Penang-Kuala Lumpur review 3-2

Penang-Kuala Lumpur ; Malaysia review 3-2

26 เม.ย. 2557 วันที่สามของการเดินทาง(ต่อ)

ต่อเนื่องมาจากตอนที่แล้ว ที่เล่าถึงความรู้สึกแรกเห็น ในความรู้สึกของนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง (2คน)

จากการตัดใจไม่ไป KLIA ตกลงจะนั่งรอถึง ตี 4 เพื่อขึ้น Aerobus (รถสีเหลือง) ไปลง KL Sentral

ตอนนี้จึงไปตั้งหลักกันที่ Food Court ณ.เวลาประมาณตีหนึ่ง

เที่ยวปีนัง-13
aerobus จากสนามบิน LCCT เข้าเมือง KL Sentral

งัดเสบียงที่ซื้อจากปีนังออกมากินจนเกลี้ยง  แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า

หาหนังสือมาอ่าน อ่านไปอ่านมา เริ่มง่วงตาเริ่มแดง  เลยงีบหลับบนโต๊ะใน Food Court

ซึ่งมีเพื่อนร่วมนอนที่นั่นเกือบทุกโต๊ะ  จะว่าไปในบริเวณสนามบินก็มีคนนอนกันเกลื่อนบนพื้น เยอะมากกว่าที่คิด

คิดว่าน่าจะมาจากการที่เก้าอี้ที่สนามบิน มีน้อยมากๆ  ดูอนาถายังไงไม่รู้

เรื่องห้องน้ำหญิงยังพอรับได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นหอม สะอาด ยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์บ้าง

แต่สำหรับห้องน้ำชายนี่สิ  สามีถึงกับรับไม่ไหว  แถมน้ำยังไม่ไหลอีก

เราเลยต้องพาเข้าห้องน้ำหญิง แล้วยืนคุมเชิงไว้ เผื่อใครเข้ามาจะนึกว่า

ผู้ชายโรคจิตแอบเข้าห้องน้ำหญิง  แต่โชคดีที่ไม่มีใครมาเข้าเลย


ถึงเวลาตี4  จริงๆตั้งใจจะขึ้นของ SKybus(สีแดง) เพราะอ่านมาว่ารถดีกว่า  แต่ไม่เห็นมีจอดรอไว้เลย

จึงต้องขึ้นของ Aerobus(สีเหลือง)  สภาพรถก็เหมือนรถทัวร์ป.1 บ้านเรา

ธรรมดามาก  แต่ก็พอไหว ไม่ได้เลวร้ายอะไร  มีคนคนคอยเก็บเงินบนรถ

บางคนที่มีตั๋วมาแล้วก็ยื่นตั๋วให้  มาถึงตรงนี้เลยเข้าใจว่า ไอ้พวกบูธต่างๆ อาจเป็น Agent อีกต่อหนึ่ง

ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซื้อตั๋วก่อน  ทั้งๆที่มาจ่ายบนรถก็ได้ ราคาก็เท่ากัน


ใช้เวลาเดินรถนานจนหลับไม่รู้เรื่องเลย เขาลมยาสลบรึป่าวไม่รู้นะ  คนในรถทุกคนคอพับกันเป็นแถว

สุดท้ายรถมาจอดใต้ตึก KL Sentral  เห็นคนเดินไปทางไหน เราก็เดินตามเขาไป

ขึ้นบันไดเลื่อน ก็ขึ้นตามเขาไป  KL Sentral เป็นเหมือนศูนย์กลางรถไฟฟ้า เป็นทั้งห้างด้วย

แต่ตอนนี้ยังไม่เปิด เพราะยังเป็นเวลาประมาณ ตี 5กว่าๆ


พวกเราเดินสำรวจจนครบหมด  ก็ยังหาทางไปโมโนเรลไม่ได้

เพราะคิดว่า มันต้องมีสะพานทางเชื่อมไป  จึงเดินไปถามรปภ.

คิดว่าจะถามๆเตรียมไว้ก่อน เพราะรู้ว่าถึงยังไงโมโนเรลก็ยังไม่เปิดหรอก

โมโนเรลจะเปิดตอน 6.00 น. แต่รู้ทางไว้ก่อน ใกล้เวลาแล้วจะได้เดินไปถูก

แล้วกะจะมานั่งรอใน KFC แต่พอเข้าไปถาม รปภ. เขาก็พูดภาษาอังกฤษได้กันหมดนะ

เราเองที่ฟังไม่เข้าใจ  แต่พอรู้เรื่องว่าให้ไปทิศนั้น แล้วเขาก็กวักมือบอกว่าให้เดินตามมา

เราก็นึกว่าจะเดินไปชี้ทางให้  แต่กลับกลายเป็นว่า เดินไปเรื่อยๆ  ลงบันไดเลื่อน

ย้อนกลับไปทางเดิมที่เราขึ้นมา เจอรถบัสที่เราเพิ่งลง  เดินผ่านสถานที่ก่อสร้าง

ใต้ห้างที่ยังสร้างไม่เสร็จดี  บรรยากาศก็มืด เปลี่ยวๆ ไม่มีคนเดินเลย

เราก็กะจะเรียกเขาให้หยุด แล้วว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวสว่างแล้วจะเดินกันไปเองก็ได้

แต่เขาเดินนำหน้าไปซะไกลแล้วจนเรียกไม่ได้แล้ว  ทำให้พวกเราต้องเดินตามอย่างว่าง่าย  จะหลอกไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ไม่รู้


จนสุดท้ายโผล่มาที่ถนน เขาก็ชี้ไปทางสถานีโมโนเรล  บอกว่า ตรงนั้นน่ะ สถานีโมโนเรลนะ

แต่ตอนนี้มันปิดอยู่  จะเปิด 6 โมงเช้า  โอเคนะ  แล้วก็เดินหนีไปไหนไม่รู้

ปล่อยให้เราสองคน ยืนเอ๋อ  อ้าวแล้วเอาเรามาปล่อยกลางถนนทำไม  มืดด้วย

เดินตัวเปล่ายังพอทน  นี่ลากกระเป๋ามาด้วยนะ  ลากไปเสียงก็ดังแกรกๆ สนั่นไปเรื่อย

พวกเราไม่รู้จะไปนั่งรอที่ไหนดี ที่มันปลอดภัย  ก็เลยกำลังจะเดินกลับไปทางเดิม  เดินไปก็บ่นไป

ขอบคุณนะที่อุตส่าห์พามาน่ะ  แต่ทีหลังแค่บอกก็รู้เรื่องแล้ว คุณจะพามาปล่อยที่มืดๆทำไมเนี่ยะ


ระหว่างที่กำลังเอี้ยวตัวกลับ  ก็ได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงฝั่งตรงข้าม วิ่งลงจากฟุตบาทมาที่ถนนรถวิ่ง

แล้วใช้ฝ่ามือเคาะกระจกรถ ที่ต้องชลอตัว เพราะกลัวจะชน  แล้วร้อง Help me!  Help me!  ร้องไป ทุบไป

  รถก็ยังไม่จอด อาจจะกลัว  แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ เอาตัวไปขวางหน้ารถ  Help me! Help me!

ดังลั่น จนสุดท้าย ก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง รถก็ออกตัวพาไป  หลังจากนั้น ก็ไม่รู้เรื่องของเขาแล้ว

แต่เรื่องของเรา ที่เป็นคนขี้ระแวง ขี้กลัว  กลัวว่าไอ้คนที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องร้อง Help me! Help me!

น่ะมันจะมาทำให้พวกเราต้องร้อง Help me! Help me!  ด้วยอีกคนน่ะสิ

ทั้งเปลี่ยว ทั้งกลัว  เลยรีบวิ่งกลับไปทางเดิม ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง ที่เดิมเลย  อย่างน้อยก็มีไฟบ้างแหล่ะ


หลังจากนั้นก็รอเวลา ให้ได้ซัก 5.45 นาที ค่อยเดินไปโมโนเรลอีกที

แต่รู้สึกแปลกใจที่ เส้นทางที่รปภ.คนนั้นพาไป  มันเป็นทางที่คนเขาเดินกันจริงๆหรอ

มันไม่น่าจะใช่นะ  เลยลองมองหาป้าย  เดินไปฝั่งตรงกันข้ามกับที่เขาพาไป

ก็พบว่ามีป้ายเล็กๆ เล็กมากๆ ติดที่ผนัง ว่า Monorail แล้วลูกศร

ถ้าไม่สังเกตุดีๆก็ไม่เห็น อย่างกับลูกเมียน้อย เพราะปกติป้ายจะต้องทำดูดี

แขวนอยู่เหนือหัว เหมือนป้ายบอกทางในสนามบิน ทางเดินรถไฟฟ้า LRT หรือ Komuter


เที่ยวมาเลเซีย-14

เดินไปตามเส้นทางมืดๆ ที่คดเคี้ยว ลัดเลาะใต้ห้างจนอ้อมไปเจอถนนอีกด้าน บรรจบกับทางที่ รปภ.พาเดินมานั่นแหล่ะ

สรุปแล้วไปทางรปภ.แนะนำ ใกล้กว่าเยอะ ความข้องใจของพวกเราก็คือ ป้ายน่ะ ทำตัวใหญ่ๆ สวยๆ ดูดีๆนิดนึงได้มั้ย

ไม่ใช่ไปติดตามผนัง ติดตามตะแกรงรั้ว ตามเสาไฟฟ้า เขรอะจนมีคนมาเขียนอะไรเล่นทับแล้วด้วย


จากนั้นต้องเดินข้ามไปอีกฝั่ง ก็จะถึงสถานีโมโนเรล แต่รั้วทางขึ้นยังไม่เปิด

ระแวกนั้นก็ดูมืดๆน่ากลัว  สกปรกด้วย เลยไปยืนหน้าเซเว่นสว่างๆก่อน

พอ6โมงพอดีก็ค่อยเข้าไปซื้อตั๋ว  มุ่งหน้าสู่สถานี Chowkit เพื่อเช็คอินโรงแรม


สรุปเส้นทาง LCCT ถึง KL Sentral

Kuala Lumpur to KL Sentral

จะรูปจะเห็นว่า LCCT อยู่ใกล้ KLIA นิดเดียว แต่เวลาเดินทางต้องนั่งรถอ้อมไปอีกทาง (เพื่ออะไรไม่รู้นะ)

ทำไมไม่เชื่อมถนนให้มันต่อกันใกล้ๆไปเลย  หรือสร้างโมโนเรล หรือมี Free Shuttle bus ก็ไม่รู้


Chow Kit to Grand Seasons Hotel

หลังจากมาถึงสถานี Chow Kit โรคเก่ากำเริบอีก  โรคหลงทิศ  โง่เรื่องแผนที่

พอลงมางงเลยทีนี้ ไปทางไหนดีล่ะ มีตั้ง 4 แยก  จนจำขึ้นใจเลยว่า เวลาดูแผนที่

ไม่ใช่สักแต่ว่ามีแผนที่ในมือ แล้วจะไปถูก  แผนที่น่ะดูง่าย แต่ทางของจริงน่ะดูยาก

เราเลยมาจับทางได้ว่า ก่อนอื่นต้องดูแผนที่แล้วจำคร่าวๆก่อนว่า  รถไฟมันวิ่งมาจากทางไหน

แล้วเราต้องเดินย้อน หรือเดินตามรถไฟ  พอถึงสถานการณ์จริง ดูถนนของจริง (ไม่ใช่ดูแต่แผนที่)

ก็ต้องจับทางให้ได้ว่า รถไฟมันมาจากทางนั้น วิ่งไปทางนู้น ดังนั้น เราก็ต้องไปทางนู้น

ตามทางรถไฟไป เรื่องง่ายๆของคนอื่น แต่กลับต้องเดินวนไปวนมา มันน่านักมั้ยล่ะ


เที่ยวมาเลเซีย-15

เดินมาไม่ไกล ก็ถึงโรงแรม ซึ่งมองจากไกลๆก็เห็นเด่นชัดแล้ว

แต่ตอนนั้นมันมืดด้วย ประมาณ 6.15 น. เข้าไปตั้งใจจะขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน

แต่พอยื่นใบเช็คอิน เขาก็ให้ห้องได้เลย  แต่อาจไม่ตรงสเป๊คตรงที่เป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียง

แต่ถ้าอยากรอเป็นเตียงใหญ่ 1 เตียง ก็ต้องรอช่่วงบ่าย  เราเลยรับทันที

ขึ้นไปเก็บกระเป๋า อาบน้ำ  นอนให้เต็มคราบ  สรุปแล้ว ได้กำไรด้านเวลาพักนิดหน่อย

เพราะได้ประหยัดค่าห้องไป 1 คืน พวกเราจองโรงแรมนี้ 2 คืน  แต่เหมือนได้พัก 3 คืน

แต่ก็เหนื่อยขามาหน่อย  และเสียเวลาเที่ยวช่วงเช้าไปนิด  เพราะนอนพักยาว กว่าจะตื่นก็เกือบ 10 โมงแล้ว


เที่ยวมาเลเซีย-16

ในด้านของมาตรฐานโรงแรม สภาพห้อง ถือว่าได้ตามมาตรฐาน น่าจะ 3 ดาว

ที่มีทุกอย่างครบ บริการใช้ได้  เพราะตอนขึ้นมาที่ห้องครั้งแรก ยังมีเศษทิชชู่ กับถังขยะคว่ำ

ไม่เรียบร้อยอยู่ เลยลงไปแจ้งให้ทราบ โดยถ่ายรูปไปด้วย  เขาก็ตกใจ ขอโทษเราใหญ่

แล้วเปลี่ยนห้องให้ทันที ได้วิวอีกด้าน เป็นวิวตึกแฝดซะด้วย

วันที่สองแม่บ้านลืมวางขวดน้ำ ก็โทรไปขอ ก็ขึ้นมาให้  โดยรวมก็ถือว่าใช้ได้

อาจจะเป็นโรงแรมที่เก่าแก่  หัวโบราณซักหน่อย  เห็นลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแขก อินเดีย

เสียเรื่องเดียวที่ไม่น่าเชื่อคือ Wi-Fi Internet ต้องเสียเพิ่ม 30 ริงกิต

ซึ่งขนาดไปพักโรงแรมเล็กๆ เขายังให้ใช้ฟรีเลย  นี่ตั้ง 300 บาท แถมไม่ต่อสายตรงด้วย  ถึงบอกว่าหัวโบราณไง


เริ่มออกผจญภัยกันเช้านี้ที่

Chow kit market + ห้างข้างๆ + Giant Supermarket at Medan Tuanku +Parsa Seni  +Central Market + China Town + Go KL Free bus + Saturday market at Lorong Tuanku Abdul Rahaman


รวมรีวิวเที่ยวมาเลเซียทุกตอน

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.