ขั้นตอนขึ้นเครื่องบิน Boarding Guide
ขั้นตอนขึ้นเครื่องบิน สำหรับมือใหม่ มือเก่าที่ไม่ได้ขึ้นเครื่องบ่อย อาจมีหลงลืมไปบ้าง เดินทางคนเดียว อ่านแล้วมั่นใจ ไปคนเดียวได้เลย ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วทำยังไงต่อ ถึงสนามบินแล้วทำยังไงต่อ ขึ้นเครื่องบินที่ไหน ดูยังไง
สารบัญ
- ซื้อตั๋วเครื่องบิน
- ก่อนวันขึ้นเครื่อง
- ถึงสนามบิน
- ไปถึงเคาร์เตอร์เช็คอิน/โหลดกระเป๋า
- เช็คอิน / โหลดกระเป๋าแล้ว ทำอะไรต่อ
- หา Gate ที่เราต้องไปขึ้นเครื่อง
- ถึง Gate
- ดูรูปเพิ่ม
- วิดีโอขึ้นเครื่องบิน ต่อเครื่อง
1. ซื้อตั๋วเครื่องบิน
- คนส่วนใหญ่จะซื้อตั๋วแบบ Single Ticket คือ เลือกต้นทาง ปลายทาง แล้วจะให้ไปต่อเครื่องที่ไหนก็แล้วแต่ตั๋วที่เราเลือก จะได้ตั๋วออกมา 1 ใบ
- ถ้าซื้อตั๋วแบบ Multi Ticket คือ ซื้อตั๋วมากกว่า 1 ครั้ง เช่น จริงๆเราจะไปเบอร์ลิน แต่ดันไปเจอตั๋วถูก เราก็ซื้อ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ จ่ายเงิน เป็นตั๋วใบนึง จากนั้นก็ซื้อ สิงคโปร์-เบอร์ลิน จ่ายเงิน เป็นตั๋วอีกใบนึง แบบนี้คนทั่วไปไม่ได้ทำ ขอข้ามไปเลยไม่พูดถึง ทำตัวอักษรจางไว้ให้เลย (ยกเว้นคนชำนาญมากแล้ว)
- เลือกราคาที่รับได้ เลือกเวลาต่อเครื่องที่รับได้
- อย่าเห็นแก่ของถูก ต่อเครื่องนานเกินไป ถูกลงไม่เท่าไหร่ แต่เสียเวลามาก ต่อเครื่อง 2 ชม. กำลังดี
- อย่าเลือกต่อเครื่องน้อยเกินไป เช่น 45 นาที อาจไม่ทันหากดีเลย์
- เช็คดูว่าต้องรับกระเป๋ามั้ย ต้องผ่านตม.มั้ย ต้องมีวีซ่ามั้ย
- ส่วนใหญ่ถ้าซื้อแบบ Single ticket คือไม่ต้องรับกระเป๋ากลางทาง (แต่ควรดูให้ดีก่อน)
ตัวอย่างตั๋วเครื่องบิน
อันนี้คือตั๋วที่ซื้อจากออนไลน์ จ่ายเงินแล้วจะได้ใบแบบนี้มาทางอีเมล
วิธีค้นหาตั๋วของ GoNoGuide คือ เข้า google flight หรือ kiwi หรือ เว็บค้นหาตั๋วอื่นๆทั่วไป สนใจอันไหนก็ค่อยไปดูในเว็บสายการบินอีกทีว่าถูกกว่ามั้ย
กรณีนี้ตามรูปด้านบน GoNoGuide ดูแล้วว่าจองจากสายการบินโดยตรงแพงกว่า ก็เลยกดจาก google flight เลย จากนั้นจะมีให้เลือกเว็บว่าเราจะจองจากเว็บไหน ตอนนั้นเราก็เลือก go to gate เพราะถูกสุด (นี้แค่ตัวอย่างนะ เคสอื่นๆก็ไม่เสมอไปนะ ดูเอาไอเดียเฉยๆอย่าเลียนแบบหมด)
พอจ่ายเงินตัดจาก Travel card ก็จะได้ใบแบบนี้ส่งเข้าอีเมล ตั๋วนี้เฉลี่ยคนละ เกือบ 20,000 บาท (ขาเดียว)
วิธีดูเวลาบนตั๋ว
เวลาที่เห็นในตั๋วคือเวลาท้องถิ่น เช่น
- ขึ้นเครื่องที่ Warsaw 6:00 แปลว่า เครื่องออกหกโมงเช้า เวลาที่ Warsaw
- ถึง Amsterdam 8:00 แปลว่า เครื่องลงแปดโมงเช้า เวลาที่ Amsterdam
- ออกจาก Amsterdam 13:35 แปลว่า เครื่องออก บ่ายโมงสามสิบห้านาที เวลาที่ Amsterdam
บางกรณีที่ทำให้สับสนคือ 12:00 หรือ 24:00 หรือ 12 am หรือ 12 pm เช่น
- ระบุ 2 มกราคม 12:00 คือ เที่ยงวัน ของวันที่ 2 มกราคม
- ระบุ 2 มกราคม 24:00 คือ เที่ยงคืน ของวันที่ 2 มกราคม (เราต้องไปถึงสนามบินอย่างช้าคือ สามทุ่มของวันที่ 2 มกราคม
- ระบุ 2 มกราคม 12 am (หรือ 00:00) คือ เที่ยงคืนที่ขึ้นวันที่ 2 มกราคม แปลว่าเราต้องมาถึงสนามบินอย่างช้าคือ สามทุ่มของวันที่ 1 มกราคม
- ระบุ 2 มกราคม 12 pm (หรือ 12:00) คือ เที่ยงวันของวันที่ 2 มกราคม แปลว่าเราต้องมาถึงสนามบินอย่างช้าคือ เก้าโมงเช้าของวันที่ 2 มกราคม
2. ก่อนวันขึ้นเครื่อง
ก่อนวันขึ้นเครื่อง บางสายการบินเราสามารถเช็คอินออนไลน์เองได้ในเว็บสายการบิน ประมาณ 24 ชม.ก่อนเวลาเครื่องออก หากเที่ยวบินไหนเช็คอินออนไลน์ไม่ได้ ก็แค่ไปเช็คอินที่เคาร์เตอร์ก็ได้
เช็คอินออนไลน์เพื่ออะไร?
การเช็คอินออนไลน์ คือการใส่ข้อมูลส่วนตัว ถ้าไปเช็คอินเคาร์เตอร์ เจ้าหน้าที่ก็เป็นคนใส่ข้อมูลให้ แต่ถ้าเราเช็คอินออนไลน์เอง เจ้าหน้าที่ก็ลดขั้นตอนตรงนี้ ถ้ามีกระเป๋า ก็แค่โหลดกระเป๋าเท่านั้น และปริ้นท์บอร์ดดิ้งพาสให้เรา
- บางสายการบินเราก็สามารถเลือกที่นั่งเองได้ตอนเช็คอินออนไลน์
- ถ้ามีกระเป๋าโหลด ส่วนใหญ่ที่เคาร์เตอร์จะมีช่องให้เลือกคือ ช่อง Check-in และ ช่อง Baggage drop
- ถ้าเราเช็คอินออนไลน์มาแล้ว เราก็เข้าช่อง Baggage drop ได้เลย ซึ่งส่วนใหญ่ช่องนี้แถวจะสั้นกว่า
- ถ้าเราไม่ได้อินออนไลน์มา ก็แค่เข้าช่อง Check-in เจ้าหน้าที่ก็จะเช็คอิน และโหลดกระเป๋าให้เราตอนนั้นเลย
- กรณีไม่มีกระเป๋าโหลด ถ้าเช็คอินออนไลน์มาแล้ว เราก็จะได้ Boarding pass มาแล้ว เราก็เดินเข้าเกตได้เลย ไม่ต้องมาเคาร์เตอร์ หรือถ้าไม่ได้ Boarding pass ส่วนใหญ่ก็จะมีตู้ Kiosk ให้ปริ้นท์เอง
- สรุปเช็คอินออนไลน์เพื่อประหยัดเวลานั่นเอง แต่ถ้าทำไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ไปที่เคาร์เตอร์ตามปกติ
- แต่ระวังว่าบางสายการบินถ้าไปเช็คอินที่เคาร์เตอร์จะมีค่าบริการสูงมาก (เช่น Ryanair)
3. ถึงสนามบิน
ควรไปถึงก่อนเวลาเครื่องออกประมาณอย่างน้อย 3 ชม. เช่น
- ในตั๋วระบุเครื่องออกที่ WAW 06:00 (หกโมงเช้า) เราก็ควรไปถึงสนามบินอย่างน้อย ตี 3
- ส่วนใหญ่เคาร์เตอร์เช็คอินโหลดกระเป๋าจะเปิดประมาณ 2-3 ชม.ก่อนเวลาเครื่องออก และปิดประมาณ 1 ชม.ก่อนเวลาเครื่องออก แปลว่าถ้าเครื่องออก 06:00 ถ้าเราไปถึงเคาร์เตอร์ 05:00 ก็อาจไม่ได้เช็คอิน และตกเครื่องนั่นเอง
พอไปถึงสนามบิน ให้ขึ้นไปชั้น Departure แล้วดูที่บอร์ดแบบในรูป แล้วหาเวลา และรหัสเที่ยวบินของเรา
- เช่น ในตั๋วระบุ 06:00 KL1362 To Amsterdam
เราก็ดูว่าเราต้องไปเช็คอิน โหลดกระเป๋าที่ช่องไหน
- จากรูปด้านบน บอร์ดแจ้งว่า Area C , Check-in 201-207 เราก็ไปตามป้ายนั้น
- ส่วนใหญ่จะมีเจ้าหน้าที่ยืนด้านหน้า สามารถถามได้เลย ถ้าไม่แน่ใจให้ถามก่อนต่อแถว เพราะแถวยาว ถ้าต่อผิด เสียเวลา
4. ไปถึงเคาร์เตอร์เช็คอิน/โหลดกระเป๋า
- ยื่นพาสปอร์ตอย่างเดียว ไม่ต้องยื่นตั๋วก็ได้
- ถ้าไม่อยากพูดอะไร ก็เอากระเป๋าวางให้เห็น
- ส่วนใหญ่จะถามว่ามีแบตเตอร์รี่ในกระเป๋าที่จะโหลดมั้ย (ห้ามใส่อุปกรณ์ที่มีแบตในกระเป๋าโหลด)
- ถ้าเราไม่ได้เช็คอินมาก่อน ให้เรารีบบอกว่าขอนั่งตรงไหน ติดหน้าต่าง(Window seat) หรือ นั่งติดทางเดิน (Aisle seat ไอเอิล ซีท) ถ้าไม่บอกก็จะได้สุ่มที่นั่ง
- เจ้าหน้าที่อาจถามเรื่องตั๋วขากลับ (บางสายการบิน) ถ้าเราไม่มีตั๋วขากลับ (บางสายการบิน) ก็อาจไม่ให้ขึ้น
- จริงๆตั๋วขากลับ ก็คือตั๋วขาออกจากประเทศนั้นๆ ถ้าเจ้าหน้าที่ยังยืนยันให้มีตั๋วขากลับ เราก็อาจซื้อตั๋วขาออกไปประเทศใกล้เคียงถูกๆก็ได้ เช่นไปยุโรป ก็ซื้อตั๋วขาออกไปตุรกี เซอเบีย ถ้าไม่ได้จะไปจริงก็แค่ทิ้งตั๋วไปราคาหลักพัน
- สำคัญที่สุดคือให้ถามยืนยันไปว่า รับกระเป๋าปลายทางเลยใช่มั้ย ไม่ต้องรับกระเป๋าที่ต่อเครื่องใช่มั้ย
5. เช็คอิน / โหลดกระเป๋าแล้ว ทำอะไรต่อ
เช็คอิน / โหลดกระเป๋าแล้ว จะได้บอร์ดดิ้งพาส แบบนี้ตามรูปด้านบน จากรูปเป็นการต่อเครื่อง 2 ต่อ
- จาก Warsaw ไป Amsterdam อยู่ในเชงเก้นเหมือนกัน เที่ยวบินนี้จึงไม่ต้องผ่านตม.
- จาก Amsterdam ไป Guangzhou เป็นการออกนอกเชงเก้นแล้ว แปลว่าเราต้องผ่านตม.ที่ Amsterdam
- จาก Guangzhou ไป Seoul เป็นการต่อเครื่องในจีน กรณีต่อเครื่องในจีนไม่เกิน 24 ชม.ไม่ต้องมีวีซ่า แต่จะผ่านตม.แบบเร็วๆ ไม่มีการปั๊มตราในพาสปอร์ต ตม.แค่ดูตั๋วเฉยๆว่าอยู่เกิน 24 ชม.มั้ย อาจมีถามเฉยๆว่าปลายทางไปไหน ไม่ต้องกลัวอะไร
6. หา Gate ที่เราต้องไปขึ้นเครื่อง
พอเราเช็คอิน โหลดกระเป๋าแล้ว และได้ Boarding Pass มาแล้ว ก็สามารถผ่านเข้าไปในส่วนของสนามบินขาออก ถ้าไม่มี Boarding pass ก็เข้าส่วนนี้ไม่ได้ ก่อนเข้าจะมีการตรวจสัมภาระที่ถือติดตัว ถ้าไปต่างประเทศก็ต้องผ่านตม.ขาออก
แม้ว่าใน Boarding Pass จะมีระบุประตู (Gate) อยู่ก็ตาม เราควรต้องดูที่บอร์ดอีกที(ตามรูปข้างบน) เพราะบางครั้ง Gate เปลี่ยนได้
ให้ดูเที่ยวบินของเราให้ตรง และดูว่าให้ไปที่ Gate ไหน จากรูปข้างบน คือ Gate 32 เราก็ดูที่ป้าย่บอกทางแล้วเดินไปหาประตูที่ 32 ซึ่งบางครั้งเยอะมากจนตาลาย และไกลมาก อย่าชะล่าใจ
ใครเดินไม่ไหวจริงๆ ให้แจ้งที่เคาร์เตอร์ตอนเช็คอินก่อน เจ้าหน้าที่จะมีรถเข็นพาไป (แต่ต้องแจ้งตอนเช็คอินหรือตอนโหลดกระเป๋านะ)
7. ถึง Gate
พอไปถึง Gate ให้คอนเฟิร์มที่ป้ายอีกทีนึง ดูเที่ยวบินให้ตรง แล้วนั่งรอใกล้หน้า Gate สมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่มีการประกาศเรียกแล้ว ประตูจะเปิดก่อนเวลาเครื่องออกประมาณ 30 นาที
- เช่น เครื่องออก 06:00 ประตูจะเปิดให้เราขึ้นเครื่องประมาณ 05:30
- และประตูจะปิดก่อนเวลาเครื่องออกประมาณ 15 นาที คือถ้าเรามาถึง Gate 05:45 ประตูปิดแล้ว ถือว่าเราตกเครื่องแล้วนะ แม้ว่าเครื่องบินจะยังไม่ได้ออกก็ตาม (เครื่องบินนะ ไม่ใช่รถเมล์)
- พอถึงเวลา 06:00 คือล้อหมุน
- เวลาที่บอกนี้แค่สมมุตินะ อาจแตกต่างกันในแต่ละสนามบิน
- สรุปคือควรไปถึงหน้า Gate ก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 45 นาที ปลอดภัยคือ 1 ชม.
ขั้นตอนขึ้นเครื่องบิน สำหรับมือใหม่
ดูภาพเพิ่มเติมใน Facebook กันนะคะ
ตัวอย่างรีวิวขึ้นเครื่องบิน ต่อเครื่อง
บินจาก Warsaw ✈ ไป Amsterdam สายการบิน KLM
บินจาก Amsterdam ✈ ไป Seoul สายการบิน China Southern
ขั้นตอนขึ้นเครื่องบินละเอียดที่สุด Step by Step ซื้อตั๋วแล้วทำอะไรต่อ
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ