โตเกียว9
30 มีนาคม 2556 วันที่หกของการเดินทาง
ueno zoo
วันนี้มีโปรแกรมที่ไม่เร่งรีบจนเกินไป และเป็นโปรแกรมที่เพิ่งคิดเมื่อวาน
เหตุเนื่องจากเมื่อวาน ไป ueno park แล้วเดินผ่านสวนสัตว์อุเอโนะ เลยเห็นว่าน่าสนใจ
จริงๆก่อนมา จะตัดที่สวนสัตว์นี้ออกจากโปรแกรมเที่ยว
เพราะคิดว่าคงเหมือนกับ สวนสัตว์เขาดินบ้านเรา
แต่พอเมื่อวานเดินผ่านแล้ว เกิดอยากดูหมีแพนด้า แล้วค่าเข้าก็ไม่แพง
คนละ 600 เยนเอง กะว่าจะรีบเดินๆผ่านๆ แล้วก็ไปต่อที่อื่น
แต่เหนือความคาดหมาย รั้งพวกเราไว้ได้นานกว่าที่คิดเยอะเลย
เริ่มต้นในตอนเช้าเราเลือกกินที่ Yoshinoya ข้างโรงแรม เป็นรอบที่3
คราวนี้สั่งข้าวหน้าไก่เทอริยากิ คนละ 390 เยน ถูก(ของที่นั่น) และอร่อยมากๆ
แต่ที่นี่เขาไม่ให้ช้อนส้อมอ่ะ ให้แต่ตะเกียบ
มาครั้งแรกๆ ก็เห็นคนอื่นๆ ใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวเข้าปาก ไอ้เราถึงจะเป็นลูกคนจีน
แต่ก็ไม่เคยกินแบบนั้น ก็ต้องพยายามคีบข้าว ด้วยความมีมารยาท
แต่ยังดีที่ข้าวของญี่ปุ่นมันเหนียว พอจะคีบติดๆกันได้
แต่พอกินหลายครั้ง ก็เริ่มไม่รักษามารยาทแล้ว
ยกชามพุ้ยข้าวเข้าปากเหมือนกัน สามารถเก็บได้ทุกเม็ด (เอาให้คุ้ม)
เรารีบกิน และรีบออกเดินทาง ไปอุเอโนะ ด้วยความช่ำชอง ที่ไปมาเมื่อวานแล้ว
ไปถึง Ueno Zoo ตอน 9 โมงเช้า แต่ยังไม่เปิด เพราะเห็นมีคนต่อแถวกันเพียบ
ชำเลืองดูป้ายแล้ว เขาเปิด 9.30 น. แสดงว่าไอ้ที่มาต่อแถวกันเยอะๆนี่
ต้องมากันตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง หรือป่าวเนี่ยะ เขาไม่ได้จำกัดจำนวนคนเข้าซะหน่อย
ทำไมต้องรีบมาต่อแถวกันด้วย ไปเดินเล่นก่อน แล้ว 9โมงครึ่ง ก็ค่อยมาเข้าก็ได้นี่
คนญี่ปุ่นนี่ยังไง ต่อคิวเป็นเรื่องปกติไปเลย
แต่ไอ้ที่เราต่อแถวนี่ ไม่รู้ว่าจะเปิดเมื่อไหร่ เห็นคนเยอะมากๆ ก็ไปต่อด้วย
ยืนไปได้สักพัก หันมาข้างหลังอีกที มีคนต่อคิวกันเพิ่มอีกเพียบเลย
พอได้เวลาสวนสัตว์เปิด ไอ้ที่ต่อคิวนี่คือ ต่อคิวซื้อบัตรจากเครื่องขายบัตรอัตโนมัตินะ
เราก็ชะเง้อคอมองคนข้างหน้า ว่าซื้อกันยังไง พอถึงคิวก็ลองกด
แต่เป็นภาษาญี่ปุ่น จิ้มไปจิ้มมาไม่ได้ซักที
ก็ต้องขอร้องให้คนข้างหลังช่วย เพราะเกรงใจ กลัวช้า
พอได้ตั๋วแล้ว เดินผ่านทางเข้า มีพนักงานแจกซองใส่เอกสาร
ขนาดประมาณพาสปอร์ต เป็นรูปหมีแพนด้าด้วย น่ารักมากๆ
แต่วันนี้อากาศอึมครึม ไม่มีฝน แต่เมฆหนา ไม่ให้แดดลอดเข้ามาเลย
อากาศจึงหนาวกว่าทุกวัน แต่ไม่มีฝนก็บุญโขแล้ว
ผ่านประตูทางเข้ามาได้ไม่กี่เมตรเท่านั้น ก็มีแพนด้ารอต้อนรับเชียว
เรียกว่า เอาไครแมกซ์ มาเรียกร้องความสนใจกันเลยทีเดียว
ทีแรกก็คิดเช่นนั้น เพราะเราอยากเข้ามาดูแพนด้า มาถึงก็เจอแพนด้าเลย
งั้นก็ออกเลยมั้ย ไม่ต้องเดินไกลให้เหนื่อย แต่ถ้าทำแบบนั้น
บอกได้เลยว่าจะเสียใจ ที่ไม่ได้เข้าไปข้างใน
แพนด้าของเขานี่ ขนไม่ขาวเหมือนที่ไทยเลยนะ
ที่อุเอโนะนี่ ดูเป็นแพนด้าที่ธรรมชาติสุดๆ ก้นก็เขรอะ ตัวก็สกปรก
แต่ถือว่าเป็นสัตวทูต ที่ประเทศจีน มอบให้ญี่ปุ่น
เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับไทย
เพราะ Giant Panda ถือว่าเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ มีแค่ไม่กี่ร้อยตัวในจีนเท่านั้น
เพราะสืบพันธุ์ยาก คิดดูว่าใน 1ปี จะมีแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น
ที่ตัวผู้จะมีโอกาสได้แอ้มตัวเมีย หลังจากนั้น ก็หมดฤดูผสมพันธุ์ซะแล้ว
ส่วน 2ตัว ที่ญี่ปุ่นนี้ มีชื่อว่า ลี่ลี่ กับ ชินชิน ไม่รู้ว่ามีลูกหรือยัง เพราะเห็นแค่ 2 ตัว
เดินต่อมาไม่กี่ก้าว ก็พบกับศาลาที่รูปทรงคุ้นๆ ก็เอะใจ
ปรากฏว่าเป็นศาลาไทย ที่รัฐบาลไทยมอบให้ญี่ปุ่น
เนื่องในโอกาสที่ผูกสัมพันธไมตรีกันมายาวนานแล้ว ถึง 120 ปี
ระหว่างไทยและญี่ปุ่น
เดินมาอีกไม่เท่าไหร่ ก็มาถึงสัตว์ตัวที่เราคิดว่า ชอบมากพอๆกับแพนด้าเลย
ก็คือ Hedwig อ้าว…ไม่ใช่เหรอ เราเรียกไอ้ตัวนี้ว่าเฮ็ดวิกตลอดเลย
จริงๆมันคือนกฮูกหิมะ เหมือนกับเจ้าเฮ็ดวิกของ แฮรี่ พอตเตอร์ เลย
มันน่ารักมากๆ เวลามันหันคอแบบ 180 องศา โดยที่ตัวไม่หันตาม
แบบที่ตัวมันอยู่เฉยๆ หันแต่หัว
บางกรงก็มีนกแก้ว ตัวเล็กๆ จะเกาะกิ่งไม้กันเป็นคู่ๆ
อีกตัวก็ไซร้คออีกตัว เหมือนกำลังจู๋จี๋กัน เด็กๆ และผู้ใหญ่ข้างๆ
ก็จะร้อง ว้าววว…คาวาอี้ ว้าววว…สุโค่ยเนะ กันตลอด
พอฟังจนจำสำเนียงได้แล้ว ก็เริ่มกระแดะเอามั่ง เดินไปเจอตัวอะไรน่ารักๆ
ก็ร้อง ว้าววว…คาวาอี้ คนข้างๆหันควับมา เราคิดในใจ มีอะไรหรอ
ผิดตรงไหน ก็เห็นคนอื่นร้องกันแบบนี้นี่ สำเนียงไม่ได้หรอ
การมาที่สวนสัตว์อุเอโนะนี้ ถือว่าคุ้มมาก เหมือนกลายเป็นเด็กไปเลย
แถมยังได้ความรู้ใหม่ๆอีก ตอนเด็กๆเราไม่เคยไปไหนเท่าไหร่
แม้แต่สวนสัตว์ ก็ยังจำไม่ได้ว่าเคยหรือป่าว.
พอเห็นเด็กๆตื่นเต้น ส่งเสียง คาวาอี้ๆ ยิ้มร่าเริง ก็รู้สึกดีไปด้วย
แต่มีข้อสังเกตุอยู่นิดหน่อย ที่เด็กๆเกือบทุกคน (อยากจะเรียกว่าทุกคนเลยก็ว่าได้)
ถือ nintendo 3DS เข้ามา พอๆกับวัยรุ่น ที่พกหมีเท็ดดี้ เข้ามาในดิสนี่ย์นั่นแหละ
เขาไม่ได้เอามาเล่นเกมส์หรอกนะ แต่เขาเอามาถ่ายรูป
เครื่อง nintendo 3DS นี้มันเป็นเครื่องเล่นเกมส์ สำหรับเด็กๆ
จริงๆผู้ใหญ่อย่างเราก็ชอบนะ มีเกมส์ที่ให้ความรู้ก็มีเยอะ
และที่สำคัญ มันถ่ายรูป แล้วใส่เอ๊ฟเฟคลงไปได้เลย
คล้ายๆแอพพลิเคชั่นในมือถือแหละ ก็เลยคิดเอาเองว่า
ประเทศนี้ทุนนิยมเอามากๆเลยนะ คือนายทุนยิ้ม
มาเจอสัตว์ที่น่ารักอีกตัว ที่ไม่เคยชอบเลย แต่ก็มาชอบได้ที่นี่
คือ กอริล่า มันดูไม่ได้น่ากลัวเลยนะ แต่ดูน่าสงสารมากกว่า
เพราะมันเอาแต่นั่งกอดอก ลูบแขน ทำท่าเหมือนคนตอนหนาวๆเลย
แล้วหน้าตามันก็ดูหงอยๆ น่าสงสารอ่ะ
เจออีกชนิดแล้วที่เคยดูในสารคดี แล้วก็ชอบคือ สิงโตทะเล พันธุ์แคลิฟอเนีย
มันน่ารักจริงๆ มันจะรู้มั้ยนะ ว่ามีคนรุมมองมันอยู่
สัตว์อีกชนิด ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ เช่นเดียวกันคือ หมีขั้วโลก
ตัวใหญ่กว่าคนเยอะเลย แต่ดูมันผอมกว่าที่คิดนะ
หรือว่ามันไม่ได้หนาวเหมือนขั้วโลก เลยไม่ต้องสะสมไขมันก็ไม่รู้นะ
มีอยู่โซนนึง เป็น แกะ แพะ ไก่ หมู อยู่ด้วยกัน มีที่โกยขยะ
มีไม้กวาด ให้เด็กๆกวาดขี้แพะ ที่มันคิดจะถ่ายตรงไหนก็ถ่ายออกมา
แบบว่ายืนๆอยู่ ก็พลุดออกมา ไม่มีเบ่ง มีโค้งตัวไรเลย เขาเรียกว่าหน้าตาเฉยนะยะ
พอมันถ่ายออกมา เด็กๆก็จะรีบวิ่งเข้าไปกวาดอุนจิ น่ารักทีเดียว (เด็กนะ ไม่ใช่ขี้)
มีแปรงคล้ายแปรงขัดส้วมเลย แขวนไว้ให้เด็กๆเอามาแปรงขนแพะ ดูแล้วน่าสนุกจริงๆ
ส่วนแกะนี่ ดูยังไง ก็อยู่นอกเหนือจากจินตนาการจริงๆ
เพราะในสมองเรา แกะก็ต้องมีขนขาวสะอาด นุ่มฟู น่ากอด
แต่พวกนี้นี่ ทั้งเขรอะ ทั้งเหม็น ขนก็แข็ง คงเป็นธรรมชาติของมัน
ดูแล้วเหมือนพรมเช็ดเท้าที่ไม่ได้ซักมาหลายปี
แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะเหม็นขี้เอามากๆเลย
เราใช้เวลาดื่มด่ำกับที่นี่ อยู่นานกว่าที่คิด เพราะมีสัตว์ที่น่าสนใจหลากหลาย
เยอะกว่าเขาดินหลายเท่า ถือว่าคุ้มค่าเงินมากๆ
จะเรียกว่าถูกมากก็ได้สำหรับคนญี่ปุ่น จะไม่เรียกว่าถูกได้หรอ 600 เยน
ตีเป็นเงินไทยยังไม่ถึง 200 บาทเลย
มีทั้งแพนด้ายักษ์ หมีขั้วโลก นกเพนกวิน กอลิล่า สิงโตทะเล อัลปาก้า
สัตว์แปลกๆทั้งนั้น แบบนี้ 1000 เยนยังคุ้มเลย
ในสวนสัตว์อุเอโนะ ก็มีต้นซะกุระเยอะเหมือนกันนะ
ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติค อย่างกับมาออกเดทกับหนุ่มเลย (จริงๆอย่างกับมาออกรบมากกว่า)
ถ้าใครมาโตเกียว แล้วคิดจะข้ามโปรแกรมเที่ยว สวนสัตว์อุเอโนะ แล้วละก็ ก็บอกเลยว่าน่าเสียดายมากๆ
เห็นเขาว่าเวลาวัยรุ่นญี่ปุ่นเขาออกเดทกัน มีที่นิยมเที่ยวกันอยู่ 2อย่าง
คือสวนสนุก กับสวนสัตว์ ใครแอบปิ๊งกันอยู่ มาสวนสัตว์อุเอโนะ
รับรอง กลับไปได้เป็นคู่รักกันแน่ๆ บรรยากาศมันพาไป
เวลาประมาณบ่ายกว่าๆ ท้องเริ่มหิวแล้ว จึงออกจากสวนสัตว์
ไปกินข้าวหน้าปลาดิบ ที่ตลาดอะเมโยะโกะ ง่ายๆ ก็แค่ชี้เมนู ที่เขาโชว์ราคา
และรูป แล้วก็ This one and This one please.
พูดถึงเรื่องนี้ ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึง เรื่องการสั่งอาหาร
จริงอยู่ที่เราพูดภาษาเขาไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าเราเป็นใบ้พูดไม่ได้
เวลาสั่งอาหาร หรือซื้อของ เราชี้เมนูก็จริง
แต่ถ้าไม่รู้จะพูดยังไง เราก็พูดเป็นภาษาไทยไปเลย
ถึงรู้ว่าเขาฟังเราไม่ออกหรอก แต่ด้วยท่าทางเขาก็เข้าใจ
แต่ถ้าเราชี้อย่างเดียว ไม่พูดไม่จา เหมือนเป็นใบ้ มันจะดูไม่สุภาพเท่าไหร่
หรือแค่จะใส่คำว่า Please เข้าไป ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ฉีกยิ้มซักหน่อย
เหตุที่นำเสนอเรื่องนี้เพราะ ตอนนั่งกินข้าวหน้าปลาดิบนี้อยู่
ก็เห็นคนเข้ามาสั่ง แต่แค่ชี้รูปไม่ได้พูดอะไร ไม่ยิ้ม ไม่พูด
ในมุมมองเฉพาะของเรานะ มันดูทื่อๆไปหน่อย (แต่ก็ไม่ผิดนะ แล้วแต่ชอบ)
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ