Naramachi Museum (Naramachi Shiryokan)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงสิ่งประดิษฐ์ ทางศิลปะและวัฒนธรรมของนาระ ทั้งเครื่องปั้น เครื่องสาน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถูกจัดแสดงอยู่ในบ้านเก่าที่เจ้าของได้บริจาคไว้ให้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่นี่สังเกตุเห็นได้ง่ายมากคือ จะมี migawari-zaru ห้อยอยู่ที่ประตูทางเข้า
migawari-zaru คืออะไรไม่รู้ แต่มันเป็นเหมือนพวงผ้าสีแดง-ขาว มัดกันคล้ายๆนวม ภาษาอังกฤษบอกว่าเป็น strings of red-cloth monkeys hanging แต่ดูแล้วไม่เห็นเหมือนลิงตรงไหนเลยนะ
มีความเชื่อว่า migawari-zaru นี้ ห้อยเพื่อเป็นลิงรับบาป (ปกติเราเคยแต่ได้ยินว่าแพะรับบาปเนอะ) ห้อยไว้เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้าไปในบ้าน หรือจะเขียนขอพรติดไว้ด้วยก็ได้ค่ะ
เปิดทุกวัน 10.00-16.00น.
ค่าเข้า ฟรี
Naramachi Museum
เดินหา Naramachi Museum ไม่ยากค่ะ เพราะมี migawari-zaru ห้อยอยู่เยอะๆ แต่ตอนเตรียมข้อมูล ในรูปเขาจะมีนวมสีแดงห้อยๆนี่เยอะกว่าที่เห็นจริงเยอะเลยนะ พอไปเห็นจริงๆมีแค่เนี่ยะ เลยไม่แน่ใจว่าใช่ที่นี่รึป่าว
ทางเข้า Naramachi Museum ด้านหน้าก็เหมือนบ้านโบราณ ที่ดูเหมือนจะเก่าๆ ต่างกับบ้าน Naramachi Lattice House ที่ดูอย่างกับบ้านผู้ดีมีฐานะ
เห็นนวมก้อนๆสีแดงๆที่แขวนอยู่ใช่มั้ยคะ มันเหมือนลิงตรงไหนเนี่ยะ มองไกลๆนึกว่านวมชกมวย แต่นี่แหละคือเครื่องรางสำคัญที่ชาวบ้านให้ความเชื่อถือมากค่ะ เพราะเขาเชื่อกันว่ามันจะช่วยรับบาป รับเคราะห์ร้ายไปแทน หรือช่วยปัดเป่าโชคร้ายต่างๆได้ค่ะ
Naramachi Lattice House เข้าชมได้ฟรีเลยนะคะ ตั้งแต่ 10.00 – 16.00 น. แถมยังเปิดตลอดไม่มีวันหยุดอีกด้วย
คิดว่าที่เขาเปิดทุกวันเพราะยิ่งวันหยุด เทศกาล ก็ยิ่งมีคนมาซื้อเครื่องรางนี้ค่ะ
ถ้าสงสัยว่า ที่บอกว่ายิ่งแขวนเยอะยิ่งดี แล้วทำไมไม่แขวนกันเยอะๆเลยล่ะ เห็นร้านค้าแถวนั้นแขวนกันแค่อันเดียวเอง เพิ่งจะมาเก็ทก็ตอนเห็นราคานี่แหละค่ะ เห็นมีพวกนึง ค่อนข้างใหญ่ ร้อยเรียงกันประมาณ 4-5 อัน ราคา 22,000 เยน (ประมาณ 6,600 บาท) มิน่าล่ะถึงแขวนกันไม่เยอะ
ไม่รู้ว่าต้องมีพิธีกรรม คล้ายๆการปลุกเสกอะไรหรือเปล่านะคะ
ของที่ระลึกแต่ละอันราคาไม่เบาเลยนะคะ อาจจะเป็นของหายากที่มีจำหน่ายเฉพาะที่นี่ หรืออาจมีความศักดิ์สิทธิ์ หรือเครื่องเคารพ เหมือนเวลาเราเช่าพระเครื่องล่ะมั๊งคะ
มีพวกศิลปะหัตถกรรม มีทั้งจำหน่าย และโชว์เยอะแยะเลยค่ะ ของแต่ละอันก็น่าจะเป็นแฮนด์เมด มีแค่ชิ้นเดียว แต่ละชิ้นก็ไม่เหมือนกัน เข้าไปในบ้านแล้วอารมณ์เหมือนเข้าบ้านนักสะสมน่ะค่ะ
ของอย่างอื่นก็เช่น รูปภาพ ป้าย รูปปั้น ของประดับ โคมไฟ พระพุทธรูป ฯลฯ
Shomenkongo เป็นคล้ายๆเทพเจ้าที่ช่วยปัดเป่าภัยพิบัติ และโรคร้าย ชาวบ้านเรียกกันว่า “โคชินซัง”(Koshinsan) รูปปั้นแกะสลักนี้ทำจากไม้ ตั้งแตยุคมุโรมาจิ (ค.ศ. 1333 – 1568 )(สรุป ประวัติญี่ปุ่น)
ข้อมูลพวกนี้ไม่ได้มั่วค่ะ แอดมินอ่านจากป้ายอธิบายบางอัน ที่มีภาษาอังกฤษน่ะคะ
Zinemon gama ozara คือจานที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะคะ ถ้าเห็นของจริงน่าจะสูงเกือบเท่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงเลยล่ะค่ะ จานนี้เขาจะใช้ในเทศกาล Koshin Festa (ชื่อโคชินน่าจะหมายถึง เทพเจ้า Shomenkongo หรือ Koshinsan ที่พูดถึงด้านบนนะคะ) เอาไว้ใส่อาหารที่หายากสำหรับผู้ร่วมบูชากว่าร้อยคน
ทีแรกเห็นไอ้ก้อนดำๆนี่นึกว่าระเบิดที่หลงเหลือจากสงคราม ที่แท้มันก็คือ Heater หรือเครื่องทำความร้อนในสมัยเอโดะนั่นเอง สงสัยจะใส่ถ่านร้อนๆลงไปแล้วครอบ อ้าว…แล้วควันมันจะออกตรงไหน แล้วห้องมันจะร้อนยังไง งง…
ข้าวของเครื่องใช้เก่าๆเยอะมากเลยค่ะ เขาคงยังไม่มีงบประมาณสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์หรูๆ ในห้องจะเหมือนห้องเก็บของค่ะ เอาของมาวางเต็มไปหมด แต่บ้านเล็กแค่นี้เอง รักษาของได้เยอะขนาดนี้ถือว่าเจ๋งมากแล้วค่ะ แถมยังเอามาให้เราดูกันฟรีๆอีก แต่อย่าไปจับเล่นของของเขาล่ะคะ เขามีกล้องวงจรปิดแอบมองเราอยู่นะ
ใกล้ทางออกจะมีสมุดเยี่ยมชมให้เขียนความคิดเห็นด้วยนะคะ อย่าลืมไปเขียนกันนะ
สุดท้ายนี้ขอร้องว่าอย่าลืมให้ความเคารพสิ่งของ และสถานที่เขาด้วยนะคะ ไม่จับเล่น ไม่หยิบเล่น(ของที่ไม่ได้ขาย) หรือถ้าเป็นของที่เขาขาย ถ้าไม่คิดจะซื้อก็อย่าหยิบเล่นค่ะ อย่าส่งเสียงดัง หัวเราะคิกคัก สำรวมให้มาก ของบางอย่างเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือนะคะ
สไลด์โชว์ Naramachi Museum
สรุปความประทับใจ Naramachi Museum
- หน้าบ้านจะเหมือนร้านขายของ แต่พอเข้าไปเหมือนบ้านเก็บของเก่า แต่จัดแต่งได้อย่างดี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่มีความหรูหราเลยค่ะ แต่ให้ความรู้สึกถึงห้องเก็บของเก่า ที่เก่ามาก
- เข้าชมฟรี ข้อนี้สำคัญค่ะ
- ได้เห็นข้าวของเครื่องใช้หลายประเภท แทบจะทุกอย่าง รวมๆไว้ เหมือนเศรษฐีนักสะสมของเก่า
- ดีที่ไม่มีคนมาคอยจ้อง คอยถามให้รู้สึกกดดัน ประมาณว่า “ดูก่อนได้นะคะ”(ก็ดูอยู่นี่ไง) “ถามได้นะคะ”(ถ้าสงสัยก็จะถามเองแหละไม่ต้องบอก) ไม่มีใครยืนกดดันเลย แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีคนคอยดูแลนะคะ มีคนอยู่ในออฟฟิศ(หลบอยู่ข้างในค่ะ) แล้วก็มีกล้องวงจรปิดแอบดูค่ะ
- ต้องมานะคะ แนะนำเลยค่ะ ให้ 10/10 ไปเลยค่ะ
คลิปรีวิว Naramachi Museum
แผนที่เส้นทาง รีวิวทริปคันไซ วันที่4
ติดตาม GoNoGuide ผ่าน Facebook
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ