มาเก๊า-ฮ่องกง10 พระใหญ่ – ดิสนี่ย์แลนด์
13 ม.ค. 2555 วันที่หกของการเดินทาง
วันนี้พวกเราตื่นสายกว่าปกติ กว่าจะออกจากที่พักได้ ก็ตั้ง10 โมงกว่า เพราะเมื่อวานเดินจนเหนื่อย
ที่แรก ที่วันนี้จะไปคือ Ngong Ping จะเรียกว่าวัดพระใหญ่กัน
หรือภาษาอังกฤษเขาเขียนว่า Tian Tan Buddha
ไม่ได้อยากไปวัดนักหรอก ไม่ได้ชอบเที่ยวพวกวัด ดูพระ
แต่อยากไปเพราะมันได้ ขึ้นเขา ดูวิว และที่สำคัญคือ อยู่ใกล้ๆกับดิสนี่แลนด์
ที่เราจะไปในวันที่สองนี้อยู่แล้ว ถือว่าไหนๆก็ผ่านมาแล้ว ก็แวะดูซะหน่อย
เรานั่ง MTR สายสีแดง Tsuen Wan แต่ย้อนขึ้นด้านบน
ไม่หลงโง่ลงล่าง ไปเปลี่ยนสายสีส้ม ที่สถานี Hong Kong แล้ว เพราะคนเยอะมาก
จะได้ไม่ต้องอัดแน่นจนต้องรอขบวนถัดไปเหมือนเมื่อวาน
แล้วถึงจะรอคันถัดไปยังไง ก็อัดแน่นเหมือนกันทุกคัน
เราไปเปลี่ยนสายสีส้ม ที่สถานี Lai King ซึ่งใกล้จะข้ามเกาะแล้ว
พอมาลง TungChung ก็เดินหารถเมล์ สาย 23 (ระหว่างทางจะมีห้าง City Gate อยู่ติดกับ MTR เลย)
เป็นรถสีขาว เป็นอู่รถอยู่เกือบติดถนนใหญ่ รถออกเป็นเวลามีป้ายบอก
รถวิ่งซอกแซกไปตามเชิงเขา เห็นภูเขา ทะเลถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสวยมาก
เดินทางประมาณ 35-40 นาที ก็มาถึง Ngong Ping Village
ซึ่งอยู่ใกล้ทางขึ้นพระใหญ่ สถานีกระเช้าก็อยู่สุดหมู่บ้าน
ในจินตนาการคิดว่า จะเป็นหมู่บ้าน แบบชาวบ๊านชาวบ้าน ชาวเขา อะไรทำนองนี้
แต่ที่ไหนได้ เป็นร้านค้าหรูหมด ภายนอกตกแต่งสวย เป็นบ้านแบบจีน กึ่งสมัยใหม่ ก็ดูสวยไปอีกแบบ
เดินชมสักพัก ซึ่งก็เหมือนถูกจัดมา สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
เราปีนบันใดขึ้นไป ดูด้านบนที่มีพระพุทธรูป แบบจีนขนาดใหญ่ เหมือนขึ้นดอยสุเทพ เป็นบันไดร้อยกว่าขั้น
ใต้ฐานพระพุทธรูป จะเป็นที่แปะป้ายชื่อคนที่เสียชีวิต ที่ญาติขอซื้อที่นี่ไว้
ซึ่งเขามีราคาแปะไว้ด้วย ขอบอกว่าแพงมากๆ ที่แพงที่สุด ยังแพงกว่าบ้านในเมือง 36 ตารางวา อีก
คิดเป็นตารางนิ้ว แต่เขาไม่ให้ถ่ายรูปด้านใน
เราใช้เวลากับที่นี่ได้ไม่นาน เพราะหนาวมาก ฝนตกปรอยๆด้วย และไม่ค่อยมีอะไรที่ถูกใจให้ชมนัก
จากนั้นเรากลับทางเดิม เพื่อไปดีสนี่ย์แลนด์ต่อ
วันนี้ฝนตกพรำๆทั้งวัน แต่ก็โชคดีที่ไม่ตกหนัก
ตั้งใจมาดิสนี่ย์ เพื่อดูขบวนพาเหรดอีกรอบ(ประทับใจมากจากเมื่อวาน)
แต่ฝนตกจึงอดดูเลย (ฝนตก ขบวนพาเลดยกเลิก)
เป้าหมายวันนี้ มาดูโชว์ต่างๆเป็นหลัก ไม่ได้เล่นเครื่องเล่น เหมือนเมื่อวาน
แต่กว่าจะไปถึงดิสนี่ย์แลนด์ ก็บ่าย 2 เกือบบ่าย 3 แล้ว โชคดีที่ไปถึงแล้ว ได้รอบ Lilo Stich เลย
เข้าไปมีจอใหญ่ เหมือนโรงหนัง มีเจ้าโคอาล่าต่างดาวสีฟ้า
มาทักทายคนดู แบบพูดคุยถามตอบกันได้สดๆเลย สมจริงมาก ไม่รู้ทำได้ไง
คล้ายๆมีคนพากษ์เสียงอยู่ แต่ปากและสีหน้า การเดินหันซ้ายหันขวา
เหมือนเป็นคนจริงๆ (กลับมาหาข้อมูลก็เลยรู้ว่า เทคนิคแบบนี้ เขาก็ใช้ทำการ์ตูน Animation กันทั้งนั้น)
จากนั้น ก็รีบจ้ำไปดู Festival of Lionking คนเยอะมาก
รอเกือบครึ่งชั่วโมง ที่ไปก่อน เพราะเขาจำกัดจำนวน ถ้าเต็มแล้วก็ตัดเลย
โชว์นี้เป็นโชว์ที่ชอบที่สุด อลังการสุดๆ คนนำร้องโอเปร่า เสียงดีมาก
ถ้าให้เสียเงิน 500 มาดูแค่โชว์นี้โชว์เดียว ก็ยังคุ้มเลย
แต่ถ้าโชว์แบบนี้ ไปโชว์ที่เมืองไทย อย่างดิสนี่ย์ออนไอซ์ ยังเก็บแพงกว่าเลย
จากนั้น ไปดูมิคกี้สามมิติ พิลล่าเมจิก เป็นคล้ายๆโรงหนัง
มีแจกแว่นสามมิติด้วย เป็นเจ้าโดนัลดั๊ก(ร้องแคว่กๆตัวนั้น)
ผจญภัยไปในโลกการ์ตูนสารพัดเรื่องของ ดิสนีย์
ฉากสามมิติของเขา สมจริงแบบว่า มีอะไรลอยเหมือนมาอยู่บนจมูกเราเลย
ฉากดำน้ำ มีสาหร่ายมาพันขาด้วย ฉากตกน้ำ ก็มีละอองน้ำ มาโดนคนดูจริงๆ
สนุกและอินไปกับเนื้อเรื่อง เหมือนมีตัวการ์ตูน ออกมาจากจอจริงๆ
ดีกว่าที่ที่มาดามทุสโซ่ ที่พัทยาเยอะเลย
โชว์สุดท้ายคือ Golden Mickey ตอน 18.15น. สมเป็นโชว์ปิดท้ายของเราจริงๆ
อลังการงานสร้างไม่แพ้ Lion King เหมือนได้นั่งดูละครเวที+ดูโรงหนัง+โอเปร่า
ก่อนกลับก็เล่น Astro Blaster Buzz Light Year อีก2-3 รอบ (จากที่เมื่อวาน เล่นมาหลายรอบ แต่ก็ยังติดใจ)
จากนั้นมุ่งหน้าไป Sham Shui Po ต่อ ก็กะว่าจะไปดู ที่ที่เขาบอกว่า ขายส่งเสื้อผ้า
แต่ไม่นึกว่าจะปิดกันเร็ว (จริงๆนี่ก็มืดแล้วอ่ะนะ) ส่วนที่ยังไม่ปิด ก็ราคาถือว่าถูกกว่าที่อื่นๆ
แต่ถ้าเทียบกับที่ไทย ก็ถือว่าแพงอยู่ดี เนื่องจากเห็นว่า ยังไม่ดึกมาก จะกลับก็เสียดายเวลา
เลยเดินไป Mong Kok ต่อ จะไปดูตึก Sincere
ที่ตอนแรกจะมาพักที่นี่อยู่แล้ว แต่เปลี่ยนใจไปพักที่ Tsim Sha Shui แทน
มาเห็นแล้วก็เสียดาย ที่ไม่ได้พักที่ Mong Kok นี้
เพราะดูคึกคัก และเป็นชาวบ้านมากกว่าแถวจิมซาชุ่ยเยอะ ดึกแล้วก็ยังคึกอยู่เลย
แต่พวกตึกต่างๆ ก็ดูคล้ายๆกัน เดินต่อไป Lady Market ก็รู้สึกผิดหวัง เพราะราคาไม่ได้ถูกซักเท่าไหร่เลย
เดินวนไปวนมาจนทั่ว หาร้านขนมปัง แต่มีแต่ของแพงๆทั้งนั้น
ก็เลยไปหาร้านโจ๊กฮ่องกงกิน เห็นเขาว่ามาฮ่องกง ต้องลองชิมโจ๊กฮ่องกงให้ได้
มาเจอร้านที่ในหนังสือแนะนำใกล้ตึก Sincere ก็เข้าไปสั่งอย่างมั่นใจเลยว่า พ๊อกโจ๊ก(โจ๊กหมู)
เป็นครั้งแรก ที่สั่งอาหารแล้วเขารู้เรื่อง เราก็เห็นคนอื่นเขากินอย่างอื่นด้วย
ก็ชี้ไปจะเอาแบบนี้ด้วย และปาท่องโก๋ ไม่รู้ว่าคนจีนเขาเรียก ปาท่องโก๋ หรือเปล่า
แต่พอเราพูดว่าปาท่องโก๋ แล้วเขาก็เข้าใจเลยแฮะ
อยากจะบอกว่า มื้อนี้เป็นมื้อที่เรามีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้
เพราะคำแรกที่ตักโจ๊กขึ้นมาดม กลิ่นหอมแบบบอกไม่ถูก ว่าเขาใส่อะไร
แต่มีกลิ่นคล้ายๆน้ำเต้าหู้ผสมด้วย แต่มันหอมมาก พอกินเข้าไปเท่านั้น
แหม…จะให้บรรยายเหมือนดูการ์ตูนทำอาหารกันเลยมั้ย
ที่ชิมแล้ว เหมือนเราขึ้นไปนอนอยู่บนปุยนุ่น ในทุ่งถั่วเหลือง
มีแสงเปร่งประกายระยิบระยับ ที่นัยตาแห่งความสุข นี่เรากำลังกินอะไรอยู่เนี่ย
มันช่างหอม นุ่ม อร่อย หอมถั่วลิสง แผ่นเต้าหู้ แล้วอะไรอีกก็ไม่รู้
แม้แต่กลับถึงเมืองไทยแล้ว กลิ่นและรสชาติ ก็ยังติดอยู่
อยากจะกินอีก คิดโทษตัวเอง ที่ทำไมไม่ซื้อกลับมาด้วย
แต่จะพากลับมาอย่างไรล่ะ แต่ก็ต้องตัดใจ เหมือนได้พบรักใครในต่างแดน
แต่ต้องแยกจากกัน (เว่อร์ไปมั้ย…ไม่หรอกมันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ)
ชอบมากถ้าไปฮ่องกงอีก จะต้องไปกินโจ๊กให้ได้เลย
มาฮ่องกง วนกินอยู่ไม่กี่อย่าง บะหมี่ ก๊วยเตี๋ยว ข้าวราดอะไรไม่รู้
ไม่ค่อยหลากหลายเหมือนเมืองไทย ทุกที่ที่ไป จะเจอลูกชิ้นเสียบไม้ต่างๆ นำมาต้ม ราดแกงกะหรี่
ราคาค่อนข้างแพงทีเดียว 8-15 HKD แต่ไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่
ที่เราคงพอฝากท้องได้ คงมีแต่ขนมปัง ทาร์ตไข่ ตามร้านปกติ ซึ่งมีเกือบทุกที่
ที่ราคาค่อนข้างถูก 3.5-5.5 HKD เท่านั้น
ค่าใช้จ่ายวันนี้
ค่ากิน 120 HKD
ค่าเดินทาง 168 HKD
รวม 288 HKD
รวมรีวิวเที่ยวมาเก๊า-ฮ่องกงทุกตอน
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ