เที่ยวไป ทำงานไป อาจเข้าข่าย Digital Nomad แต่ต้องบอกก่อนว่า GoNoGuide มิบังอาจเรียกตัวเองว่า Digital Nomad เพราะจี๊กับอ๊อบ ไม่ได้รู้จริงเรื่อง Digital Nomad พวกเราก็แค่ทำในสิ่งที่อยากทำ และช่วงชีวิตที่ให้โอกาสเราให้ทำ แต่ต้องเอาคำนี้มาเกี่ยวเพราะง่ายต่อการเขียนเท่านั้นเอง
จุดประสงค์
จุดประสงค์ที่เขียนบทความนี้ ไม่ได้อยากให้ใครต้องทำตาม และไม่อยากยึดตามรูปแบบของใคร เพราะการเดินทางของชีวิตแต่ละคน ย่อมมีเอกลักษณ์ มีความเป็นอิสระทางความคิดของตัวเอง
ความใฝ่ฝัน
ขอเล่าความใฝ่ฝันของจี๊กับอ๊อบก่อนว่า พวกเราอยากมีความอิสระทางความคิด และอิสระทางกายภาพด้วย แต่มันไม่ได้ง่าย ใครๆก็รู้ใช่มั้ย มันเลยเป็นความใฝ่ฝันไง ถ้ามันง่ายก็คงไม่เรียกว่าเป็นความใฝ่ฝันใช่มั้ยล่ะ
ดังนั้น การเที่ยวไป ทำงานไป ก็ไม่ใช่จุดสูงสุดของชีวิต พวกเราไม่มีจุดสูงสุด ไม่มีเป้าหมายสูงสุด มีแต่การเดินทางไปด้วยกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานั้นอยากทำอะไร ตกลงร่วมกันว่าอะไร อนาคตอาจไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ได้
แกนหลักของความคิดคือ ทุกคนต้องการมีความสุข
ความสุขของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน โอกาสชีวิตของแต่ละคน ก็ไม่เหมือนกัน ชีวิตคนเรามันสั้น อะไรทำแล้วมีความสุข และมีโอกาส ก็อยากรีบทำ
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนเราจะมีโอกาสทำในสิ่งที่อยากทำได้ การเดินทางของพวกเราก็ไม่ได้ง่าย กว่าจะมาถึงวันนี้ เราต้องเจออะไรมากมาย อดทนอดกลั้น ขยันคิด ขยันทำ ลองผิดลองถูก นานนับสิบๆปี ทุกวันนี้ก็ยังต้องทำ ยังต้องเดิน แต่ทุกย่างก้าวเล็กๆ มันขึ้นมาถึงบนนี้ได้ยังไงไม่รู้ตัว และก็ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไงต่อ รู้แค่ว่าปัญหามันมีทุกวัน เรามีหน้าที่ต้องแก้มันทุกวัน
ที่เล่ามาทั้งหมดแค่ให้เข้าใจว่า ชีวิตคนอื่นที่ดูสวยหรูในสายตาเรา ชีวิตจริงมันอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด ที่สาธารณะเห็นอาจเป็นแค่ 0.0000000001% ของชีวิตจริงของเขา
สรุป
ดังนั้นที่จี๊กับอ๊อบต้องการสื่ออย่างแรกคือ พวกเราไม่อยากให้ใครอิจฉาชีวิตคนอื่น โฟกัสที่ความสุข และความต้องการจริงๆของตัวเราเอง ถ้าจะดูชีวิตคนอื่นแค่เอามาเป็นบทเรียน คัดกรองเอามาใช้เฉพาะที่จำเป็น ไม่ใช่ทุกอย่าง ถ้าทำได้ไม่ต้องไปสนชีวิตคนอื่นเลยจะดีมากๆ
ข้อดี – ข้อเสีย เที่ยวไป ทำงานไป
ข้อดี
- อิสระ คำเดียวแต่ความหมายยิ่งใหญ่
ข้อเสีย (เพียบ)
- ต่อสู้กับความคิดของคนรอบข้าง
- รู้สึกเหมือนไม่มั่นคง เพราะไม่ได้ทำเหมือนคนส่วนใหญ่
- ควบคุมตัวเองยาก จัดสรรเวลายาก
- ไม่แน่นอน (ตื่นเต้นที่สุดก็ตรงนี้แหล่ะ)
- ค่าครองชีพผันผวนสูง (กรณีไม่รวย ดูต่อข้างล่างเลย)
- ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีสินทรัพย์ที่จับต้องได้ (เพื่อความคล่องตัวไม่มีภาระ)
การจัดสรรงบประมาณ
ขึ้นกับความสามารถของแต่ละคน ส่วนตัวจี๊กับอ๊อบ เป็นคนไม่เก่ง ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เราก็ต้องมีงบส่วนใหญ่เพื่อความสบายใจในการดำรงชีพในอนาคต งบในการลงทุนเพื่อให้งอกเงย(ก้อนนี้ต้องเย็นจนแข็งไม่ต้องใช้มันเลย) ที่เหลือก็เพื่อความสุข ความอิสระ และการสร้างประสบการณ์
ค่าเครื่องบิน
ขึ้นกับต้นทาง ปลายทาง นั่งชั้น economy ถ้าต้องการแบบถูก ก็ซื้อแบบไปกลับที่เดียวกัน สายการบินเดียวกัน เช่น กรุงเทพฯ – ซูริค – กรุงเทพฯ แบบนี้ตั๋วจะถูกสุด ถ้าไปกลับคนละที่ หรือตั๋วขาเดียว ราคาจะสูงกว่า
ประมาณค่าเครื่องบิน ไปกลับที่เดียวกัน เช่น [ระยะสั้น 2,000 – 10,000 บาท] [กลาง 10,000 – 20,000 บาท] [ระยะไกล 20,000 – 40,000 บาท]
ค่าเดินทางแต่ละวัน
เนื่องจากพวกเรา ไม่ได้ไปแบบทริปสั้นๆไม่กี่วันแล้วกลับบ้าน (จริงๆไม่มีบ้านให้กลับ) จึงต้องทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วย แปลว่าเราไม่ได้เที่ยวทุกวัน จะออกไปข้างนอกก็ขึ้นกับอารมณ์ สถานที่ และเวลา แต่ต้องออกอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1-2 วัน
ค่าเดินทางมักจะเป็นค่ารถระยะกลาง-ไกล แบบเดินไปไม่ได้ แต่ถ้าที่เดินไปได้ก็จะใช้การเดิน
ยุโรป ส่วนใหญ่เป็นรถไฟ คนละ 500 – 2,000 บาท ต่อวัน (ขึ้นกับระยะทาง)
ไทย 100-500 บาทต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นค่าแท็กซี่ (เรียกจากแอพฯ เช่น indriver bolt)
ค่าที่พัก
พวกเราจะเช่าเป็นรายเดือน เพราะเราไม่ได้ออกเที่ยวทุกวัน เลยต้องใช้เวลานาน พักผ่อน ซึมซับสถานที่ สร้างความทรงจำได้มากกว่า และเลือกอยู่แบบห้องค่อนข้างดี มีครัว เพราะถ้าอยู่ในที่ไม่ดี เราก็จะไม่มีความสุข เราอยากให้ชีวิตเหมือนอยู่บ้านจริงๆ แค่เดินออกไปแล้วเจอที่เที่ยวใกล้ๆ
ถ้าในยุโรปก็ขึ้นกับฤดูและประเทศด้วย ถ้าไม่ใช่ฤดูร้อน ใช้ค่าที่พัก 25,000-35,000 บาทต่อเดือน(ต่อ 2คน) หน้าร้อนราคาจะแพงขึ้นเป็น 2 เท่าตัวได้เลย ถ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 15,000-25,000 บาทต่อเดือน(ต่อ 2คน) ถ้าในไทย 10,000-15,000 บาทต่อเดือน(ต่อ 2คน)
ค่าอาหาร – ค่าของใช้
รวมทั้งค่าอาหาร และค่าของใช้ประจำวัน ถ้าในยุโรป มักจะซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ต ประมาณคนละ 8,000 – 10,000 บาทต่อเดือน ถ้าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณคนละ 5,000 – 8,000 บาทต่อเดือน มักจะซื้อแบบสำเร็จรูปตามตลาดทั่วๆไป เก็บในตู้เย็นแล้วอุ่นทาน เพราะไม่ชอบออกจากบ้านทุกวัน จะทำให้เสียเวลาในการแต่งตัว และเดินหาของกิน
ค่าเข้าสถานที่
เป็นค่าใช้จ่ายที่น้อยมาก เพราะไม่ค่อยได้เข้า ส่วนใหญ่จะเดินดูรอบๆเมือง ดูธรรมชาติ แต่ก็กันงบประมาณคนละ 1,000-2,000 บาทต่อเดือน
ไม่รวยก็ทำได้
ทั้งหมดนี้เป็นแค่การประมาณให้เห็นภาพรวมง่ายๆว่า มันไม่ต้องใช้งบประมาณสูงเลย ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเลย ถ้ามีงบน้อยก็ถือว่าฝึกหาประสบการณ์ อยู่ที่ถูกๆไปก่อน ไปที่ใกล้ๆก่อน
คีย์เวิร์ดคือ ลองผิด ลองถูก ลองสิ่งที่อยากลอง
ดูรีวิวเที่ยวทั้งหมดที่ gonoguide.com/go
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ