Travel Problems GNG1

5 ปัญหาของการเดินทาง ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ไม่มีบ้านอยู่

ลึกๆใครๆก็อยากไปเที่ยวใช่มั้ย ดีจังไปเที่ยวตลอดเลย ดีจังไม่ต้องทำงาน ได้ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ วันนี้จะมาเล่าปัญหาของการเดินทางแบบไม่มีบ้านอยู่ให้อ่านกันบ้าง อ่านจบแล้วจะยังอิจฉาอยู่หรือเปล่า อยากทำบ้างมั้ย ใช้วิจารณญาณส่วนตัวกันเลยจ้า

เมื่อก่อนส่วนตัวจี๊กับอ๊อบก็ไปเที่ยวแบบทริปๆ คือไปต่างจังหวัด 1-3 คืน ต่างประเทศ 7-45 วัน แล้วแต่ประเทศ แล้วก็กลับบ้านมานอนหมดแรง (เก็บเงิน) พักไป 6-10 เดือน ก็ไปอีกแล้วแต่โอกาส

ไปเที่ยวแบบทริปๆครั้งสุดท้ายคือปี 2019 แล้วก็วางแผนจะไปญี่ปุ่น ปี 2020 แต่เมื่อเกิดโควิดต้นปี 2020 เที่ยวบินก็ถูกยกเลิกหมด ดีที่ได้คืนค่าตั๋วมาเป็นเครดิต จากนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อความคิดหลายอย่าง ตั้งแต่ตรอมใจละ โลกเราคงต้องปิดไปตลอด จนเริ่มค่อยๆเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น ถึงขั้นอึดอัดมากกับข่าวที่เราได้แต่เสพโดยไม่ได้สัมผัสความเป็นจริงของโลกเลย

กลางปี 2021 เมื่อได้โอกาสรีบขอวีซ่าแล้วก็ไปสวิสเลย อย่าถามว่าไปทำไม คนเราใช้ชีวิตแบบอยู่เหนือเหตุผลหลายอย่าง แต่ความรู้สึกคืออยากออกจากจุดนี้มาก เหมือนหายใจไม่ออก พูดไม่ได้

การไปสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ใช่ว่าร่ำรวยนะ แต่เพราะเป็นประเทศในเชงเก้นที่เปิดเป็นที่แรก เข้าง่ายสุด และก็อยากไปด้วย ความรู้สึกเมื่อได้ไปถึงมันคือปลดปล่อยมาก คิดแค่ว่าหมดวีซ่า 1 ปี ก็จะกลับไทยไปเช่าเป็นปีเหมือนเดิม ช่วงนี้ขอปลดปล่อยให้เต็มที่ (วีซ่าเชงเก้น 1 ปี 90 วัน ออกไปนอกเชงเก้น 90+90 แล้วกลับเข้าเชงเก้นใหม่อีก 90 วัน)

หลังจากที่ได้กลับไทยแล้ว (ปี2022) อารมณ์ค้างอยากไปอีก แต่ไม่ใช่การไปแบบทริปๆ ไม่ใช่การกลับมาเช่าอยู่ไทยรายปีแล้ว แต่ทำเหมือนไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวประเทศหนึ่ง ย้ายไปที่ละเดือน อยู่ไทยไม่เกิน 6 เดือนต่อปี เหตุผลคือ…ไม่มี

ถ้าให้เล่าเหตุผลมันก็สามารถลากมาได้เยอะมาก ข้อดีก็มีมาก เช่น ทำให้เรากระตือรือร้น เติมเต็มความฝัน รากไม่งอก ฝึกฝนเปลี่ยนแปลงปรับตัว ทิ้งความยึดติด หนีอากาศพิษ บลาๆๆๆ แต่เหตุผลพวกนี้มันตามมาทีหลังจากอารมณ์

แน่นอนว่าจี๊กับอ๊อบความคิดและแนวทางการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปมากภายใน 3 ปี และพวกเราก็ไม่เสียใจเลยกับการตัดสินใจที่ทำไป แถมยังรู้สึกภูมิใจและดีใจกับการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราไม่ได้เริ่มในวันนั้น ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์โควิด เราคงคิดไม่ได้ (แต่อย่ามาอีกเลยนะโควิด)

มาฟังปัญหากันบ้างดีกว่า

โอเคด้านน่าอิจฉาน่าหมั่นไส้ไม่ต้องเล่าเนอะ แต่จริงๆไม่มีอะไรน่าอิจฉาเลย แล้วก็อย่าหมั่นไส้พวกเราเลย เราก็แค่ได้รับโอกาสในช่วงชีวิตหนึ่งและไม่ทิ้งมันเท่านั้นเอง

การทำในสิ่งที่ตามใจตัวเองไม่ได้ตามใจสังคม ย่อมมีความลังเล สงสัย โดดเดี่ยว ต้องใช้กำลังใจจากภายในตัวเองและกันและกันสูงมาก

ปัญหาคือ

1. การอยู่ร่วมกัน การตัดสินใจร่วมกัน กับความชอบที่ต่างกัน

จี๊ชอบออกข้างนอก อ๊อบชอบอยู่ในห้อง จี๊ชอบแอดเวนเจอร์ อ๊อบชอบเดินเบาๆ จี๊อยากรักษาสุขภาพ อ๊อบอยากกิน จี๊นอนเร็วขี้รำคาญเสียงแสง อ๊อบนอนดึก(เช้า) จี๊มีงานของจี๊ อ๊อบมีงานของอ๊อบ จี๊ไม่พอใจบางอย่าง อ๊อบลำบากใจบางเรื่อง จี๊ชวนทะเลาะแยกทาง อ๊อบประนีประนอม

เราต้องปรับตัว เปลี่ยนตัวเองบางเรื่อง ให้เข้ากันได้ การที่คนจะอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. มันเป็นอะไรที่บ้ามากๆ แต่เราก็ต้องเคารพพื้นที่กันและกัน (ในห้องเล็กๆ) คงบอกไม่ได้ว่าสุดท้ายจะจบยังไงตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่

2. ความกลัวสิ่งที่มาไม่ถึง

เราเป็นคนไทย ไปประเทศที่เราชอบส่วนใหญ่วีซ่าเราก็ต้องขอ ภาษาเราก็พูดไม่ได้มาก เงินเราก็ไม่ได้เยอะแยะ และเรารู้ตัวว่าเราไม่เก่ง ประสบการณ์การเดินทางเราก็เบบี๋มาก แต่เราอายุไม่น้อยแล้ว เราจะรอให้พร้อม รอให้แก่ เราอาจต้องเสียใจที่ย้อนเวลาไม่ได้

แต่ข้อจำกัดที่ว่ามา มันคือวัคซีนป้องกันความเสี่ยง เรารอบคอบมากขึ้น เราเตรียมพร้อมมากขึ้น แต่แน่นอนว่าความกลัวมันห้ามไม่ได้ เราต้องคิดตลอดเวลา เราต้องทำงานหาเงิน เราต้องวางแผนการเงินแบ่งเงิน ไม่ใช่เที่ยวแล้วจน

ถ้าวิดีโอคอลหาตัวเองในอดีตได้ ก็จะบอกว่ามีโอกาส อย่าปล่อยให้ผ่านไป คิดได้รีบทำ มันต้องผิดแน่ๆ ต้องพลาดชัวร์ๆ แต่มันคุ้มเมื่อมันผ่านมาได้ ความรู้สึกกลัวอนาคตมันเป็นสัญชาตญาณ แต่ความรู้สึกตัวในปัจจุบันมันเป็นเรื่องต้องฝึกฝน

3. ติดหรู ติดสบาย ติดเที่ยว

เวลาเราได้ในสิ่งที่ไม่เคยได้ เราก็กลัวว่าเราจะเสียมันไป แล้วเราก็อยากได้มากขึ้นมากขึ้นแบบไม่รู้จบ เมื่อก่อนคิดว่าถ้าได้ไปซัก 2 วันก็ดีใจแล้ว ต่อมาถ้าได้ไปอยู่ซักเดือนก็ดีสิ ต่อมาเป็นปี ต่อมาอยากอยู่ที่ดีๆ จะกลับไปอยู่ที่ไม่ดีอีกมันก็ทำใจลำบากแล้ว

จี๊กับอ๊อบพยายามไม่ก้าวกระโดด พยายามค่อยๆอัพเกรด ไม่ข้ามขั้นเร็วเกินไป ตอนนี้มีแรงเดินก็เดินแทนที่จะเสียเงินขึ้นรถ รับกับห้องพักที่ไม่หรูได้ก็อยู่ไป ยังไม่ไปอเมริกา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อังกฤษ ทั้งๆที่อยากไป เพราะรู้ว่าค่าใช้จ่ายสูง เราไม่ได้ไปแค่ไม่กี่วัน เราจะไปเป็นเดือนๆ เพราะประหยัดค่าเครื่องบินมากกว่า อยู่แต่ละที่เป็นเดือนก็ประหยัดมากกว่าอยู่เป็นรายวัน พยายามปรับตัวให้กินง่าย อยู่ง่าย เขามีอะไรก็ใช้แบบนั้น กินแบบคนท้องถิ่น

ปัญหาคือ เมื่อเราเห็นมากขึ้น เราก็อยากมากขึ้น ถ้าเรียกแบบ positive ก็คือได้แรงบันดาลใจ แต่ถ้าเรียกแบบ negative มันคือกิเลส(รึป่าว) เราก็เลยต้องควบคุมจิตใจ ให้สมดุล ไม่โลภเกิน ไม่สะกดจิตตัวเองว่าไม่ชอบๆ(แต่จริงๆคืออิจฉาคนที่ได้)

4. เที่ยวเยอะ ทำงานหนัก

จี๊กับอ๊อบ ยังต้องทำงาน แต่เราหาวิธีให้ไม่ถูกขัง สมัยนี้มีวิธีทำงานที่ไหนก็ได้เยอะมากๆ เราไม่ได้เพิ่งทำ อ๊อบทำงานจากที่บ้านมาตั้งแต่เรียนยังไม่จบ จี๊เข้ามาเติมเต็มต่อยอด อยู่บ้านทำงานเหนื่อยก็พัก แต่เมื่อเดินทางไปด้วย มันก็ยิ่งหนักเป็นหลายเท่า ที่เที่ยวอยู่ตรงหน้า แต่ออกไปดมๆได้อย่างเดียว เดินเล่นช่วงเลิกงาน วันหยุดออกไปทั้งวัน แต่ก็ต้องกลับที่พักอยู่ดี กลางคืนทำงานต่อ

พักแต่ละที่ 1 เดือน เหมือนจะนาน แต่แป้บเดียวก็หมดเวลา เข้าพักสัปดาห์แรกก็ต้องเซ็ทอัพ ซื้อข้าวซื้อของ สัปดาห์ที่สองมีเวลาศึกษาสถานที่ไม่มาก วางแผนไปต่อที่ไหนดี สัปดาห์ที่สามหาที่พักที่ถัดไป ครบเดือนย้ายที่พัก แพคกระเป๋า(มืนสุดๆ) ไปที่ต่อไปยังไง(ที่ประหยัดสุด) ทั้งเดือนได้เที่ยวเต็มๆเหมือนคนไปเป็นทริปแค่ 1-3 วัน นอกนั้นไป 2-4 ชม.ก็กลับ แต่ยังไงก็ดีกว่านั่งทำงานอยู่บ้านเบื่อๆอยู่ดี

5. น่าอิจฉา แต่ปรับทุกข์กับใครไม่ได้

ใช่ มันเป็นชีวิตที่น่าอิจฉาแม้จะให้ตัวเองในอดีตพูด ชีวิตดี๊ดีย์ แปลว่าถ้ามีปัญหาจะโดนสมน้ำหน้าทันที ความเหนื่อย ความกลัว ความไม่มั่นคง แต่มันก็คือดีอ่ะใช่ป่ะ แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือการตัดสินใจ ทุกคนทำได้เหมือนกันทำไมไม่ทำ พรุ่งนี้ไปบอกที่ทำงานยื่นใบลาออก แพคกระเป๋า ไปเที่ยว จบ… กลายเป็นคนน่าอิจฉาทันที

เมื่อเราไม่ได้อยู่ในแวดวงเพื่อน ไม่ได้ทำเหมือนเพื่อน ใช้ชีวิตไม่เหมือนคนอื่น เราจะไม่ได้รับการยอมรับเข้ากลุ่ม เราจะรู้สึกโดดเดี่ยว เราจะปรับทุกข์กับใครไม่ได้เพราะเมื่อบ่น จะถูกปลอบว่า กลับบ้านเราเถอะ ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้ดีกว่า แล้วสุดท้ายเราก็จะไม่เป็นตัวของตัวเอง เราจะกลับเข้าสู่วงจรเดิม ร่วมบ่น ร่วมด่า ร่วมทำเหมือนคนรอบข้าง ไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่เราจะเสียดายทีหลังมั้ยล่ะ แก่ตัวลงไปไหนไม่ได้ เฮ้อ…วันนั้นน่าจะยังงั้นยังงี้ มันไม่ทันแล้วไง

นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของปัญหาจากการเดินทาง แต่มันมีความสุข สวยงาม มันคุ้มค่า มัน fullfill มันสร้างความหมายให้ชีวิต

คนยากจน ตกงาน ลำบาก ปัญหาเยอะกว่าอีก

ปัญหาของชีวิตแบบนี้ใครฟังแล้วก็น่าหมั่นไส้ คนยากจน ตกงาน ลำบาก ปัญหาเยอะกว่าอีก

จี๊กับอ๊อบเห็นด้วย ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยจน ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยลำบาก ปัญหาของเรามันก็เหมือน happy problems แต่จุดประสงค์ของบทความนี้คือ อยากบันทึกเป็นกำลังใจให้ตัวเอง แชร์ความคิดให้คนที่ชอบเที่ยวเหมือนกัน และเชื่อว่าทุกคนไม่ว่าตอนนี้จะอยู่สถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน จะสามารถผ่านมันไปได้ถ้าไม่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร

สุดท้ายต้องย้ำว่านี่คือความคิดเห็นส่วนบุคคล ความชอบส่วนบุคคล ในช่วงชีวิตหนึ่งของจี๊กับอ๊อบเท่านั้น ช่วงชีวิตอื่นเราอาจเปลี่ยนก็ได้ เราอาจมีความฝันอย่างอื่นก็ได้ ความชอบของคนอื่นไม่ใช่มาตรฐานที่เราต้องทำตาม

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.