ล่องเรือ Tombori River Cruise ที่นัมบะ
ตอนที่แล้วไปชมวิวบนตึก ชมวิวบน Cosmo Tower จากนั้นเรารีบมุ่งหน้าสู่ย่านนัมบะ เพื่อไปล่องเรือ Tombori River Cruise ในยามค่ำคืนกันค่ะ
ย่านนัมบะ (Namba) เป็นย่านการค้าเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคนะนิวะแล้วค่ะ (ดูรีวิวOsaka Museum of History ยุค Naniwa) จนถึงยุคเอโดะก็อาจเรียกได้ว่าเป็นสยามสแควร์โอซาก้าเลยนะคะ มีทั้งโรงหนัง โรงละคร โรงมหรสพ (ดูรีวิว Osaka Museum of History ยุคเอโดะ)
แต่จะมีซอยนึงที่เรียกว่า Dotonbori ตรงนั้นจะมีร้านค้าเยอะมาก และคนก็ขวักไขว่แบบต้องมีชนกันบ้างล่ะ
แอดมินสงสัยอยู่สองเรื่อง
เรื่องแรก คำว่า Dotonbori บางที่ก็เขียนว่า Dotombori ตกลงว่ามันเขียนว่าไงกันแน่ หรืออย่างคำว่า นัมบะ บางที่ก็เขียน Nanba บางที่ก็เขียน Namba จากที่สังเกตุถ้าเป็นเวปไซต์ของญี่ปุ่นเขาจะใช้ภาษาอังกฤษว่า Dotombori แต่ถ้าเป็นเวปกูเกิลหรือเวปฝรั่งก็จะเขียน Dotonbori
ส่วนเรื่องที่สองคำว่า Dotonbori มันมาจากคำว่า กรุงธนบุรี รึป่าวน้าา…ก็เมื่อก่อนเขาอาจจะติดต่อค้าขายกับไทยสมัยกรุงธน ก็เลยเอาชื่อเมืองเราไปตั้งเป็นเมืองเขามั่งไรงี้
หรือ Do น่าจะอ่านเหมือน “ดง” อย่างบ้านเราก็เรียก “ดง” ที่หมายถึง สถานที่ที่มีบางอย่างเยอะๆ อย่างเช่น ดงโจร ดงผู้ดี ดงงู หรือหมายถึงป่าดง อะไรทำนองนี้ใช่มั้ยคะ (มั่วไปไหนเนี่ยะ)
เคยอ่านมาว่า คำว่า “อุด้ง” มันก็มาจากคำว่า “ธนบุรี” เพราะสมัยก่อนไทยเราสมัยธนบุรีก็ติดต่อค้าขายกับญี่ปุ่นกันมาตั้งนานแล้ว แล้วเมืองธนบุรีก็มีชาม (จริงๆมาจากจีน) เหมือนชามก๋วยเตี๋ยว ชามตาไก่ แล้วญี่ปุ่นซื้อไปใช้แล้วมันดี๊ดี ก็เลยเรียกชามแบบนี้ว่า “ดงบุรี”
พอเอาชามไปใส่อาหาร เขาก็เลยลงท้ายชื่ออาหารที่อยู่ในชามแบบนี้ว่า “…ด้ง” (ไม่เชื่อลองเสิร์ชหาในกูเกิลดูสิ ดงบุรี + ธนบุรี)
ดังนั้นสมมติฐานว่า “Dotonbori” ก็น่าจะมาจาก “กรุงธนบุรี” (แอดมินเดามั่วๆนะ)
เข้าเรื่อง Tombori River Cruise กันดีกว่า
คือย่านนัมบะ มันใหญ่มาก เดินทั้งอาทิตย์ก็ไม่หมดค่ะ แต่จุดนึงที่นักท่องเที่ยวต้องมา(ทำไมต้องมาก็ไม่รู้นะ แต่เขามากัน) คือถนนDotombori ตรงนั้นเองเราจะไปล่องเรือ(ในคลองDotombori) กันค่ะ
เวลาที่แอดมินไปถึงคือประมาณสองทุ่มกว่าๆค่ะ รู้ค่ะว่าต้องเอา Osaka Amazing Pass ไปแลกคูปองขึ้นเรือก่อน คือไปสำรองที่นั่งก่อนนั่นเอง แต่ตาถั่วแบบสุดๆ ไม่เจอเคาร์เตอร์แลกคูปอง
ก็เลยเดินไปถามคนที่กำลังต่อคิวขึ้นเรือกันอยู่ว่าแลกคูปองที่ไหน พอเขาชี้มาเคาร์เตอร์ข้างๆ ห่างกันไม่กี่เมตร เรางี้อายม้วนต้วนไปเลย คราวที่แล้วตอนไป Aqua Liner ก็ทีนึงแล้ว (ชั้นมีปัญหาอะไรกับสายตานักหนาเนี่ยะ)
พอไปแลกคูปอง โชคดีนะที่มีที่เหลืออีกไม่กี่ที่เท่านั้น เพราะพอเราแลกปุ๊บมีคนมาต่อแถว แค่3-4 คน เขาก็เอาป้ายที่นั่งเต็มมาวางแล้ว แต่…เป็นรอบสุดท้ายสามทุ่มนะ ไม่ใช่รอบนี้ แปลว่าต้องรออีกเกือบชั่วโมง
แอดมินจึงไปเดินเล่นฆ่าเวลา และไปซื้อตั๋ว Hanshin Tourist Pass ที่ห้าง Bic Camera เดินหาอยู่ตั้งนาน หาเคาร์เตอร์ไม่เจอ(อีกแล้ว) เลยต้องถามพนักงานแถวนั้น เพราะเราต้องใช้ไปโกเบกันค่ะ
พูดถึงเรื่องการถามทางกับคนญี่ปุ่น เราไม่ต้องแต่งประโยคสวย คิดนานค่ะ ไม่ต้องเกริ่น แค่พูดคีย์เวิร์ดไป โช๊ะเดียว เข้าใจเลย เพราะแอดมินเคยพูดซะสุภาพเลย ปรากฏว่าเขาทำหน้างงๆ แต่พอแฟนพูดคีย์เวิร์ดไปคำเดียวเท่านั้นแหล่ะ อ๋อเลย
เช่นว่าเราจะหา Information center เราก็บอกไปเลย Information ถ้าทำท่าทางได้ก็ทำ แต่ต้องยิ้มแบบสุภาพด้วยนะคะ
ยังไม่ถึงเวลาขึ้นเรือ เดินเล่นกันก่อนค่ะ
เดินเล่นตามซอยต่างๆ ก็จะมีหนุ่มๆยืนเรียกลูกค้า ดูแล้วน่ากลัว มากกว่าน่าเข้านะ แต่พวกเราไม่ได้ช้อปกระจายพวกร้านปลอดภาษี Tax Free อะไรเลยค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ไม่คิดจะมาช้อปปิ้งเลยค่ะ ไม่รู้จะซื้ออะไร และสุดท้ายคือ ขี้เกียจถือ และไม่อยากเสียเวลา
แต่จะอธิบายนิดนึงว่า ถ้าใครคิดจะซื้อสินค้าปลอดภาษีพวกเครื่องสำอาง ขนมต่างๆ จากร้านที่ติดป้ายปลอดภาษีทั้งหลาย เราต้องซื้อเกิน 5,000 เยน นะ ส่วนพวกอิเล็กโทรนิกส์ก็ต้องมากกว่า 10,000 เยน
ถ้าจะมาซื้อชิมๆ เล่นๆนิดๆหน่อยๆ ไม่ได้ค่ะ แถมยังต้องซื้อจากร้านเดียวกันด้วยนะ คนเขาเลยต้องขนกันกลับไปเยอะๆ หรือไม่ก็ต้องซื้อรวมๆกัน และต้องไปแกะที่ไทย ห้ามกินห้ามใช้ตอนนั้นอีก (อะไรกันเนี่ยะ)
เข้าใจค่ะว่าไหนจะของฝาก ของส่วนตัวก็น่าจะเกิน 5000เยน แต่ถามตัวเองกันหน่อยว่า มันจำเป็นถึงขั้นนั้นจริงๆรึป่าว ถ้ามันจำเป็น คุ้มจริงๆ ก็โอเคค่ะ แต่บางทีเราซื้อกันเพราะตามๆกันมากกว่า หรือพยายามซื้อให้ครบ5000 ซื้อไปซื้อมา เยอะเกินความจำเป็นไปซะแล้ว
ที่เห็นตอนขึ้นเครื่องกลับก็คือ หลายคน ถือของพะรุงพะรัง จนเหมือนบ้าหอบฟางเลยค่ะ
รูปบนนี้เป็นคนไทยค่ะ เห็นตอนขากลับไปสนามบินคันไซ เห็นหอบหิ้วของเต็มไปหมด กระเป๋าเดินทางบิ๊กๆคนละใบ ถุงต่างๆอีกคนละ3-4ใบ จนตอนเช็คอินเจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่าน ต้องไปรวมถุงให้เหลือแค่ 2ใบหิ้วขึ้นเครื่อง (ทั้งการนั่ง การพูดเสียงดัง ยิ่งไปต่างเมืองอย่าทำแบบนี้นะ เขาจะหาเหมารวมว่าคนไทยไม่มีมารยาท)
…..นอกเรื่องอีกแล้วนะป้า…ป่ะเราไปนั่งเรือกันดีกว่าค่ะ
รอขึ้นเรืออย่างตื่นเต้น
ใกล้ถึงเวลาเราต้องมารอล่วงหน้าซัก 15 นาทีนะคะ จะได้เลือกที่นั่งได้ค่ะ และเราจะใช้เวลาในการล่องเรือประมาณ 20 นาทีค่ะ
เสียงบ๊ายบายจากเรือดังมาแต่ไกล เสียงเล็กๆของไกด์พูดเจื้อยแจ้วตลอด สร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นดี แต่นึกว่าเขาต้องเปลี่ยนไกด์ให้ไกด์คนเดิมได้พักบ้าง ปรากฏว่าคนเก่าลง คนใหม่ขึ้น แต่ไกด์คนเดิม สงสารไกด์มาก พูดจนเสียงแหบ แต่หน้าก็ยังยิ้ม (แต่เราแอบเห็นนะ เขาดูเหนื่อยๆ)
ล่องเรือ Tombori River Cruise จริงๆแล้วนะ
พอถือเวลา ก็เรียงคิวเดินลงเรือได้เลยค่ะ เลือกนั่งเอาเองตามใจชอบนะคะ ไม่มีเบอร์ที่นั่งค่ะ ที่นั่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นม้านั่งยาวๆ ไม่มีพนักพิงหลังค่ะ แต่ก็มีเก้าอี้พลาสติกปกติมาเสริมบ้าง ทั้งเรือน่าจะนั่งได้ประมาณไม่เกิน40ที่นั่งค่ะ
กฏของการนั่งเรือก็คือ ห้ามใส่หมวก ห้ามกางร่ม (ไม่รู้ว่าเขากลัวปลิวลงน้ำ หรือกลัวบังคนข้างหลังนะ แต่ก็เห็นด้วยมากๆ)
ระหว่างทาง ไกด์ก็จะพูดตลอดเวลา(เร็วด้วย) แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็อารมณ์เหมือนดูการ์ตูนญี่ปุ่นเลยค่ะ ฟังไม่ออก ไม่มีซับไทเทิล แต่เห็นหน้าไกด์แล้วสนุกดี เสียงเล็กๆ น่ารักๆสไตล์ญี่ปุ่น (แต่คงจะเหนื่อยน่าดู)
แอดมินว่ากว่า80% ของคนบนเรือ ก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกันแหล่ะ เพราะเวลาไกด์ยิงมุกอะไรมา ไม่มีใครขำซักคน ดูหน้าเฉยๆ ไกด์ก็ขำเองคนเดียว พูดไม่หยุดเลย(น่าสงสาร)
เรือแล่นลอดใต้สะพานหลายสะพานมากค่ะ สะพานเยอะจริงๆ ระหว่างเรือแล่นไกด์ก็ให้โบกมือบ๊ายบายคนบนสะพานบ้าง ข้างทางบ้าง สนุกดีค่ะ คนข้างทาง หรือบนสะพานก็เล่นด้วยค่ะ บ๊ายบายกลับ
มาถึงจุดนึง ที่ใช้เสียงจากไมโครโฟนไม่ได้ เหมือนว่าเป็นเขตห้ามเสียงดัง ไกด์เลยต้องตะโกน และชูป้ายแทน น่าสงสารไกด์มากค่ะ เสียงแหบ ต้องตะเบง แต่พูดไปก็ฟังกันไม่รู้เรื่อง น่าจะเปิดเทปไปเลย
เรือผ่านไปแถวย่านอเมริกา ทาวน์ ตึกก็จะเป็นชื่อแบบอเมริกา ทรงรูปร่างก็เป็นแนวอเมริกา คงมีชาวอเมริกันอยู่กันเยอะมั๊ง
เห็นตึกนึงเหมือนเค้าติดมุ้งทั้งตึกด้วยอ่ะ คือคลุมทั้งตึกเลยนะ ไม่ใช่กำลังก่อสร้างด้วย คือมีคนอยู่จริงๆ เพราะเห็นไฟในห้อง สงสัยจะยุงเยอะ เพราะอยู่ริมคลองรึเปล่า ว่าแต่เขากางมุ้งทั้งตึกจริงๆหรอเนี่ยะ แอดมินเข้าใจผิดป่าว
นอกนั้นก็จะมี ร้านอาหารหรูๆข้างทาง สไตล์กินลม ชมวิว
มีแต่คนสนใจแต่ป้ายกูลิโกะอ่ะ แต่แอดมินเห็นป้ายโฆษณาอะไรไม่รู้นะ โป้ๆแว้บๆด้วยล่ะ…บัดสีบัดเถลิง 😳
พอถึงจุดนึง เรือก็ยูเทิร์นหันหัวกลับ แล้วก็ย้อนกลับไปที่เดิม แต่เลยจุดขึ้นไปอีก แล้วก็ยูเทิร์นกลับอีก จนมาจบที่จุดขึ้นเรือ เป็นอันจบครบ1รอบค่ะ
ประทับใจไกด์บนเรือค่ะ นางยิ้มตลอดเลย (มันคือหน้าที่อ่ะนะ ออกแนวสงสาร พูดจนเสียงแหบ)
ก่อนเรือจะถึงฝั่ง เขามีให้ทำท่าอะไรไม่รู้อ่ะ พูดตาม ทำท่าตาม ทุกคนก็ทำตามอย่างว่าง่าย น่ารักจริงๆ
ดาวน์โหลดเส้นทางเดินเรือ Tombori River Cruise ที่นี่ค่ะ
สไลด์โชว์ Tombori River Cruise
สรุป ล่องเรือ Tombori River Cruise
- ค่าตั๋ว 900 เยน(~270บาท) สำหรับแอดมินนะ ถือว่ายังแพงอยู่ค่ะ แต่ถือว่าเป็นค่าทิปไกด์ก็โอเคค่ะ แต่แอดมินใช้ Osaka Amazing Pass ก็ขึ้นฟรีเลยค่ะ
- คุ้มเวลาค่ะ สนุก เห็นวิวแบบที่เดินบนถนนไม่มีทางได้เห็น สบายไม่ต้องเดิน
- ไกด์ทำหน้าที่ได้ดี แต่แอดมินแอบหวังว่าจะได้เจอไกด์หนุ่มๆ สาวๆมากกว่า หรือไม่ก็สลับกันก็ได้ เห็นแล้วสงสาร
- ที่นั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ และเบียดกันเกินไป แต่แป๊บเดียวก็ไม่เป็นไร
- น้ำคลองไม่เหม็นนะคะ แต่ไม่ถึงกับใส่แจ๋ว ออกสีขุ่นๆเหมือนจะเน่าด้วย มีขยะลอย แต่แปลกที่มันไม่เหม็น
- เรือแล่นช้าๆเนิบๆ ไม่เร็ว ไม่ช้า กำลังดีค่ะ
- เวลาเริ่มเดินเรือ วันธรรมดา 13.00-21.00น. ออกทุก 30 นาที (แต่รอบ 17.00 กับ 17.30 น. ไม่มี) ส่วนวันหยุดเริ่ม 11.00-21.00น.(รอบ 17.00 กับ17.30 น.ไม่มีเช่นกันค่ะ ให้ไกด์พักมั่ง)
แผนที่สถานที่ที่ได้ไปมาในโอซาก้า ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass(ชนิด2วัน 3000 เยน) สีแดงคือวันแรก สีน้ำเงินคือวันที่สอง ของการเที่ยวเฉพาะในโอซาก้า
คลิปวิดีโอรีวิว ล่องเรือ Tombori River Cruise นัมบะ
ติดตาม GoNoGuide ผ่าน Facebook
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ