Romantic Train ใน Arashiyama
Sagano Romantic Train (嵯峨野観光鉄道 / Sagano Scenic Railway หรือ Sagano Torokko)
รถรางสายโรแมนติค วิ่งระหว่างสถานี Torokko Saga กับ Torokko Kameoka เลียบแม่น้ำโฮสึ (Hozugawa river) เป็นระยะทาง 7.3 กิโลเมตร ใช้เวลา 25 นาที
ระหว่างทางจะผ่านป่า เลียบแม่น้ำ ข้ามแม่น้ำ เข้าไปในหุบเขา ลอดอุโมงค์ วิวสวยงามตระการตา โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ในฤดูท่องเที่ยว ฤดูซากุระบาน รถไฟสายโรแมนติกนี้จะเป็นที่นิยมมากจนต้องเบียดกันยืน
จากสถานีสุดท้ายคาเมโอกะ สามารถนั่งรถบัส/แท๊กซี่ ไปท่าเรือสำหรับการล่องแม่น้ำโฮสึได้ด้วย หรือจะนั่งJR กลับก็ได้
แหม…คำอธิบายข้างบนช่างเชิญชวนให้ไปนัก จริงๆแล้วเราไม่ได้อยากไปซักเท่าไหร่ รู้สึกเฉยๆมากกว่า ไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ แต่แฟนรีเควสมาเลยว่าต้องไป เอ้า…ไปก็ไป ไปดูรูปก่อน แล้วเดี๋ยวจะเล่าความขมขื่นให้ฟัง(ให้อ่าน)
พอมาถึงสถานี Torokko Saga ก็เข้าไปซื้อตั๋ว ด้านในสถานีดูโอ่อ่าใหญ่โต ดูดีทีเดียวค่ะ ซื้อตั๋วแบบ one way ราคา 620 เยน ทีแรกกะจะนั่งรอที่สถานีแล้วให้แฟนไปคนเดียวด้วยซ้ำ เพราะขี้เกียจ และรู้สึกว่ามันเปลือง แต่สุดท้ายก็ต้องไปด้วยกัน
ไม่รู้หรอกว่ามันเขียนอะไรบ้าง รู้แต่ว่าตัวแดงคือตู้ที่ 4 หรือแพลตฟอร์ม4 นี่แหล่ะ แล้วก็เวลา 16.07 น. แล้วก็ไปรอตามนั้น
พอรถไฟมา เห็นตู้สุดท้าย(ตู้ที่5) เป็นตู้แบบเปิดโล่ง คือเป็นหลังคาใสๆ หน้าต่างโล่งๆ ทำให้ดูวิวได้ถนัดกว่า (แต่ถ้าฝนตกก็ตัวใครตัวมันนะ) ส่วนตู้อื่นๆจะเหมือนๆกันคือเป็นแบบปิดทึบ หน้าต่างมีที่กั้น
ด้านในจะเป็นเก้าอี้ไม้ไม่ใหญ่มากค่ะ คล้ายๆรถไฟโบราณ
พอขึ้นไปก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร เห็นเก้าอี้ อุ๊ย…ว่างเยอะอ่ะ นั่งไหนดี หาที่นั่งตามสบายเลยค่ะ ก็เลยจองริมหน้าต่าง นั่งหันหน้าเข้าหากันอย่างระริกระรี้
ไม่ได้เอะใจอะไรเล้ย บ่นใส่อีกว่า เนี่ยนะ โรแมนติก เก้าอี้ก็นั่งไม่สบาย แข็งก็แข็ง นั่งก็เบียดกัน แคบก็แคบ น่าจะเรียกว่า รถไฟโบราณมากกว่า
หลังจากนั่งอย่างสบายใจเฉิบ ก็มีคนมายืนทำหน้างงๆ มองที่ตั๋วของเขาทีนึง สลับกับมองพวกเราทีนึง ซักพักเขาก็ตัดสินใจชี้ไปที่ตั๋วของเขา แล้วก็ชี้ที่ตัวเลขที่นั่งที่ติดอยู่ที่เก้าอี้ เราก็ตกใจ และรู้ได้ด้วยท่าทางทันที อ้าว…มีตัวเลขบนที่นั่งด้วยหรอเนี่ยะ Sorry Sorry!!!
พอเดินออกมาตั้งหลัก ก็ก้มลงดูตั๋วของตัวเองอีกที มันดูตรงไหนกันฟระ อ่านก็ไม่ออก มองหาแต่ตัวเลข สงสัยจะเป็นอันนี้สินะ มีตัวเลข 15 ด้วย
สงสัยว่าเราต้องไปหาที่นั่งเลข 15 อ่ะ งั้น..ป่ะ
นี่ไงเจอแล้วเลขที่15 พอเห็นเลข 15 ก็นั่งเลย (ฮ่าๆๆ….นี่ที่ของช้าน ไม่ผิดแน่) แต่….มันดันมีตัว A กับ B ด้วยนะ ในตั๋วไม่มี A กับ B นี่ เออ…ช่างมันเหอะ
หลังจากนั่งสบายใจได้ไม่นาน ก็มีเจ้าหน้าที่มาขอดูตั๋ว แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ประมาณว่า ที่นั่งตรงนี้ของผู้โดยสารท่านนี้นะคะ แล้วก็ชี้ไปที่เจ้าที่ เอร๊ย…เจ้าของที่ที่ตั๋วระบุที่นั่ง
เราจะทำอะไรได้ล่ะ ก็เอ๋อๆ Sorry Sorry!!! แล้วก็ งง สิคะ
เจ้าหน้าที่รถไฟก็ขอตั๋วของเราไปดูอีกทีนึง ดูจากท่าทางแล้วประมาณว่า ตั๋วคุณมันเป็นตั๋วยืนนะเคอะ
เวรกรรม…นึกว่า reserved seat นึกว่าไม่มีตั๋วยืนซะอีก อะไรวะ อิชั้นต้องยืนตลอดเส้นทาง 30 นาทีเลยหรอคะ ขาก็ปวด เดินมาทั้งวัน แล้วหันไปมองแฟนแบบใส่ฮาคิเต็มที่ ฮึ่มๆๆ…..
ท่ายืนบน Romantic Train น่ะหรอ คล้ายๆกับยืนเกาะขอบเก้าอี้บนรถเมล์เลยค่ะ เสาให้พิงก็ไม่มี เอาก้นไปพิงเก้าอี้ก็ไม่กล้า เฮ้ย…นี่เรามานั่งถูกสายมั้ยเนี่ยะ Romantic ตรงไหนเนี่ยะ รู้สึกเหมือนพลเมืองชั้นสองเลยอ่ะ
รถไฟวิ่งไปได้แป๊บนึง ก็โอเคนะ ยอมรับว่าวิวข้างทางมันก็สวย มีแม่น้ำมีป่า ภูเขา คนนั่งก็ต้องลุกขึ้นมาถ่ายรูปอยู่ดี
เพียงแต่ว่าเขาได้ถ่ายใกล้ ไม่ติดขอบหน้าต่างไง ได้ภาพแบบเต็มๆ ไอ้เราจะยื่นมือยื่นไม้ ยื่นหัวออกไปถ่าย ข้ามหัวเขาได้ยังไง ก็เลยได้แต่ภาพแบบเรียลริตี้ ติดบานหน้าต่าง ดูวิวก็ไม่ชัด เมื่อยก็เมื่อย
ความรู้สึกตอนนั้นมันระอุมาก จ่ายเงินเท่ากัน แต่ได้แบบนี้หรอ คนนั่งเหมือนได้นั่งเฟิร์สคลาส คนยืนเหมือนตั๋วถูก ฮึ่มๆ…แล้วก็ปล่อยฮาคิใส่แฟนเป็นระยะ
หลังจากนั้นมีเจ้าหน้าที่เดินมาคุยกับบางเก้าอี้เลือกแบบที่นั่งเป็นครอบครัว มีเด็กๆ คุยอะไรไม่รู้แหล่ะ แต่น่าจะประมาณว่า เราบริการถ่ายรูปฟรีค่ะ จะได้มีรูปครอบครัวไว้เป็นที่ระลึก
แต่พอรถไฟจะเทียบท่ามีเดินมาเอารูปใส่กรอบอย่างดีมาให้ดู แล้วคุยๆ น่าจะประมาณว่าเอารูปที่ถ่ายมาให้ดูค่ะ ถ้าสนใจก็ xxxx เยนค่ะ แล้วคนนั้นก็ควักตังค์จ่าย (อืม….ก็นะ)
ระหว่างทางมีคนใส่หน้ากากน่ากลัวๆมาเอนเตอร์เทนด้วย (หน้ากากหน้ากลัวแต่มาเอนเตอร์เทน….???) ไม่ได้อะไรมาก แค่เดินทำท่าแปลกๆหลอกผู้คน แต่ถ้าเจอเด็กก็จะถอดแล้วยิ่มใส่ โบกไม้โบกมือ (ก็เดี๋ยวเด็กร้องไห้จะยุ่งน่ะสิ)
สไลด์โชว์ รถไฟสายโรแมนติก
ระหว่างที่รถไฟแล่น ก็จะมีคนพากษ์เป็นระยะๆด้วยค่ะ ….ยินดีต้อนรับเข้าสู่รถไฟสายโรแมนติกอะระชิยะมะนะคะ (คิดในใจ โรแมนติกตายล่ะ) เรากำลังนำท่านเข้าสู่ธรรมชาติสวย น้ำใส ในแบบที่ท่านจะไม่มีวันลืมเลยค่า….. (เออจริง ไม่ลืมแน่)
แล้วก็ร้องเพลง เอนเตอร์เทนไปเรื่อย สร้างความคึกคักอยู่ตลอด ไม่เห็นคนพากษ์หรอกค่ะ มีแต่เสียง
รถไฟเข้าอุโมงค์ก็จะมืดไประยะนึง แล้วก็จะแล่นให้เร็ว แต่พอหลุดจากอุโมงค์เห็นวิว ก็จะชลอความเร็ว คนพากษ์ก็ อ๊าาาา…ดูทางซ้ายค่าาา มีล่องเรือด้วยนะคะ ทักทายกันหน่อยค่า บ๊ายบายยย… ทั้งรถก็จะ บ๊ายบายยยย… (ไอ้เราไม่มีอารมณ์มาบ๊ายบายแล้วอ่ะ เมื่อไหร่จะถึงวะ)
ฝั่งซ้ายกับฝั่งขวาก็จะสลับกันมีวิวสวย แรกๆฝั่งซ้ายวิวสวย ฝั่งขวาไม่เห็นอะไรเลยเพราะมันติดภูเขา คนที่นั่งฝั่งขวาก็จะลุกขึ้นมา ชะโงกมามองฝั่งซ้าย
พอฝั่งซ้ายติดภูเขา ฝั่งขวาวิวสวย คนนั่งฝั่งซ้ายก็ชะโงกมามองฝั่งขวา (เราน่ะหรอ ไม่ต้องชะโงกหรอกค่ะ มันอยู่ตรงกลาง เออ…อย่างน้อยก็มีข้อดีบ้างวะ)
มีอยู่สถานีนึง มีรูปปั้นทานุกิ เรียงกันตัวเล็ก ตัวใหญ่ เหมือนคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว น่ารักมากๆค่ะ ทำให้นึกถึงโดราเอม่อน(อีกแล้ว) ที่โดราเอม่อนโดนเข้าใจผิดว่าเป็นตัวทานุกิ พอเห็นทานุกิที่เป็นรูปปั้นแล้ว ก็ไม่แปลกเลยที่จะโดนเข้าใจผิดแบบนั้น ก็มันเหมือนจริงๆ
พอรถไฟวิ่งเลยส่วนของภูเขา แม่น้ำออกมาจะจะเป็นบรรยากาศแบบ ชน นะ โบ๊ท…ชนบท คือมีทุ่งนาเรียงกันเป็นระเบียบ ซึ่งแสดงว่ากำลังจะถึงที่หมายแล้ว
ความรู้สึกตอนนั้นประมาณว่า แค่นี้เองหรอ แล้วที่เขาว่าโรแมนติก วิวสุดยอด มันอยู่ไหนอ่ะ (สงสัยอารมณ์ขุ่นมัวมันบังตาอ่ะค่ะ)
พอสุดสายที่สถานี Torokko Kameoka ทุกคนก็จะต้องออกไปทางเดียวกัน เห็นป้ายบอกทาง ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปล่องเรือ ร้านอาหาร สถานีรถบัสต่างๆ มีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกเพียบ แต่ถ้าตรงไปตามแนวทุ่งนา ก็จะไปขึ้น JR ที่สถานี Umahori ค่ะ
แต่เราไม่ไปทางนั้นค่ะ เราจะไปขึ้น JR กลับที่เดิมกัน (ไม่รู้ถ่อมาทำไม) ต้องเดินเลียบนาข้าวแบบเรื่อยๆอีกประมาณ 10 นาทีค่ะ
แอดมินว่าวิวนาข้าวน่าสนใจพอสมควรเลยค่ะ มันเป็นระเบียบเรียบร้อย สวย เหมือนในภาพวาดเลย ไม่รู้ปลูกเอาวิว หรือปลูกเอากินนะ 555+ เห็นช่างภาพหลายคนไม่ยอมไปไหนเลย
เห็นมีนักท่องเที่ยว(ญี่ปุ่น)ที่มากับรถไฟโรแมนติกนี่แหละ พอลงมาท้องนา เห็นชาวนากำลังง่วนกับต้นข้าว ก็เข้าไปคุยกันอย่างกับรู้จักกันงั้นแหละ เหมือนจะถามเรื่องการปลูกข้าว เห็นชาวนาคนนั้นพลิกต้นกล้าข้าวให้ดู แล้วก็ชี้ๆ ทำให้รู้สึกว่า นาข้าวมันก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้เหมือนกันนะ
เคยเห็นนาข้าวแถวบ้าน(นนทบุรี) เขาจะหว่านข้าวเป็นเมล็ดๆ แล้วมันก็ขึ้นพรึ่บๆของมัน จนกว่าจะโต ออกรวง ก็เกี่ยว แต่ที่เห็นที่ญี่ปุ่นนี่เขาเอาต้นกล้าที่เพาะต่างหาก มาปักทีละกำๆ ไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไงนะ (จริงๆวิธีนี้ก็เคยเห็นของไทยก็ทำแหล่ะ แต่ไม่เคยเห็นของจริง)
แต่ราคาข้าวญี่ปุ่น อย่างที่รู้กันค่ะ แพงอย่างกับทอง เคยเห็นขายในซุปเปอร์ เห็นแล้วรักข้าวเมืองไทยขึ้นมาเลย
จากนั้นพวกเราก็เดินไปถึงสถานี JR Umahori ดูเวลาขณะนั้นแล้ว 17.17 น.
นึกย้อนไปตอนที่ซื้อตั๋วขามาประมาณ 15.30 น. ได้ตั๋วรอบ 16.07 น. มาถึงสถานีสุดท้ายตอน 16.32 น. เดินเล่นโต๋เต๋ไปจนถึง JR ซื้อตั๋ว รอขึ้นรถไฟกลับก็ 17.17 น.
สรุปแล้วใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมงค่ะ (จากที่ตั้งไว้แค่ 1 ชั่วโมง คือลืมนับเวลารอรอบรถค่ะ)
สรุปความรู้สึกโดยรวม Romantic train
1 ค่าตั๋ว one way 620 เยน 25 นาที(174บาท) วิวภูเขา แม่น้ำ (เจอขอบหน้าต่าง กับหัวคน) ยืนเกาะขอบเก้าอี้ตลอด ไม่คุ้มเลยค่ะ เสียดายตังค์ม๊าาาากกก นี่ยังมีค่า JR ขากลับอีก 210 เยน(59บาท) ด้วยนะ
แต่ถ้าได้นั่งสบายๆ หน้าต่างเปิดโล่ง เห็นวิวชัดๆ วิ่งช้าๆซัก 40 นาที จะโอเคพอคุ้มค่ะ
2 รถไฟไม่ได้สวยอะไรมากค่ะ แคบ เบียด
3 วิวสวยค่ะ แม้ไม่ใช่ฤดูซากุระบาน หรือฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แต่มันผ่านไปเร็วมาก ผลุบๆโผล่ๆอุโมงค์มืดๆ
4 ความคุ้มค่ากับเวลาที่เสียกับการรอรอบรถไฟออกประมาณอย่างน้อย 30 นาที ถ้าอยากนั่งก็ต้องจองรอบถัดๆไปคงเป็นชั่วโมงล่ะค่ะ ระยะเวลาไปอีก 25 นาที เดินไป JR อีก 10 นาที รอรถ กว่าจะไปถึง Arashiyama ก็อีก 20 นาที รวมๆแล้วก็อย่างน้อยเกือบ 2 ชั่วโมง สำหรับเราคิดว่าไม่คุ้มค่ะ เพราะตอนนั้นต้องตัดโปรแกรมเดินป่าไผ่ กับarashiyama เกือบหมดออกไป เพื่อ…Romantic Train (ที่ไม่โรแมนติกเล้ย)
5 ไปถึงก็ไม่ได้มีไปไหนเพิ่ม ก็แค่นั่ง JR กลับ ตอนนั่ง JR ยังรู้สึกดีกว่าอีก เพราะได้นั่ง และเห็นวิวภูเขา แม่น้ำเหมือนกัน แต่น้อยกว่าเท่านั้น
ถ้าอยากประหยัดนะ ตีตั๋วนั่ง JR แบบเข้า-ออกสถานีเดียวกัน ไปแล้วไม่ออก แล้วเปลี่ยนสายนั่งกลับก็ได้นะ 555+ รับรองเห็นวิวสวยได้ค่ะ แต่ต้องมือไวแชะภาพไวๆหน่อยนะ เพราะมันนั่งแป๊บเดียว 7 นาทีค่ะ วิ่งเร็วด้วย
6 ยังโมโหไม่หายที่ตอนซื้อตั๋วคนขายไม่บอกว่าเป็นตั๋วยืน
ติดตาม GoNoGuide ผ่าน Facebook
คลิปรีวิว Romantic train
แผนที่เที่ยวคันไซวันที่1
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ
มันเป็นเพราะว่าไม่ได้เตรียมตัว/อ่านเรื่องรถไฟsagano ไปด้วยแหล่ะ คุณก็เลยไม่รู้ว่ามีการระบุที่นั่ง มีตั๋วยืน แล้วสถานีก็เดินไกล