Tsutenkaku Tower

Tsutenkaku Tower

ตอนที่แล้วไป Osaka Museum of Housing and Living ที่มี พิพิธภัณฑ์บ้านสมัยเอโดะ และ เมืองญี่ปุ่นยุคใหม่ ซึ่งมีโมเดลจำลอง Tsutenkaku Tower ในสมัยอดีตเอาไว้ด้วย  ซึ่งเมื่อก่อน จะเป็นคล้ายๆสวนสนุกย่อมๆ มีม้าหมุน บรรยากาศคล้ายๆงานวัด

แต่เอกลักษณ์ที่ยังคงเดิมก็คือ หอคอยสูง ที่นักท่องเที่ยวเรียกชื่อเล่นๆว่า Naniwa Eiffel Tower  สามารถขึ้นไปดูวิวด้านบนได้ และมีรูปปั้น Billiken ที่เชื่อกันว่าลูบเท้าแล้วจะโชคดี

ตอนนี้เรามาดู Tsutenkaku Tower ของจริงกันดีกว่าค่ะ

วิธีไป Tsutenkaku Tower ลงสถานี Ebisucho exit3  เปิด 9.00 น. – 21.00 น.  ราคา 700 เยน (มีOsaka Amazing Passเข้าฟรี)


เที่ยวโอซาก้า-54
Tsutenkaku Tower

พอโผล่ขึ้นมาจากรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็เจอสภาพเมืองแบบนี้ค่ะ  มองหน้ากันแล้วทำหน้างง  แล้วก้มลงมองดูแผนที่

อะเด๊ะ…เรามาผิดที่รึป่าวเนี่ย  เนี่ยะหรอที่เขาเรียกว่า โลกใหม่ Shin sekai  ทำไมมันเงียบอย่างกับเมืองร้างอย่างนี้ล่ะ  รึว่าเขาหยุดวันจันทร์(วันนั้นเป็นวันจันทร์พอดี มาถึงประมาณ 5โมงเย็น)


 

แต่เอ๊…หอคอยก็มีนี่  เหมือนในรูปเลย  มันก็ต้องใช่ที่นี่แหล่ะน่า

ไม่เป็นไร แค่อยากมาดูเล่นๆเฉยๆ  แต่ไม่ได้ชอบช็อปปิ้ง หรือทัวร์กินอะไรมากมาย  เดินตรงไปที่หอคอยตรงหน้านั่นแหละ

แต่พอเดินไปจนถึงหอคอย กลับหาทางขึ้นไม่เจอค่ะ  รอบๆก็ดูร้างๆ ไร้ผู้ค้น  ร้านค้าก็เงียบเหงา บางร้านก็ปิด  เดินไปจนสุด จนเลยไปอีกถนนฝั่งตรงข้ามแล้ว  ก็ยังไม่เห็นวี่แววของความคึกคักแบบที่จินตนาการเอาไว้  มันเกิดอะไรขึ้น!!!


ในขณะที่หาทางขึ้นไม่ได้ ก็หันหลังกลับ กลุ่มวัยรุ่นคนจีนที่ตามพวกเรามาแบบติดๆ  เรียกว่าประชิดแบบไม่รู้ตัวเลย (มาสะกดรอยตามอะไรชั้น)  ก็ชะงัก  แล้วพูดประมาณว่า “มันปิดหรอ”  พร้อมกับชี้ไปที่ประตู   “เอ่อ…เราก็ไม่รู้สินะ หาทางเข้าไม่เจออ่ะ”

กลุ่มวัยรุ่นจีนก็พร้อมใจกันหันหลังกลับเหมือนกัน  แล้วก็ไปเจอทางเข้าเล็กๆ  เขาก็เลยกวักมือเรียกพวกเรา ชี้ๆบอกให้รู้ว่าว่า “นี่ไงทางเข้า” (ขอบคุณจ้า)


คือปกติแหล่งท่องเที่ยวก็ต้องมีคนเยอะๆใช่มั้ย  แต่นี่มันร้างมาก  เลยไม่มีคนให้เดินตาม  ร้านค้าก็เปิดแค่บางร้านเท่านั้น  คิดในใจว่าแถวนี้เขากำลังจะเจ๊งแล้ว  หรือว่ากำลังปรับปรุงอะไรรึป่าว  หรือว่าเขาจะเปิดกันตอนกลางคืน  นี่ก็เย็นแล้วนะ ก็น่าจะคึกคักบ้างได้แล้ว

หลังจากเดินเข้ามา  ก็ต้องขึ้นลิฟท์ไปอีกค่ะ  ก็จะเจอร้านขายของฝาก สุ่มเสี่ยงต่อการเสียทรัพย์มาก  แต่พวกเราไม่ได้คิดจะซื้อของพวกนี้ เลยไม่ได้สำรวจอะไรมาก  เห็นแค่ด้านหน้าๆ  ซึ่งพอวันหลังๆที่ไปนัมบะ ก็รู้สึกว่าราคาก็พอๆกันนะ


 

พอเดินเข้ามาเรื่อยๆตามป้ายบอกทาง  ก็ถึงเคาร์เตอร์ขายตั๋วแล้วค่ะ ราคาปกติ 700 เยน (ถ้ามี Osaka Amazing Pass ก็เข้าฟรีเลยค่ะ)

เที่ยวโอซาก้า-55
Billiken เหมือนชุดชาวเกาะนะ

 


 

ความสงสัยแรกคือ Billiken คืออะไร

ถามอากู๋เลยค่ะ wikipedia.org  ท่านบอกไว้ว่า Billiken เป็นตุ๊กตาที่ถูกออกแบบโดยครูด้านศิลปะชาวอเมริกัน  โดยชื่อ Billiken นั่นมาจากโคลงกลอน  จากนั้นก็ขายให้บริษัทเอาไปเป็นมาสคอต หรือสัญลักษณ์ทางการค้า

Billiken ตัวแรกจะมีหูเหมือนช้างแหลมๆ  ใบหน้ายิ้ม  ผมเป็นกระจุกก้อนๆชี้ๆ  แขนสั้นๆ นั่งเอาขาสั้นๆชี้มาด้านหน้า  แต่เราว่าอาจจะเป็นต้นแบบของจอมมารบูก็ได้นะ

เขาว่าถ้าคนที่ซื้อ Billiken กลับไปจะได้รับโชคดี  แต่ถ้าซื้อไปแจกจะโชคดีกว่า (ไม่รู้ว่าใครโชคดีกันแน่นะ คนขาย หรือคนซื้อ)

ปัจจุบันนี้ Billiken เป็นทั้งมาสคอตของมหาวิทยาลัย ทั้งไฮสคูล ทั้งสถาบันดังๆ  ล้วนตั้งรูปปั้นอยู่หน้าสถาบันที่มีชื่อเสียงในอเมริกา เหมือนเป็นผู้ก่อตั้ง หรือบุคคลสำคัญอะไรทำนองนั้น

รวมถึงเป็นทั้งตุ๊กตา ของเล่นก็ได้ด้วย อย่างในอเมริกามีเรียก Billiken ว่า Teddy-Billiken Doll   ยังมีอีกนะ เช่นเป็นมาสคอตของทีมกีฬาก็มี


 

แล้ว Billiken เข้ามาในญี่ปุ่นได้อย่างไร?

ได้มี Billiken มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองแล้วที่โกเบ (ก็ที่นั่นเป็นเมืองท่า ของต่างประเทศก็มักเข้ามาจากทางนั้น) แต่โดนเอาออกไปแล้วตอนเกิดสงคราม

แต่ที่โด่งดังที่สุดก็เป็นที่ย่าน Shin-sekai นี่แหละ  เพราะ Billiken ถูกเอามาเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะจากอเมริกา  เอามาโชว์ใน Tsutenkaku Tower  ตั้งแต่ปีค.ศ.1912 (สงครามโลกครั้งที่1 ค.ศ.1914-1918)  ส่วนพื้นที่รอบๆก็จะเป็นสวนสนุก

และเป็นที่รู้จักว่า Billiken คือ พระเจ้าของอะไรก็ได้ รูปร่างเป็นยังไงก็ได้ ในแบบที่เขาคิดว่ามันควรจะเป็น (ไม่รู้ว่าแปลแบบนี้ได้มั้ยนะ) ประโยคเต็มๆที่เขียนอยู๋ที่ตัวโชว์คือ “The God of Things As They Ought to Be”

แต่พอปีค.ศ. 1923 สวนสนุกก็ถูกปิด รูปปั้นไม้ Billiken นี้ก็หายไปด้วย (สงครามโลกครั้งที่สอง ค.ศ.1939-1945)

ต่อมาปีค.ศ.1980 ก็สร้าง Tsutenkaku Tower นี้ขึ้นใหม่ รวมถึงสร้าง  Billiken ตัวใหม่ขึ้นด้วย  แต่ตัวที่เราเห็นกันปัจจุบันนี้เป็นตัวใหม่ที่สร้างขึ้นปี ค.ศ.2012 นี่เองค่ะ (สงสัยลูบกันจนสีถลอก โลหะยุบเลยต้องทำใหม่มั๊ง555+)

นักท่องเที่ยวเป็นพันๆคนต่อปี(หลักพันเองหรอ ไม่รู้เราแปลผิด หรือเขาเขียนผิด) จะเข้ามาชมรูปปั้น Billiken และหยอดเหรียญบริจาคก่อนจะเอามือลูบที่เท้า เพื่อขอพร


 

สรุปว่า Billiken ไม่ใช่เทพเจ้า ไม่ใช่พระพุทธรูป ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ถูกปลุกเสกอะไร  เป็นตุ๊กตาที่อุปโลกขึ้นมาสร้างความเชื่อต่อๆกันมานั่นเอง (สร้างสตอรี่ สร้างรายได้)

อีกหน่อยไม่แน่นะแสดมป์ 7/11 อาจมี Billiken ให้สะสมก็ได้นะคะ (ถ้าเซเว่นมีจริงๆ จะไปเรียกค่าลิขสิทธิ์ไอเดียซะเลย)


ตู้รับบริจาค บิลลิเคน
ตู้รับบริจาค บิลลิเคน

เดินมาถึงตู้รับบริจาค  มี Billiken ในตู้รับบริจาคตั้งอยู่ตรงกลาง แล้วก็มีเหรียญเงินอยู่เต็ม  แต่เอ๊ะ…นั่น คุ้นๆนะ  แบงค์ 20 ของไทยนี่นา  โดดเด่นท่ามกลางเหรียญเยนญี่ปุ่นเลย    ฮึ๋ม…มันน่านัก สร้างชื่อเสียให้ประเทศซะจริง


คือแอดมินก็ไม่รู้นะว่ามันถูกหรือมันผิด  แต่คนที่เอาแบงค์20บาทไปใส่  ก็อาจไม่ได้คิดอะไรมากนะ  ให้ตั้งยี่สิบบาทก็เยอะอยู่นะ

แต่คิดมั่งมั้ยอ่ะคะ ว่าเขาจะเอาเงินไปทำอะไรได้  20บาท มีธนาคารไหนให้แลกเป็นเงินเยนมั้ยอ่ะคะ   ต่อให้มี ก็ลำบากเก็บนะ กว่าจะครบเยอะๆแล้วเอาไปแลกเป็นเงินเยนน่ะ

ถ้าอยากทำบุญให้ได้บุญ  ก็ใส่ค่าเงินของประเทศเขาจะดีกว่านะคะ  แล้วเราก็ไม่ต้องเสียเงินไปฟรีๆด้วย  หรือถ้าอยากเด่น   เลือกเด่นในทางที่ถูกดีกว่าค่ะ


วิวบน Tsutenkaku Tower

ขึ้นมาบนชั้น5 แล้วนะคะ  (ชั้น5ของหอคอยนะ ไม่ใช่ชั้น5ของตึกทั่วไปนะคะ เพราะมันสูงจริงๆ)

จะสามารถดูวิวได้รอบทิศเลยนะคะ  มองลงไปก็จะรู้สึกว่าบ้านเมืองดูรกๆนะ  ก็แน่ล่ะค่ะ ตรงนี้มันอยู่ห่างออกมาจากเขตเมืองมากพอสมควรแล้วนี่คะ    วันนี้ฟ้าสลัวๆทั้งวันเลย

เที่ยวโอซาก้า-59
วิวบน Tsutenkaku Tower

 


 

บิลลิเคนในรูปแบบต่างๆ

เรายังอยู่ในชั้นบนสุดอยู่นะคะ ชั้นนี้นอกจากดูวิวรอบๆแล้ว ยังจัดแสดง Billiken ไว้หลากหลายแบบเลยค่ะ อย่างกับตู้สะสมพระเครื่อง (ช่างคิดจริงๆ  เราคิดเอาเองนะว่า ที่มีหลายแบบนี้มีที่ญี่ปุ่นที่เดียว อเมริกาคงไม่มีหลายหน้าแบบนี้หรอกมั๊ง)

 

ขำที่สุดคงจะเป็น Billiken Popeye ก็ป๊อปอายเค้าผอม มีกล้ามท้อง ไม่ใช่หรอ  นี่เป็นเวอร์ชั่นป๊อปอาจอ้วนสินะ 555+


รวมรูปปั้น Billiken ที่สำคัญ

เที่ยวโอซาก้า-57
รูปปั้น Billiken

ฺBilliken Kissho

Billiken Jurojin

Billiken Hotei

Billiken Daikoku

Billiken Bishamon

Billiken Benten  (แต่กลับไม่ใช่รูปเจ้าหนูเบนเทนแฮะ)

Billiken Charlie Chaplin (เลียนแบบคนจริงๆก็ได้แฮะ)

Billiken ช้างเอราวัณ (ไม่รู้ใช่รึป่าวนะ  แต่เป็นรูปช้างแน่ๆ)

Billiken คินิกุแมน

ฯลฯ


ชั้นบนสุดก็จะมีเพียงเท่านี้ค่ะ ก่อนจะลงลิฟท์ไปชั้นถัดลงไป  ก็จะถูกเรียกให้ไปถ่ายรูป(เพื่อขายรูป)  แต่เราขอตัวล่ะค่ะ ไม่อยากให้เขาเปลืองกระดาษปริ๊นท์ออกมา

สมัยนี้มีกล้องกันทุกคน  คงไม่ค่อยมีคนซื้อเท่าไหร่  แต่สมัยก่อนมีแต่คนอยากได้ เพราะเขาปริ๊นท์ใส่กรอบให้เลย  น่าจะเปลี่ยนมุกได้แล้วนะ  อย่างเป็นกระดาษ3มิติ  หรือ รูปดูเคลื่อนไหวได้แบบในเรื่องแอร์รี่ พอตเตอร์ (แหะๆ)


เที่ยวโอซาก้า-58

พิพิธภัณฑ์ ประวัติย่าน Shin-sekai

ชั้นถัดลงมาเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติบริเวณ Shinsekai ค่ะ

ระหว่างทางมีห้องฉายวิดีโอประวัติย่าน shinsekai  ด้วยค่ะ (มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่ดูจนจบ  คนอื่นนั่งแป๊บๆ พักขาแล้วก็ไป  คือเราเมื่อยมากไง เลยขอนั่งนานๆ 555+)

นอกห้องฉายวิดีโอ มีโมเดลเมืองจำลองย่อส่วนอยู่ในตู้โชว์  สวยค่ะ บ้านเมืองเป็นแบบสมัยเมื่อ 70-80 ปีที่แล้ว ออกแนวตะวันตกนิดๆ  มีโมเดลจำลองย่าน Shinsekai ในสมัยก่อนด้วยค่ะ เล่นสี แสง สวยดีค่ะ

มีป๊อกกี้ ทาวเวอร์ คือเอากล่องป๊อกกี้มาต่อๆกันเป็นหอคอย เลียนแบบหอคอยซึเทนคะคุ (มันเกี่ยวยังไงกับป๊อกกี้เนี่ยะ)  พูดถึงป๊อกกี้ ที่นี่มีเรื่องราวเกี่ยวกับป๊อกกี้เยอะเหมือนกันนะคะ

อย่างรูปสัญลักษณ์ของป๊อกกี้  ที่เป็นโลโก้คนใส่เสื้อกรีฑาวิ่งชูมือ ก็มีเปลี่ยนสไตล์มาหลายแบบแล้วนะคะ  เห็นวางโชว์อยู่บนตู้โชว์ถ้วยชาม  คือมองแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวยังไงกัน

คือจริงๆก็ไม่ค่อยเข้าใจพิพิธภัณฑ์นี้หรอกว่า จริงๆแล้วธีมเขาคืออะไร เห็นวางปนๆกัน  ทั้งป๊อกกี้ ทั้งเครื่องเรือนแบบฝรั่ง จะมีป้ายป๊อกกี้แซมๆมาเป็นระยะ

ให้ความรู้สึกเหมือนกับจะสื่อว่า  ป๊อกกี้เติบโตมานานพร้อมๆกับเมืองแห่งนี้เลยน่ะค่ะ  ป๊อกกี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนะ  คือมีมานานมาก  ตั้งแต่สมัยคุณปู่ คุณย่า  ป๊อกกี้เป็นของมีคุณค่า  ดังนั้นควรซื้อไว้กิน ซื้อไว้แจกเยอะๆนะจ๊ะ (ส่วนเรื่องคุณค่าทางสารอาหาร สุขภาพ ไม่เกี่ยวกันนะ)

บางทีก็คิดว่า  เค้ามีพื้นที่เหลือเยอะหรือเปล่า  มีอะไรก็มาวางๆเก็บๆไว้  เช่นมีกล่องป๊อกกี้  ตู้ปั๊มเหรียญ ตู้เล่นอะไรไม่รู้ ป้ายนู่นนี่ ป้ายดาราก็มี  หุ่นอะไรไม่รู้  ดูมันรกๆนะ แต่ก็โอเคค่ะ มีสีสันดี

แต่ยังงงๆอยู่ว่า มาดูพิพิธภัณฑ์เกียวกับประวัติ Shin-sekai หรือ มาพิพิธภัณฑ์ป๊อกกี้กันแน่


สไลด์โชว์ Tsutenkaku Tower

สรุป Tsutenkaku Tower ควรเสียเวลามามั้ย?

  • ในความเห็นส่วนตัวแล้วไม่ค่อยอินกับสถานที่ค่ะ  ไม่เชื่อเรื่อง Billiken ไม่ลูบเท้า แต่ดูเพื่อความสวยงาม น่ารัก
  • ถ้าถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปรู้แบบนี้จะมามั้ย  ก็คงบอกว่าไม่มาให้เสียเวลาค่ะ  แต่!!!…ถ้าใครที่เห็น ได้ยิน หรือดูรีวิวแล้วอยากมาให้เห็นกับตา เห็นคนอื่นมาก็อยากมา หรือไม่เชื่อแต่ได้ก็ดี ก็ควรจะมานะคะ
  • ที่นี่ไม่ใช่ว่าทำไม่ดีนะ  แต่มันไม่ถูกจริตกับเราแค่นั้นเอง  เป็นพวกชอบขวางโลกอะไรประมาณนั้น
  • ราคา 700 เยน คิดว่าแพงสำหรับเรา(ใช้พาสฟรีอยู่แล้ว ถึงไม่บ่นไง)
  • อีกอย่างคือไม่ชอบให้มาบังคับถ่ายรูป แล้วมาเสนอขายรูปทีหลัง เพราะจะรู้สึกกดดันเวลาเดินดูนั่นนี่ ก็จะมีคนคอยมองตาม ว่าเดินมาเมื่อไหร่โดนเรียกเข้าคอกทันที
  • พวกเราใช้เวลากับที่นี่ประมาณ 40 นาที (นั่งพักขาในห้องชมวิดีโอนาน)
  • ส่วนพื้นที่รอบๆ ที่เป็นร้านค้า ไม่เห็นคึกคักเหมือนในรูปเลย (แต่คงผิดที่เราเองที่ไปผิดเวลา)
  • ให้คะแนนความประทับใจ 6/10

 

คลิปรีวิว Tsutenkaku Tower


แผนที่สถานที่ที่ได้ไปมาในโอซาก้า ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass(ชนิด2วัน 3000 เยน) สีแดงคือวันแรก สีน้ำเงินคือวันที่สอง

สรุปทริปคันไซวันที่2

สรุปรีวิวทริปคันไซทั้ง7วัน

ติดตาม GoNoGuide ผ่าน Facebook

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.