Arashiyama
ที่ Arashiyama นี้อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต นั่งรถไฟไม่ไกลมาก มีสถานที่เที่ยวมากมาก ทั้งธรรมชาติและวัด แต่จะเลือกมาเฉพาะที่ใกล้ๆ ไม่ต้องนั่งรถบัสไปค่ะ และก็เป็นที่ที่พวกเราวางแผนจะไปกันค่ะ
กิจกรรม
ตลอดปีมีกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำโฮสึ ที่เรียกว่า Hozugawa Kudari (保津川下り / Hozu-gawa River Boat Ride) เป็นการล่องเรือพาย/ถ่อลำไม่ใหญ่นักจากต้นแม่น้ำโฮสึ เรื่อยๆจนมาจบที่แม่น้ำโออิ ใกล้กับสะพานโทเก็ทสึ รวมระยะทางกว่า 16 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ปัจจุบันมีบริการตลอดทั้งปี แต่เป็นที่นิยมมากในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
ระหว่างทางเจ้าหน้าที่จะมีอธิบายจุดสำคัญต่างๆที่ผ่าน มีการร้องเพลง สร้างบรรยากาศให้การนั่งเรือสนุกสนานตลอด สนุกมากค่ะ มีช่วงที่แวะซื้อของกินจากเรือขายของด้วย แนะนำให้ซื้อมากิน ได้บรรยากาศมากค่ะ โดยเฉพาะปลาหมึกย่าง อร่อยมากๆค่ะ
1. แม่น้ำโออิ (大偃川 / Ōigawa), แม่น้ำโฮสึ (保津川 / Hozugawa) และแม่น้ำคัทสึระ (桂川 / Katsuragawa)
ชื่อแม่น้ำทั้งสาม ที่จริงแล้วก็คือเส้นเดียวกัน แต่ชื่อเรียกจะต่างไปตามตำแหน่งที่แม่น้ำไหลผ่าน โดยที่แม่น้ำส่วนที่เหนือ สะพานและใต้สะพานโทเก็ทสึไปประมาณ 200 เมตร จะเรียกว่าแม่น้ำโออิ ส่วนที่ต้นน้ำจากนั้นขึ้นไปเรียกโฮสึและส่วนที่ปลายน้ำจากนั้นไปเรียกว่าแม่ น้ำคัทสึระ
คำว่า 川 / kawa แปลว่าแม่น้ำ เมื่อเติมหลังชื่อของแม่น้ำ (อยู่ติดกับคำอื่น) จะผันเสียงเป็น gawa (คันจิตัวเดิม)
บางครั้งเวลาแปลเป็นภาษาอื่น ก็มักจะติดคำว่า gawa ไปด้วย อย่างเช่น Kamogawa River, Ōigawa River ซึ่งที่จริงแล้ว จะตัด gawa ออกเมื่อแปลก็ได้
2. Ukai Cormorant Fishing
ในฤดูร้อนตั้งแต่ 1 กรกฎาคม -15 กันยายน มีโชว์การจับปลาโดยใช้นกกาน้ำ ที่บริเวณแม่น้ำ Oi ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ในการจับปลาสมัยโบราณ (ตั้งแต่สมัยเฮอัน) หลังจากฟ้ามืดแล้วจะให้คนนั่งไปในเรือถ่อ ที่บริเวณน้ำตื้นๆ มีนกกาน้ำที่คอโดนผูกเอาไว้ด้วยเชือก และไต้ไฟที่หน้าเรือ จุดส่องสว่างเพื่อล่อให้ปลาเข้ามาใกล้
นกกาน้ำจะจับกิน แต่จะกลืนไม่ได้ เพราะมีเชือกผูกเอาไว้ที่คอ แล้วเขาก็จะดึงเชือกเอานกตัวนั้นกลับมาที่เรือ แล้วปลดเอาปลาออกก่อนจะปล่อยให้ไปจับอีก ถ่อเรือวนไปมาในเวิ้งน้ำบริเวณนั้นจะมีเรือขายของมาจอดขายของกินเป็นระยะๆ
รวมระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงที่จะได้รู้สึกเหมือนย้อนยุคไปอยู่สมัยโบราณ การจับปลาแบบนี้ ปัจจุบันมีที่ Gifu ด้วย แต่ไม่ได้มีตลอดปี เพราะเขาทำเพื่อรักษาขนบเฉยๆ ไม่ได้เอาปลามากินกันจริงๆเป็นล่ำเป็นสัน
หากมาช่วงหน้าร้อนและมีเวลาช่วงเย็นก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมากๆ
3. Light up
ช่วงฤดูหนาวเดือนธันวาคม จะมีงาน Light up เรียกว่า Hanatouro จะมีการเปิดไฟประดับส่วนต่างๆของ Arashiyama ทั้งบริเวณสะพาน Togetsukyo ป่าไผ่ และวัดและศาลเจ้าต่างๆ มี Rally stamp มีการจัดแสดงดอกไม้ Ikebana ตามจุดต่างๆให้ชม (วัด Daikakuji เป็นต้นตำรับของการจัดดอกไม้ Ikebana) รวมระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร โคมไฟกว่า 2500 ดวง
4. นั่งรถราง Torokko Ressha
Sagano Romantic Train (嵯峨野観光鉄道 / Sagano Scenic Railway หรือ Sagano Torokko Ressha)
รถรางสายโรแมนติค วิ่งจากสถานีซากะ ในแถบอะราชิยามะเลียบแม่น้ำโฮสึ ไปจนสุดทางที่สถานีคาเมโอกะ เป็นระยะทาง 7.3 กิโลเมตร ใช้เวลา 25 นาที
ระหว่างทางที่รถผ่านป่า เลียบแม่น้ำ ข้ามแม่น้ำ เข้าไปในหุบเขา ลอดอุโมงค์ วิวสวยงามตระการตาโดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ในฤดูท่องเที่ยว รถรางจะเป็นที่นิยมมากจนต้องเบียดกันยืน จากสถานีสุดท้ายคาเมโอกะ สามารถนั่งรถบัส/แท๊กซี่ ไปท่าเรือสำหรับการล่องแม่น้ำโฮสึได้ด้วย
5. งานอื่นๆที่น่าสนใจ
– 15 มีนาคม : Nenbutsu Kyogen Otaimatsu-shiki ที่วัด Seiryou-ji จะมีการจุดไต้ไฟต้นสนขนาดใหญ่ เพื่อพยากรณ์ผลผลิตการปลูกข้าวในปีนั้นๆ
– ต้นเดือนเมษายนประมาณ 10 วัน : พิธีชงชากับเทศกาลชมดอกไม้ในสระ Osawa วัด Daikoku-ji
– 13-15 เมษายน เทศกาลจัดดอกไม้ที่วัด Daikoku-ji
– วันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน พฤษภาคม เทศกาล Mifune Matsuri ของศาลเจ้า Kurumazaki jinja
– ปลายเดือนมิถุนายน งานปัดรังควาน Natsugoshi no Harae ที่ศาลเจ้า Nonomiya jinja
– 23-24 สิงหาคม Sento-Kuyo ที่วัด Adashino Nenbutsu-ji
– 20-23 กันยายน เทศกาลดนตรี Kyoto Arashiyama
– 1 ตุลาคม – 30 พฤษจิกายน เปิดให้เข้าชม Reiho-kan เป็นพิเศษที่วัด Seiryou-ji
– วันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษจิกายน Arashiyama Momiji matsuri
นอกจากนี้ บริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยพรรณไม้สวยงามมากมาย การชมดอกไม้ก็เป็นกิจกรรมที่พลาดไม่ได้
– กลางเดือนกุมภาพันธ์ – ต้นเดือนมีนาคม : บ๊วยแดงที่วัด Seiryou-ji
– ต้นเดือนเมษายน ซากุระที่ Arashiyama, สะพาน Togetsukyo, วัด Daikoku-ji และจุดอื่นๆ
– ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน ต้นหลิวที่วัด Jojakko-ji และวัด Jikisian
– ปลายเดือนพฤษจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม นั่งรถรางสายโรแมนติกไปลงที่ Kameoka แล้วล่องเรือ Hozugawa Kudari ลงมาที่ Arashiyama ระหว่างทางสวยงามมาก, ใบไม้แดงที่วัด Nison-in, Jojakko-ji และ Giou-ji
กิจกรรมประจำช่วงต่างๆของปีพวกนี้ จะมีช่วงเวลาที่เหมาะสมต่างกัน เช่น ถ้าจะไปล่องเรื่อ Hozugawa Kudari ก็ควรเดินทางมาตั้งแต่เช้า เพราะคนเยอะและคิวยาว ควรจะมาถึง Arashiyama แต่เช้าเพื่อเข้าคิวรถรางไปให้ทันได้ลงเรืออย่างช้าคือบ่ายโมง เพื่อจะได้กลับมาถึง Arashiyama ทันเข้าชมจุดที่น่าสนใจอื่นๆ ก่อนเวลาปิด
ส่วนถ้าจะมาดู Ukai Cormorant Fishing งานจะเริ่มตอนค่ำแล้ว ดังนั้นช่วงระหว่างที่วัดและสถานที่ต่างๆปิดไปหมด แล้วก็ต้องนั่งเหงา หรือหาร้านทานอาหารมื้อเย็นฆ่าเวลาไปก่อน
สถานที่ท่องเที่ยวใน Arashiyama
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและพลาดไม่ได้แน่ๆคือ สะพาน Togetsukyo, วัด Tenryu-ji และป่าไผ่ ซึ่งเพียงชั่วโมงเดียวก็เที่ยวได้
แต่หากมีเวลาสัก 2-3 ชั่วโมง ก็ควรเดินชมบริเวณใกล้ๆกันด้วยเพราะมีจุดที่น่าสนใจมากมาย เช่นศาลเจ้า Nonomiya ที่มีการกล่าวถึงไว้ในวรรณกรรม the Tale of Genji และบ้านพัก Okochi Sansou ที่มีสวนสวยและบริเวณสถานี Keifuku Railway Arashiyama ก็มีร้านขายของและอาหารมากมายรวมทั้งมีออนเซ็นเท้าให้ได้พักผ่อนอีกด้วย
1. Togetsukyo Bridge
หรือสะพานข้ามจันทร์ เป็นสะพานที่เป็นสัญลักษณ์ของ Arashiyama โดยตั้งชื่อจากคำพูดของจักรพรรดิ Kameyama (1260-1274) ว่า “เปรียบดั่งข้ามดวงจันทร์ที่ไร้เงามืด”
ในช่วงกลางคืน จะมีหลอดไฟสีฟ้าให้ความสว่างเป็นแนวตลอดความยาว ไฟนี้ใช้พลังงานจากแรงของน้ำที่ไหลผ่านสะพาน
บริเวณนี้เมื่อเดินไปถึงแล้วก็จะมีกิจกรรมสำหรับคนที่อยากเห็นในมุมที่คนอื่นๆไม่ค่อยได้เห็นกัน นั่นคือ นั่งรถลาก
รถลากใช้แรงคนที่จะพาเราไปไหนๆในบริเวณนี้พร้อมทั้งเป็นไกด์ส่วนตัว บรรยายไปด้วยเป็นภาษาญี่ปุ่น อยากไปที่ไหนก็สามารถบอกได้ อยากนั่งนานแค่ไหนก็บอกได้ ราคาคิดตามแพลนที่เราบอก แล้วก็มีบริการถ่ายรูปบนรถลากให้ด้วย
2. (Tenryū-ji / 天龍寺 )
เทนริวจิ เป็นวัดพุทธนิกายเซนที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น มีวัดย่อยในอาณัติประมาณ 120 วัด โดยเป็นวัดเซนนิกายย่อยรินไซ
เดิมบริเวณนี้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิ โกะ-ซากะ และจักรพรรดิคาเมะยามะผู้เป็นบุตร ต่อมามีการปรับเปลี่ยนเป็นวัดช่วงกลางสมัยมุโรมาจิ ปี ค.ศ. 1339 โดยอะชิคากะ ทาคาอุจิ (足利 尊氏 / Ashikaga Takauji)
โดยทำเพื่อไว้อาลัยแด่จักรพรรดิโกะ-ไดโกะ สหายผู้ในบั้นปลายได้เปลี่ยนมาเป็นศัตรูกัน และเสียชีวิต 1 ปีหลังจากที่อาชิคากะ ทาคาอุจิได้เป็นโชกุน
สวนที่มีชื่อเสียงมาก มีชื่อว่าสวนโซเกนจิ เท-เอน (曹 源池庭園 /Sôgenchi Teien) เป็นสวนแบบเดินชมขนาดใหญ่ ใช้เทคนิคยืมทิวทัศน์ของทิวเขาด้านหลังมาประกอบ เมื่อมองดูราวกับเป็นส่วน หนึ่งของสวน
มีสระน้ำกว้างขวาง(ส่วนนี้มีมาตั้งแต่สมัยเฮอัน) สะพานหินตกแต่งบริเวณสระน้ำ เป็นสะพานหินตกแต่งสวนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น รูปแบบการจัดเรียงหินประกอบสวนก็มีชื่อเสียง ถือเป็นงานชิ้นเอกของพระมุโส โซเซกิ (夢窓 疎石 / Musō Soseki, 1275-1351) พระเซนผู้เลื่องชื่อด้านการออกแบบสวน
เทนริวจิได้รับเลือกเป็น 1 ใน 5 วัดเซนที่สำคัญที่สุดของเกียวโต และเป็นมรดกโลก World heritage site ของ UNESCO ด้วย
ในห้องแสดงธรรม (เปิดให้เข้าชมวัน เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดตามประเพณี โดยเสียเงินเพิ่มจากค่าเข้าวัดอีก 500 เยน) มีพระพุทธรูป พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และพระสมันตภัทรโพธิสัตว์
ส่วนภาพวาดเพดานมังกรในม่านเมฆ (雲龍図/ Unryū-zu) บนเพดานห้องแสดงธรรมที่เป็นทรงกลมกว้างกว่า 9 เมตร ก็เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของวัดที่ไม่ควรพลาด
เพดานค่อนข้างเตี้ย ประกอบกับภาพที่มีขนาดใหญ่ จึงให้ความรู้สึกน่ายำเกรง ภาพนี้เดิมวาดโดยซุซุกิ โชเนน (鈴木松年 / Suzuki Shōnen)
ต่อมาได้รับการซ่อมแซมในปี ค.ศ. 1997 โดยมาตาโซะ คายามะ (加山又造 / Matazo Kayama)
** มังกร เป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องศาสนาพุทธ รูปวาดมังกรบนเพดาน พบได้บ่อยในวัดใหญ่ๆของเซนนิกายย่อยรินไซ ((臨済宗 / Rinzai-shū = Rinzai school) และเซนนิกายย่อยโอบาคุ (黄檗宗 / Ōbaku-shū) ภาพมังกรบนเพดานที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่งคือที่วัดเมียวชิน-จิ (妙心寺/Myōshinji) ในเกียวโตเช่นกัน
*** UNESCO World Heritage Site ในจังหวัดเกียวโตมี 17 แห่ง
เวลาทำการ : 8:30 น. – 17:30 น. (21 ต.ค. – 20 มี.ค. ปิด 17:00 น.) ไม่มีวันหยุด
ค่าเข้าชม : สวน 500 เยน
ถ้าจะเข้าชมตัวอาคารห้องแสดงธรรมเพิ่มอีก 500 เยน และอาคารอื่นๆ 100 เยน
3. ป่าไผ่ (Chikurin)
ที่นี่น่าตื่นตามาก เพราะไผ่ที่ญี่ปุ่นเป็นไผ่แบบ running bamboo ไม่ใช่ไผ่กอ (cluster bamboo) แบบที่พบได้ทั่วไปในเมืองไทย โดยขึ้นเป็นต้นเดียวๆ สูงมากและใหญ่มาก กระจายทั่วบริเวณที่จัดทางเดินไว้เป็นอย่างดี ให้ได้สัมผัสกับทัศนียภาพในป่าไผ่ที่งดงาม
ทางเดินยาวประมาณ 200 เมตร อยู่ติดกับทางออกด้านเหนือของวัด Tenryu-ji รั้วที่กั้นทางเดินกับป่าไผ่ ก็ทำจากเศษกิ่งของไผ่ที่มัดรวมกันเป็นอย่างดีมีระเบียบ จนเกือบจะเรียกว่าเป็นงานศิลปะได้เลย
บริเวณร้านค้าใกล้ๆก็มีขายหน่อไม้ หากเป็นฤดูที่เก็บได้ โดยวิธีเก็บหน่อไม้ที่ดีของชาวเกียวโต คือต้องเอาไม้ไปเคาะๆดูที่พื้นดิน เมื่อได้ยินเสียงเปลี่ยนไปก็ขุดลงไปเก็บ
จะไม่รอให้ต้นโตขึ้นมาเหนือพื้นดินก่อน เพราะเชื่อว่า หน่อใต้ดินรสชาดดีกว่า หน่อไม้อ่อนเป็นวัตถุดิบอาหารที่มีชื่ออย่างหนึ่ง ของเกียวโต
4. บริเวณในป่าไผ่ จะมีศาลเจ้า Nonomiya
ในวรรณกรรม the Tale of Genji เล่าว่า Lady Rokujo ซึ่งเป็นท่านหญิงในตระกูลสูงศักดิ์ หลังจากที่ถอดจิตไปทำความชั่วร้าย(เพราะความอิจฉา)จนภรรยาของ Genji ต้องตายแล้ว
ก็รู้สึกสำนึก จึงตามมาอยู่ที่นี่กับบุตรสาว ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ไปเป็นนักบวชหญิง(Saigu) ที่ศาลเจ้า Ise
ซึ่งในสมัยก่อนหากได้รับการแต่งตั้งแล้วก็จะต้องมาอยู่ที่ศาลเจ้า Nonomiya เป็นเวลา 1 ปี เพื่อทำให้บริสุทธิ์ก่อนจะไปยังศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ Ise
ศาลเจ้าสำคัญสูงสุดของญี่ปุ่น อยู่ในเมือง Ise ไกลออกไปจากเกียวโตประมาณ 2-3 ชั่วโมงโดยรถไฟ
Genji เป็นเจ้าชายหนุ่มผู้มีคนรักมากมาย (รวมทั้ง Lady Rokujo เองด้วย) แอบลักลอบมาพบกับ Lady Rokujo ที่ศาลเจ้า Nonomiya โดยยื่นกิ่งต้น Sakaki ให้ผ่านช่องรั้ว แล้วบอกกับเธอว่า “ ’With heart unchanging as this evergreen, This sacred tree, I enter the sacred gate”
ศาลเจ้านี้มีชื่อเสียงเรื่องช่วยให้สมหวังในความรักและการแต่งงาน และ มี Shirafuku Inari เทพเจ้าที่เชื่อว่าจะช่วยให้คลอดบุตรให้ปลอดภัย
บริเวณวัดมี Okame-ishi (หินเต่า) ซึ่งเชื่อกันว่าหากมาเคาะหินขอพร จะทำให้สมหวังได้ภายใน 1 ปี
จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือ Torii ที่มีเอกลักษณ์ คือใช้ต้นไม้โอ๊คโดยที่ไม่ลอกเปลือกไม้ออก มาทำเป็น Torii เรียกว่า ซึ่ง Torii ลักษณะนี้เรียกว่า Kuroki Torii ถือเป็นแบบที่เก่าแก่ที่สุด สวนมอสภายในบริเวณศาลเจ้า แม้จะเล็ก แต่ก็งดงาม
เวลาทำการ : 9:00 น. – 17:00 น. ไม่มีวันหยุด
ค่าเข้าชม : ฟรี
the4moose.blogspot.com/2010/07/exploring-arashiyama-and-sagano.html
** พิธีส่งเจ้าหญิงไปที่ศาลเจ้า Ise นี้ เป็นพิธีที่มักถูกนึกถึงในด้านที่เศร้าโศก เพราะเจ้าหญิงจะต้องจากครอบครัวไป และไม่ได้เจอกันอีกเลย ตามธรรมเนียม ผู้เป็นบิดาจะมอบหวีให้เป็นความหมายของการจากลา หลังจากนั้นจะมีขบวนแห่ไปยัง Ise ใช้เวลากว่า 5 วัน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 พิธีนี้ได้ถูกยกเลิกไป แต่ก็มีงานเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึง โดยจะมีขบวนแห่จากศาลเจ้าไปยังสะพาน Togetsukyo
** Sakaki เป็นพืชที่ทางชินโตมักปลูกไว้ในบริเวณ และนำมาใช้ในพิธีกรรม ดังนั้นมจึงถือว่าเป็นรต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
** Saigu เป็นชื่อเรียกเฉพาะกับใช้เจ้าหญิงในสมัยก่อนที่ต้องไปเป็นนักบวชที่ศาลเจ้า Ise
5. Okochi Sansou (Okochi Mountain Villa)
ไม่ไกลจากศาลเจ้า Nonomiya มีบ้านและสวนที่เคยเป็นที่พำนักของดาราหนังเงียบ(หนังสมัยก่อนที่ไม่มีเสียงเน้นการแสดงท่าทาง)สมัยโชวะ (ยุคโชวะ ค.ศ. 1926-1989)
ที่นี่เปิดที่พักให้เข้าชมได้ เริ่มต้นโดย Okochi Denjiro ใช้เวลากว่า 30 ปีในการสร้างสถานที่แห่งนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เขาอายุ 34 ปี จนเสียชีวิตลงในอีก 30 ปีต่อมา
บริเวณกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่กว่า 5 เอเคอร์ ตั้งอยู่ทางเชิงเขาด้านใต้ของภูเขา Ogura (ภูเขานี้ได้รับการกล่าวถึงความงามไว้ในบทกลอนตั้งแต่สมัยเฮอัน)
มีสวนแบบเดินชม ที่จัดแต่งให้ชมได้ตลอดทุกฤดูกาล มีทั้งต้นสน ซากุระ เมเปิล และพรรณไม้อื่นๆ และมีบริเวณสำหรับพิธีชงชา
เมื่อมองจาก Daijoukaku ออกไปเห็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ Hieizan และหากขึ้นไปที่ห้องทำพิธีชงชา Tekisuian จะมองเห็นสายน้ำที่ใสสะอาดของ Hozugawa ที่อยู่เบื้องล่าง บริเวณบ้านพักเชิงเขามีพิพิธภัณฑ์ของ Okochi Denjiro ด้วย
posterlounge.co.uk/okochi-sanso-villa-and-garden-pr79741.html
6. Hannari Hokkori Square
อยู่บริเวณทางเข้าของสถานีรถ Keifuku Railway Arashiyama เป็นบริเวณที่มีร้านค้าขายทั้งของกินและของฝาก เป็นจุดพักของคนที่มาเดินเที่ยวแถบนี้ ตกแต่งเป็นสไตล์สบายๆ เหมือนเดินอยู่ในป่าไผ่
ด้านหน้าบริเวณทางเข้าจะมีสะพานเล็กๆ 2 สะพานขนานกัน ว่ากันว่าหากคู่ชายหญิง ได้ข้ามสะพานไปพร้อมๆกัน โดยให้ผู้ชายข้ามสะพานด้านซ้าย และผู้หญิงข้ามสะพานด้านขวา (เหมือนกับตำแหน่งของจักรพรรดิและจักรพรรดินีในการจัดตุ๊กตา Kyoto Hina-Ningyo Dolls) เชื่อว่าทั้งคู่จะได้แต่งงานกัน
บริเวณด้านในสถานียังมี Foot onsen (Ashi onsen) ด้วย หากไม่ได้เดินทางด้วยรถของ Keifuku railway แต่อยากเข้าไปแช่เท้า ก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่สถานีได้ว่าต้องการเข้าไป Ashi onsen มีค่าใช้จ่าย 150 yen (รวมค่าผ้าขนหนูเช็ดเท้า) ซื้อตั๋วได้ที่ด้านซ้ายของทางเข้าสถาน
ข้อมูลดีๆจากสมาชิกเวปพันทิป คุณ blueschizont
ภาพจาก หนังสือ Kyoto 29 Walks in Japan’s Ancient Capital ของสำนักพิมพ์ TUTTLE โดยคุณSkyBox
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ