokusho Offering Hall เปิด 8.30 – 16.30 น. เข้าฟรี
หากใครต้องการข้อมูลแบบเจาะลึกทุกสถานที่เขาก็มีบัตรค่าเข้าแบบเหมาทุกที่ 2,000 yen
ดูรีวิว เที่ยว Koyasan
ข้อมูลจาก
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ