ล่องเรือ ซานตา มาเรีย (Cruise Ship Santa Maria)
ตอนที่แล้วเราไปขึ้น ชิงช้าสวรรค์ Tempozan ในTempozan Habor Village ตอนนี้เราก็ยังอยู่ที่เดิมค่ะ แค่เดินต่อไปนิดเดียว เพื่อไปล่องเรือ ซานตา มาเรีย ที่สวยและใหญ่มากๆๆๆ น้อยคนนักที่ซื้อ Osaka Amazing Pass แล้วจะไม่ขึ้น Santa Maria ค่ะ
Osaka Amazing Pass ใช้ได้เฉพาะรอบกลางวันนะคะ 11.00-16.00น. (เพราะมันมีรอบกลางคืนด้วย แต่พาสใช้ไม่ได้)
ราคากลางวัน 1600 เยน 45 นาที ออกทุก 1 ชม.(มีพาสเข้าฟรี)
กลางคืน 2500 เยน 90 นาที (ใช้พาสไม่ได้)
แล้วชื่อเรือ ซานตา มาเรีย คืออะไร เราไปทบทวนกันก่อนนะคะ
ซานตา มาเรีย คืออะไร
ย้อนกลับไปเมื่อ 500 กว่าปีก่อน เป็นยุคที่สเปน และโปรตุเกส กำลังแข่งกันล่าอาณานิคม และอีกเป้าหมายนอกจากขยายอาณาเขตของตัวเองแล้วก็คือ เครื่องเทศของประเทศทางตะวันออก (อินเดีย,จีน) ซึ่งมีค่ามากนะคะในสมัยนั้น
โดยพยายามเดินเรือไปทางตะวันออก ลัดเลาะแผ่นติน ลงไปทางใต้(แอฟริกาใต้) ซึ่งจะมีพายุมันแรงมาก ทำให้การเดินทางมันลำบาก
แต่มีบุคคลหนึ่งชื่อ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ชาวเจนัว(อิตาเลี่ยน) คิดว่าทำไมไม่ล่องเรือไปทางตะวันตกดูบ้างล่ะ (เมื่อก่อนนึกว่าโลกแบน ไปทางตะวันตกก็กลัวจะตกโลก) แต่เขาไม่ได้คิดเองเออเองมั่วๆนะ เขาก็หาข้อมูลจนตั้งสมมุติฐานแบบนี้ได้คือ “เชื่อว่าโลกกลม”
เขาก็เลยไปขอการสนับสนุนจากโปรตุเกส ซึ่งเป็นเจ้าแห่งการเดินเรือในขณะนั้น แต่กษัตริย์ไม่เชื่อว่าไปทางตะวันตกจะสำเร็จ และกลัวจะเสียเรือ เสียของไปฟรีๆ ก็เลยปฏิเสธไป
อีกไม่กี่ปีต่อมา โคลัมบัส ก็ไปขอการสนับสนุนจากสเปนแทน ปรากฏว่ากษัตริย์สเปนตกลงจะให้เรือ และข้าวของ รวมถึงลูกเรือ(ก็พวกนักโทษนั่นแหละ เผื่อพลาดจะได้ไม่เสียดาย)
โคลัมบัสได้เรือมา3ลำ ลำใหญ่สุดมีชื่อว่า “มารีกาลองค์” แต่โคลัมบัสเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า “ซานตา มาเรีย” (ทำไมต้องเปลี่ยนก็ไม่รู้นะ) ส่วนเรือเล็กอีกสองลำชื่อว่า “นิญา” และ “ปินดา”
หลังจากล่องเรือได้สามสัปดาห์ โคลัมบัสก็พบแผ่นดิน โดยนึกว่าแผ่นดินที่ตัวเองเห็นเป็นประเทศจีน แล้วก็ได้ไปๆมาๆอยู่หลายครั้งด้วยนะ จนเขาเสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 55 ปีเท่านั้น ก็ยังไม่รู้ว่ามันไม่ใช่จีน แต่จริงๆแล้วมันเป็นแผ่นดินที่ยังไม่มีชาวตะวันตกคนไหนมาจับจอง
สรุป ซานตา มาเรีย ก็คือชื่อเรือที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ใช้ในการค้นพบโลกใหม่(อเมริกาในปัจจุบัน)นั่นเอง
ส่วนเรือซานตา มาเรียที่โอซาก้า ได้สร้างจำลองขึ้นมานั้น มีความใหญ่เป็นสองเท่าของของจริงค่ะ แต่ยังคงมีลักษณะที่คล้ายกันนะคะ
รอขึ้นเรือ ซานตา มาเรีย
เค้าจะมีรอบให้ดูนะคะ ว่าเรือออกกี่โมง ไม่ต้องไปรอให้เสียเวลา จำได้ว่าออกทุกต้นชั่วโมงค่ะ และใช้เวลาเดินเรือ 45 นาที
แอดมินไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ก่อน เพราะเห็นว่าอีกนานกว่าเรือจะมา พอเสร็จก็ได้เวลาพอดีกับเรือ ไม่เสียเวลาเลยค่ะ พอใกล้ถึงเวลาก็จะมีประกาศทางลำโพงด้วย ไม่ต้องห่วงค่ะ ฟังไม่ออกไม่เป็นไร เพราะจะได้ยินคำว่า ซานตา มาเรีย ชัดแจ๋ว
ไปขึ้นเรือซานตา มาเรียกันดีกว่า (เผื่อจะค้นพบโลกใหม่กะเค้ามั่ง)
ทางไปขึ้นเรือ ต้องลงไปที่ท่าเรือค่ะ จะมีป้ายบอกอย่างชัดเจน
เข้ามาด้านในท่าเรือก็จะเห็นชิงช้าสวรรค์ใกล้ๆด้วยค่ะ ใหญ่มากๆ
พอมาถึง(น่าจะเป็นคนแรกๆเลยค่ะ ดูท่าทางเห่อมาก) เรือยังไม่เทียบท่าเลยค่ะ แต่ใกล้แล้วล่ะ มองเห็นมาแต่ไกลเลย
สภาพแวดล้อมที่ท่าเรือ ดูไม่ได้ตกแต่งอะไรเลยนะคะ ดูธรรมดา เรียบง่าย แต่ก็ไม่สกปรกค่ะ
อากาศก็ไม่หนาวมากนะคะ เย็นๆสบายๆ แต่พอมองไปที่ตึกใกล้ๆ ก็ไม่ได้สูงอะไรนะ แต่หมอกบังจนไม่เห็นยอดตึกเลย
พอเรือมาเทียบท่า ก็จะปล่อยให้คนลงก่อน ดูปริมาณแล้วไม่เยอะเลยค่ะ ส่วนคนจะขึ้นใหม่ก็ต้องไปยืนรอซะไกลเลย จัดระเบียบได้ดีนะคะ คนจะได้ไมไปออกกัน แย่งกันขึ้น แย่งกันลง
นับถือความมีระเบียบของญี่ปุ่นจริงๆ คือมันเป็นสามัญสำนึกนะ จะขึ้นเรือก็ต้องรอให้คนลงหมดก่อน แล้วไม่ต้องไปยืนจ่อขวางทางคนลง เขาจะได้ลงสะดวก ไปเร็วๆ คนขึ้นก็ได้ขึ้นเร็ว ไม่ชนกัน
ไม่รู้ว่าจะมีใครแอบอยู่บนเรือ ไม่ยอมลง แล้วอยากล่องเรืออีกรอบหรือเปล่านะ
บนเรือซานตา มาเรีย
พอขึ้นมาบนเรือ ก็จะเจอ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ยืนชี้ไปทางขวาของตัวเอง ไม่รู้ทำไมต้องชี้นะ (หรือจะสื่อว่าให้ไปทางตะวันตก??)
ขึ้นมาส่วนของพื้นดาดฟ้าเรือ ดูกว้างใหญ่ และสะอาดดีค่ะ รอบนี้คนน้อยมากกว่ารอบก่อนอีกค่ะ ระหว่างรอเรือออก ก็พากันนั่งจับจองที่นั่งกัน แต่พอเรือออกก็นั่งไม่เห็นติดกันเลยซักคน 555+ (ก็วิวมันสวย)
เส้นทางเดินเรือ 45 นาทีของซานตา มาเรีย
ออกเดินเรือ
พอเรือออกแล่นไม่นาน ก็พากันลุกขึ้นมาถ่ายรูปกัน เซลฟี่กันใหญ่ แอดมินว่าก็น่ารักดีนะ ประมาณว่าตอนออกกล้องก็ยิ้มสวยเลย แอ๊คเต็มที่ พอเลิกถ่ายก็ทำหน้าธรรมดา มันคือศิลปะใช่ป่ะ พอหลังๆเรือแล่นไป 20นาที คนก็เริ่มนั่งกันแล้วค่ะ ไอ้ที่นั่งจองที่นั่งกันเริ่มหายไปไหนกันหมดไม่รู้ โล่งเชียว
ทริปนี้สังเกตุได้เลยค่ะ ว่าคนใช้กล้องถ่ายรูป Sony ซีรี่ย์A (พวกA5000 A5100 A6000 ไรงี้) กันเยอะนะ (แอดมินใช้ Sony A5000 จบทริปนี้ขายต่อเลยล่ะ เพราะถือกันเยอะเกิน เสียงชัตเตอร์มันดังแชะๆด้วย แอบถ่ายไม่ได้เลย ถ่ายในพิพิธภัณฑ์ก็ดังสนั่น)
ระหว่างทางจะเห็น Universal Studio ด้วยค่ะ แต่ทริปนี้แอดมินไม่ได้ไปค่ะ เพราะอยากรอให้โซน แฮรี่ พอตเตอร์ สร้างให้ครบก่อน แหะๆ
ถ้ามีพวกกิจกรรมอย่างปลดใบเรือลงมา แล่นด้วยแรงลม จะเจ๋งมากเลยนะ (แต่ราคาอาจไม่ได้แบบนี้ก็ได้นะ เพราะมันคงต้องใช้คนเยอะในการบังคับน่ะ) หรือไม่ก็เป็นพวกหุ่นลูกเรือ ทำงานบนเรือ เอามาตั้งโชว์ไว้ถ่ายรูปบ้างนะ
สภาพบนเรือก็ไม่ได้ถึงขั้นสะอาดเนียบค่ะ แต่ก็ไม่ได้สกปรกอะไร กลางๆค่ะ สีก็ถือว่ายังไม่ซีดจนดูเก่า
เรื่องวิวคงไม่ต้องพูดถึงมากนะคะ เพราะว่ามันสวยมากอยู่แล้ว แต่สวยแบบท่าเรือนะคะ สวยเพราะฟ้า ทะเล อากาศ และบรรยากาศภายในเรือ แต่ข้างทางมันก็จะมีพวกแท่นขุดหรืออะไรไม่รู้แล้วมีกองถ่านหินอยู่เรียงราย แล้วก็พวกตึก สะพานรถ(สะพานมี2ชั้นด้วยนะ) แต่รวมๆแล้วถือว่าบรรยากาศดีค่ะ
รอบที่แอดมินขึ้นน่าจะไปประมาณรอบบ่ายสองโมงค่ะ แต่คนน้อยมาก ส่วนรอบถัดๆไป เห็นเด็กนักเรียนขึ้นเยอะมาก โชคดีจริงๆ
พิพิธภัณฑ์ในเรือ
เห็นว่าเรือหันกลับ คงจะอีกไม่นานก็จะเทียบท่าแล้ว เลยมาสำรวจส่วนอื่นๆดูบ้าง ก็เลยเพิ่งรู้ว่ามีด้านล่างให้ลงไปด้วยค่ะ เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการเดินเรือ ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
แถมยังมีร้านอาหาร จำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่ม มีที่นั่งทานอย่างหรูอีกด้วย
เทียบท่า
พอกำลังจะเทียบท่า คนบนพื้นก็จะโบกมือโบกไม้ให้คนบนเรือ สนุกสนานกันใหญ่ เห็นคนญี่ปุ่นใส่เสื้อลายทางขาวดำกันเยอะเหมือนกันนะคะ บางคนมากันสองคน น่าจะเป็นแฟนกัน ก็ใส่ลายทางเหมือนกัน คนญี่ปุ่นคงจะฮิตกันนะคะ ใครไปญี่ปุ่นอยากทำเนียนๆก็ใส่ไปสิคะ เท่ห์ดี ไม่ใช่แค่เสื้อนะคะ ผ้าพันคอ กระเป๋า ถุงเท้า ก็ลายขาวดำค่ะ
รู้สึกว่านานพอสมควรเลยนะคะ คงไม่มีใครไม่ยอมลงแล้วแอบนั่งสองรอบมั๊ง
Captain Line
ลงจาก ซานตา มาเรีย ก็มาสำรวจบริเวณท่าเรือโดยรอบกันต่อค่ะ ซึ่งข้างๆซานตา มาเรียน ก็จะเป็นท่าเรือขึ้น Captain Line แต่ไม่ได้ขึ้นนะคะ เพราะเวลาไม่พอ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรด้วยค่ะ วิวก็ดูอิ่มแล้ว ก็เลยดูแค่จุดซื้อตั๋ว กับเรือภายนอกค่ะ
ค่าโดยสาร Captain Line เที่ยวเดียว 700 เยน ไปกลับ 1300 เยน ใช้ Osaka Amazing Pass ขึ้นฟรีทั้งไปและกลับค่ะ
เราสามารถขึ้น Captain Line ไปลงยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ได้ค่ะ แต่ขากลับถ้าจะนั่งเรือกลับมาที่เดิมต้องกลับเร็วหน่อยนะคะ เพราะเท่าที่จำได้ เรือเที่ยวสุดท้ายประมาณ 6โมงเย็น
สไลด์โชว์ ซานตา มาเรีย
สรุป ล่องเรือซานตา มาเรีย
- ต้องมาค่ะ ซื้อ OAP ถ้าชนิด 1วัน ก็แค่ 2300เยน แต่ค่าล่องเรือซานตา มาเรีย 1600 เยน + ชิงช้าสวรรค์ 800 เยน แค่นี้ก็เกินค่าบัตรแล้ว แต่เรายังสามารถไปที่อื่นๆอีกได้เพียบ ฉะนั้นคุ้มเห็นๆ แต่แอดมินซื้อชนิด2วัน แค่ 3000 เยน ยิ่งกว่าคุ้มอ่ะค่ะ
- วิวสวย อากาศดี รู้สึกดีเวลาเรือแล่น ตื่นเต้นเวลาเรือเทียบฝั่ง ภายในเรือสะอาด กว้างขวาง มีที่เดินเยอะ ฟินอ่ะ
- แต่ใครมาหน้าหนาวอาจจะหนาวจนไม่อยากออกมาชมวิวก็ได้นะ
- ข้างในมีขายของทานเล่น เครื่องดื่ม ที่นั่ง และมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆใต้ท้องเรือด้วยค่ะ
- 45 นาที รู้สึกเหมือนแค่ 20 นาทีเท่านั้น รู้สึกดีจนไม่อยากให้จบ
- เวลาพูดอย่าหลงพูดว่า ซาตาน มาเรีย แบบแอดมินนะ 😳
แผนที่สถานที่ที่ได้ไปมาในโอซาก้า ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass(ชนิด2วัน 3000 เยน) สีแดงคือวันแรก สีน้ำเงินคือวันที่สอง ของการเที่ยวเฉพาะในโอซาก้า
คลิปวิดีโอรีวิว ล่องเรือ ซานตา มาเรีย
ติดตาม GoNoGuide ผ่าน Facebook
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ