โตเกียว1

โตเกียว1

25 มีนาคม 2556 วันแรกของการเดินทาง

ออกเดินทาง สุวรรณภูมิ – ต่อเครื่องที่ ปักกิ่ง – ลงที่ ฮาเนดะ

ขอบ่นก่อนรีวิวนะ เรื่องวีซ่า ก่อนที่จะเตรียมตัวเที่ยวญี่ปุ่น ก็เตรียมตัว เตรียมใจเรื่องวีซ่าไว้

เพราะไม่ได้ทำงานประจำ ดังนั้นต้องเตรียมเอกสารเยอะ  และอาจมีสิทธิไม่ผ่านวีซ่า

ลุ้นกันแทบแย่  พอกลับจากทริปนี้ไม่กี่วัน ทางการประกาศยกเลิกวีซ่าญี่ปุ่นซะนี่  เจ็บใจชะมัด



พวกเราเริ่มออกจากบ้านตอน 14.45 น.  ตั้งใจให้ไปถึงสุวรรณภูมิตอน 17.00น.

ด้วยนโยบายของการเที่ยวทุกครั้งคือ “เที่ยวให้คุ้ม ประหยัด แต่ไม่งก”

ต้องใช้ต้นทุนที่ต่ำเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องไม่ลำบาก หรือเขียมเกินไป


นั่งรถเมล์ออกจากบ้านแบบชิลๆ เพื่อไปอนุสาวรีย์  คิดว่าเวลาเหลือถมเถ

แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงเย็น ซึ่งรถค่อนข้างติด  นึกว่าจะไปสายกว่ากำหนดซะแล้ว

พอไปถึงอนุสาวรีย์ ก็ต่อรถไฟฟ้า BTS ไปลงพญาไท และนั่ง Airport link ไปสุวรรภูมิ


สรุปว่า มาถึงสุวรรณภูมิ ตอน16.40 น.  เข้าเช็คอินที่เคาร์เตอร์ Air China

แล้วผ่านตม. เข้ามานั่งรอขึ้นเครื่องตามระเบียบ ตอน 17.30 น.


ที่น่าสงสารคือ สามีเราเป็นประเภท  ลายนิ้วมือไม่ชัด  มักมีปัญหาเวลาผ่านตม.อยู่เรื่อย

ไม่เคยแสกนลายนิ้วมือผ่านเลย  แม้กระทั่งไปทำบัตรประชาชน จนท.ยังเอาครีม หรืออะไรไม่รู้มาทาตั้งนาน

สุดท้ายก็แสกนไม่ได้อยู่ดี  ทั้งที่เขตตอนไปทำบัตรประชาชน

และตอนผ่านตม.ที่ไทย   ทั้งขาไป และขากลับ ก็แสกนไม่ผ่าน


พวกเราจึงเกิดอยากรู้ขึ้นมาว่า  ถ้าผ่านตม.ของต่างประเทศแล้ว จะแสกนผ่านหรือป่าว

เพราะเคยไปฮ่องกง กับสิงคโปร์ เขาไม่มีให้แสกนลายนิ้วมือ

มาญี่ปุ่นเลยอยากรู้ว่า ไอ้ที่แสกนลายนิ้วมือไม่ผ่าน

เป็นเพราะนิ้วเราไม่ดี หรือเครื่องไม่ดีกันแน่


เที่ยวโตเกียว-1

เนื่องจากทริปนี้ พวกเราตั้งโจทย์คือ ความประหยัดเต็มที่   เราจึงเลือกสายการบินที่ถูกที่สุด

จึงต้องไปต่อเครื่องที่ปักกิ่ง  และนี่คือ การเริ่มต้นของการผจญภัย ที่ไม่ใช่การท่องเที่ยวพักผ่อน

แต่เป็นการมาผจญภัย (โดยเฉพาะภัยหนาว)


เที่ยวโตเกียว-2

พอเรามาถึงสนามบินปักกิ่ง  ด้วยชุดที่ใส่ออกจากบ้านที่เมืองไทย  คือเสื้อเชิ้ตแขนสั้น

และเสื้อยีนส์บางๆคลุม1ตัว   ส่วนสามี เสื้อยืดธรรมดา


เที่ยวโตเกียว-3

พอสจ๊วตประกาศว่าอีกไม่นาน  จะถึงสนามบินปักกิ่งแล้ว

พวกอาเจ๊ อาซิ่มรอบๆ  ซึ่งมีอยู่ประมาณ 80% ของลำ

ก็ลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียง   เปิดตู้ชั้นใส่ของ หยิบเสื้อกันหนาวแบบแหนมบุนวม

ที่เป็นชั้นๆ หนาๆ เหมือนข้าวต้มมัด  ออกมาใส่กันเป็นแถว  ผูกผ้าพันคอ

เหมือนกำลังจะแปลงร่าง  เตรียมออกรบ  เราก็คิดในใจว่า

ไม่เห็นหนาวตรงไหนเล้ย  สามีเราใส่เสื้อยืดตัวเดียวยังรู้สึกเย็นๆ สบายดีออก


พอเครื่องบินแตะรันเวย์  เตรียมจอด  ก็ยังไม่เห็นรู้สึกหนาวตรงไหน

แต่ก็มีคนแอบชำเลืองนิดหน่อย  พอเดินออกไปทางงวงช้าง

ก็รู้สึกเหมือนแค่เปิดแอร์เย็นๆ  ก็ยังถามสามีว่า “หนาวมั้ย”

สามีตอบว่า “ก็เย็นดีนะ”


พอเดินไปได้ไม่ถึง 5 นาที  ยังไม่ทันถึง ตม. เสียด้วยซ้ำ

ก็เริ่มปลดกระเป๋าเป้ที่สะพายไหล่ แล้วควักอาวุธที่คิดว่า

จะไม่ต้องใช้เร็วขนาดนี้ออกมา  เพราะไม่ไหวแล้ว

มันเย็นบาดขั้วหัวใจมากกกก


เป้ที่ซื้อมาใหม่แบบใหญ่พิเศษ  เตรียมพร้อมสำหรับใส่เสื้อกันหนาวโดยเฉพาะ

พวกเรารีบปลีกตัว ออกนอนเส้นทางเดิน  มาหลบมุมเพื่อใส่เสื้อกันหนาว

แต่ก็เห็นคนไทย กับฝรั่งผมทอง ใส่เสื้อยืดเดินเหมือนกัน

สงสัยความรู้สึกช้าเหมือนกัน


ก่อนมาถึงปักกิ่ง คิดว่าทางสนามบิน  จะมีเปิดฮีตเตอร์ เพราะในสนามบิน มันก็ควรจะทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบาย

แต่มาสัมผัสความเย็นที่รู้สึกเป็นครั้งแรกที่ปักกิ่ง มันหนาวเข้ากระดูก ตัวสั่น

จับมือกันยังไม่ได้ เพราะมันจะช็อตกันทุกที

(คือเวลาอากาศมันหนาว หรืออากาศแห้ง พอเราเอานิ้วไปโดนคนอื่น หรือไปจับอะไรที่เป็นโลหะ มันจะสป๊าคไฟ  รู้สึกเหมือนไฟดูดทุกที)

หนาวจนฟันกระทบกันดังกึกๆ


ที่สนามบินไม่ได้บอกว่ากี่องศา  แต่พอเช็คในเน็ทมันขึ้น ต่ำสุด 4 องศา สูงสุด 14องศา

แต่ตอนที่เราไปถึงปักกิ่งมันตอน 00.55 น. มันก็น่าจะเป็นอุณหภูมิที่ต่ำสุด คือ 4องศาสินะ

ตอนนี้เหมือนต้องใส่ชุดเกราะโบราณ ไปกันกระสุนกันเลย


พวกเราต้องรอต่อเครื่องอีกที ตอน 8.35 น. ในตอนเช้า

ระหว่างนี้ก็เดินผ่านตม.  ช่อง International Tranfer

โดยมีการตรวจพาสปอร์ตเฉยๆ  ไม่ต้องเขียนใบอะไรเพิ่ม

แต่ต่อคิวนานมากๆ ไม่รู้อาหมวยเขาทำอะไร  กว่าจะผ่านไปแต่ละคนนานมากๆ

เหมือนเสียตัวให้สาวหล่อ…ตอนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ปักกิ่ง


พอผ่านตม.มาได้ ก็ต้องสแกนกระเป๋า เดินผ่านประตูตรวจกระเป๋าอีกรอบ

แต่ก็เห็นสัญญาณมันร้อนทุกคนเลยนะ

พอสัญญาณแดงเตือนขึ้น ตม.อาหมวย ก็เข้ามาลูบๆ คลำๆ ทั้งตัวเลย

คือไม่ได้รำคาญ หรือกลัวเสียเวลาอะไรหรอก เพราะไม่ได้รีบไปไหน

แต่มันสยิวกิ้ว จั๊กกะจี๋มาก


เพราะเธอเล่นลูบตั้งแต่คอ แขน จั๊กกะแร้ หน้าอก เอว ผ่านจุดสำคัญอันนั้น

หว่างขา ซอกหลืบ เลยไปถึงข้อเท้า แล้วย้อนกลับมาด้านบนอีก

ลูบไปลูบมาหลายรอบ มองหน้า แล้วก็ปัดมือให้ไป

โอย…ไม่รู้คิดอะไรกับเราป่ะเนี่ยะ ก็เธอน่ะ…สาวหล่อแท้ๆเลยล่ะ


หลังจากผ่านการเสียบริสุทธิ์ ให้สาวหล่อไป  ก็มาใช้ชีวิตอันยาวนาน  ในสนามบินอันโหดร้าย

ที่จะจดจำไปชั่วชีวิตว่า วันหลังเอาเสื้อกันหนาว และเครื่องปกป้องมาให้ครบสูท

จากนั้นเราก็เข้าห้องน้ำห้องท่า  แปรงฟันเตรียมเข้านอน  ที่เหมือนนอนในตู้เย็น


เที่ยวโตเกียว-4

หลังจากตรวจสอบพื้นที่ ทั้งสนามบินเรียบร้อย  หาที่ตั้งฐานของเราแล้ว

เวลาก็ล่วงเลยมาถึงประมาณ 02.00 น.  เหลือเวลาอีกประมาณ 5-6 ชม.

ซึ่งทรมานจนฝังใจเลย  แล้วไปรอขึ้นเครื่องตาม Gate

(ตั๋วถูกปริ้นท์ออกมา ตั้งแต่ที่สุวรรณภูมิแล้ว ไม่ต้องไปเช็คอินที่ปักกิ่งอีก)

แต่ Gate ไม่ได้ระบุไว้ในตั๋ว  เราก็แค่ไปดูที่บอร์ดในสนามบินว่า เครื่องไฟลท์นี้ ต้องไปขึ้น Gate ไหน


ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ตอน 8.35 น.  คิดว่าเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดในทริปนี้แล้ว

เพราะมันหนาวจนไม่มีวันลืมเลย  หนาวแทบเจียนตาย  อยากให้เวลามันผ่านไปเร็วๆ

อยากนอนให้หลับ แล้วตื่นมา ก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องเลย   แต่ก็นอนไม่หลับ

ทั้งๆที่ง่วงแสนง่วง  เตรียมหนังสือมาอ่าน  เตรียมเกมส์มาเล่น


แต่ตอนนั้นไม่มีกระจิกกระใจมาอ่าน หรือเล่นเลย  โกรธ และ เคืองสนามบินมาก

ที่ไม่เปิดฮีตเตอร์  หรือไม่พยายามสร้างความอบอุ่นให้ผู้โดยสารเลย

แต่ก็เห็นคนอื่นๆเขาก็เดินกันปกติ  ไม่ได้แสดงอาการหนาว   หรือตัวสั่นอะไรเลย

อย่างแม่บ้านทำความสะอาด  ก็เห็นใส่เสื้อแขนยาวไม่เห็นบุนวม เดินกันหน้าตาเฉย


และแล้ว  เวลาก็ผ่านไป เหมือนมรสุมชีวิตที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป

แค่รอเวลา ทำจิตใจให้เข้มแข็ง ได้เวลาขึ้นเครื่อง  บินสู่สนามบินฮาเนดะ  กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเสียที

ถึงสนามบินฮาเนตะ เวลา 12.55 น.


ที่สนามบินปักกิ่ง  ไม่มีเครื่องให้ต้องแสกนลายนิ้วมือ

จึงไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเราสงสัยมานานมันเป็นยังไง

แต่พอมาถึงที่ฮาเนดะ  เขามีให้แสกนลายนิ้วมือ ตอนผ่าน ตม.

ในที่สุด ประเทศที่เรามั่นใจว่า ล้ำหน้าด้านเทคโนโลยีที่สุดที่หนึ่ง 

ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง


คือสามีเราสามารถแสกนลายนิ้วมือผ่านได้อย่างฉลุย   เทคเดียวผ่าน

ไม่เหมือนที่ไทย  ทั้งทาครีม ทั้งนวด  ทั้งลองหลายรอบก็ยังไม่ผ่าน

ต้องไปเข้าแถวยาวเหยียด  ให้จนท.ตรวจแบบ manual อยู่ดี

ญี่ปุ่นสุดยอดมาก ประทับใจตั้งแต่แรกพบเลย


รวมรีวิวเที่ยวโตเกียวทุกตอน

 

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


One thought on “โตเกียว1”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.