วิจารณ์ทริปกระบี่ (ตามความรู้สึก)

• เสียดายที่ครั้งนี้มีเวลาน้อย  เลยไม่ค่อยได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างที่อยาก  เพราะยังมีเส้นทางเดินดูธรรมชาติอีก ที่ยังไม่ได้สัมผัส

• ผู้สูงอายุก็เที่ยวได้ แต่ต้องเดินเองได้ ห้ามขึ้นสปีดโบ้ท ต้องหางยาวเท่านั้น (ตอนคลื่นสงบ) แต่ถ้าคลื่นแรงเรือก็อาจกระโดดตอนคลื่นมาเหมือนกัน

• อย่าคิดว่าคนสูงอายุจะอ่อนแอ อย่าเป็นห่วงเกินเหตุ แต่ถ้าเกิดพลาดก็ต้องทำใจ มีสติ  และต้องพาไปเที่ยวบ่อยๆ

• เวลาเลือกทัวร์ ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกแบบที่คนน้อยๆ  คนมากก็มากเรื่อง

• ช่วงน่าเที่ยวที่สุดคือ มีนาคม-เมษายน

• ช่วงที่ไม่น่่าเที่ยวที่สุดคือ กรกฏาคม-ตุลาคม

• โดยรวม3วันแล้วก็รู้สึกประทับใจนะ แต่แพงไปหน่อยสำหรับคนไทย

• ทำให้อยากเช่ารถขับเที่ยวอีกในที่อื่นๆ

• ถ้ารู้แน่ๆว่าไม่มีเวลาเดินชายหาด ก็หาที่พักในเมืองดีกว่า อาหารถูก  แต่ถ้าไม่มีรถถึงจะพักในเมืองก็ต้องหารถเข้าตลาดอยู่ดีแหละ เพราะโรงแรมดีๆไม่ค่อยมีแถวตลาดเลย

• เที่ยวเมืองไทยเสียก็ตรงที่ชอบเอาเปรียบลูกค้า  ไม่มีระเบียบ  ไม่สะอาด  ไม่เป็นสากล  การบริการ มารยาท  การขนส่งสาธารณะเรียกว่าแย่สุดๆ
• ถ้าประเทศไทยไม่มีธรรมชาติ ไม่มีทะเลสวยๆแบบนี้ ไม่อยากจะนึกเลยว่าจะเป็นยังไง จะหากินกันยังไง

---

ค่าธรรมเนียม

สุสานหอย

เด็กไทย 10 บาท

ผู้ใหญ่ 20 บาท

เด็กต่างชาติ 100

ผู้ใหญ่ต่างชาติ 200

---

วัดถ้ำเสือ

ไม่มีส่วนไหนเก็บค่าเข้า (แต่ควรทำบุญตามศรัทธา)

---

น้ำตกร้อน

คนไทย 20 บาท

คนต่างประเทศ 90 บาท

ค่าจอดรถยนต์ 20 บาท

มอร์เตอร์ไซค์ 5 บาท

---

สระมรกต

คนไทย 20 บาท (ผู้สูงอายุ…ฟรี)

คนต่างประเทศ 200 บาท

เด็กต่างประเทศ 100 บาท

---

 

บ่นเรื่องมารยาทก่อนจบ

ตอนกลับถึงสนามบินดอนเมือง  นึกว่าจบเรื่อง แต่ยังไม่จบ

พอถึงดอนเมืองถ้าใครที่ต้องใช้บริการแท็กซี่ก็จะรู้ดีว่ามันรอนานมาก

ต้องต่อคิวยาวเหยียด  ยาวจนมาถึงประตูทางออก

ทำให้แถวพาดขวางทางเข้าออกอยู่

---

พวกเราก็ต่อแถวไปตามปกติ  พอมีคนจะเข้าจะออกก็ต้องตัดผ่านแถว

บังเอิญว่ามาตัดตรงหน้าเราพอดี  เราก็ให้เขาไปก่อน

พอหมดคนเราก็กระเถิบแถวไปต่อเหมือนเดิม  แต่กลับกลายเป็นว่า

---

มีคนมาต่อคิวตัดหน้าอีก เราก็บอกว่าเห็นแถวข้างหลังมั้ยคะ

เนี่ยะเขาต่อกันมาตั้งนาน ดิฉันเห็นคุณสองคนยืนจ้องๆมองๆอยู่ตั้งนานแล้ว ไม่เห็นต่อซักที

พอแถวขาดตอนพวกคุณก็มาเสียบเฉยเลยนะ

เขาก็บอกว่าหรอ…ไม่รู้นี่ แล้วก็ยืนอยู่ที่เดิม ไม่ออกจากแถวไปต่อใหม่

---

เราก็จะไปทำอะไรเขาได้ล่ะ ก็บอกคนหลังๆว่า ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ

ถ้าคนข้างหลังๆเขาไม่ว่าก็เชิญค่ะ  คนข้างหลังๆก็มองสองคนนั้นใหญ่เลย

จนทนสายตาไม่ไหวเลยต้องออกไปต่อแถวใหม่

---

ระหว่างที่คุยกัน แถวก็ขาดช่วงอีกแล้ว ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง

น่าจะเป็นต่างชาติ เข้ามาเป็นฝูงเลย  เฮ้ย…อะไรฟระ  ไม่เห็นแถวรึไงเนี่ยะ

ตอนนั้นกำลังหงุดหงิด เลยบอกเลยว่า Why don’t you in queue

---

เขาก็บอกประมาณว่าก็เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหน้าจองไว้ให้อ่ะ

แล้วชี้ไปที่คนข้างหน้า  เลยขอให้แม่พูดให้เขาเข้าใจหน่อย

แม่ก็พูดแบบสุภาพสุดๆ  มียิ้มๆด้วยนะ

แต่เขากลับตะคอกกลับมาพูดประมาณว่าก็เพื่อนจองไว้ให้อ่ะ

แล้วชี้ไปคนข้างหน้าอีก  เห็นหน้าคล้ายคนทางใต้เหมือนๆกัน  เราก็นึกว่ามาด้วยกัน

---

เออ…ด้านได้ก็ด้านไป  ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง

พอได้ยินคนข้างหน้าพูดภาษาไทย

เราก็  อ้าว…พี่คนไทยหรอ  รู้จักคนกลุ่มนี้มั้ย  เขาก็บอกว่าไม่รู้จัก

---

อ้าวรอบสอง…  เขาก็บอกว่าช่างเขาเถอะ จะได้ไม่มีเรื่อง

เราก็ไม่ได้อยากมีเรื่องอยู่แล้ว ก็ปล่อยไป

---

 

ส่วนแม่ก็เห็นเป็นคนไทยเลยเอื้อมไปจับมือ

ถามว่ามาจากไหนหรอ  มาเที่ยวหรือเป็นคนกรุงเทพ

คุยกันไปยิ้มกันไป  ประมาณว่าคุยข้ามหน้าคนกลุ่มนั้น

---

 

ทันใดนั้นไอ้คนที่หน้าโหดสุด ตัวใหญ่สุด

ก็หันมาตะคอกแยกเขี้ยวใส่แม่เรา  Please in the line แล้วทำตาโตๆ

นิ้วชี้มาที่หน้าแม่  หน้าแม่กับหน้ามัน อยู่ห่างกันไม่เกินคืบ  เรางี้โมโหสุดขีด

---

มือที่จับแม่อยู่ ก็ดึงแม่กลับมา  แล้วเข้าไปขวางแล้วบอกว่า

She just talking to him what’s a problem?

ไม่รู้พูดถูกป่าวอ่ะ แต่ก็ควรจะรู้เรื่องนะ

She’s a senior did you do like this with your mother?

(คนรู้ภาษาอย่าขำนะ…มั่วไปให้พอรู้เรื่องน่ะ)

แม่กระชิบบอกว่าผู้ชายไรวะ ไม่แมนเลยเนอะ

---

 

มันทำหน้าจะเอาเรื่องด้วย  แต่คงควบคุมไว้ แล้วหันไปทำหน้าแบบคนไม่มีมารยาท

กลุ่มของเขามีด้วยกันประมาณ 5 คน เป็นผู้หญิงแต่งตัวแบบมุสลิม

ผู้ชายร่างบึ๊กๆอีก 4 คน  พันผ้าพันคอสีลายทางเหลืองดำ

เราก็คิดแล้วว่าต้องมาเชียร์บอลอะไรซักอย่างแน่ๆ

---

 

ตอนนั้นไม่รู้หรอก ว่ามีบอลนัดสำคัญที่มาเลเซียมาเยือนไทย

รู้สึกตอนนั้นกำลังแข่งกันอยู่ซะด้วย  มารู้อีกทีก็ตอนดึกแล้ว

ในชีวิตไม่เคยดีใจเรื่องบอล  ไม่เคยดูบอล

ใครจะชนะ ใครจะแพ้ ไม่เคยสนใจเลย  แต่พอรู้ว่าทีมไทยชนะมาเลเซีย

โอ้โห…ทั้งแม่ทั้งลูก ดีใจอย่างกับเล่นพนันบอลไว้แน่ะ

---

 

คือถ้าปกติแล้วเราไปไหนกันสองคนก็จะไม่ซีเรียสอะไรมาก

ยืนนานก็ไม่เป็นไร  แต่ที่ต้องรีบ ต้องหงุดหงิดเวลามีคนมาแซง

เพราะเห็นแม่ยืนนานๆไม่ค่อยไหว  แล้วก็ไม่คิดว่าจะมีพวกหน้าด้าน นิสัยแย่ ขนาดนี้ด้วย

---

ถ้าสมมติว่าเราพูดไปแล้ว เขายังหน้าด้านอยู่ เราก็ไม่ได้จะไปถีบออกนอกแถวซักหน่อย

ด้านก็ด้านไปสิ  ก็แค่อยากลองพูดดู  พูดก็พูดธรรมดา ไม่ได้ใส่อารมณ์ด้วย

---

บอกก่อนนะว่า เราไม่มีอคติอะไรกับประเทศมาเลเซีย

เข้าใจว่าคนบนโลกทุกประเทศก็มีทั้งดีและไม่ดี  มันไม่ได้อยู่ที่ประเทศ

แต่มันอยู่ที่ตัวบุคคล  เราเคยไปมาเลเซีย (ดูรีวิวมาเลเซีย)

ผู้คนก็ให้ความช่วยเหลือดี  บางคนก็หน้าโหดมากแต่กลับใจดีมาก

---

 

รวมลิ้งค์เที่ยวกระบี่ทุกตอน

 

 

---