เที่ยวโตเกียวครั้งแรก

เที่ยวโตเกียว-202

เที่ยวโตเกียว 25 มี.ค. – 5 เม.ย. 2013 (12 วัน 11 คืน)

เที่ยวด้วยตัวเองครั้งที่สอง ได้ไปซักทีหลังจากเตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมเงินอยู่ตั้งนาน


กลัวที่สุดคือ

ตม.กักตัว ส่งกลับประเทศ (ตอนนั้นยังต้องขอวีซ่าอยู่)


เหตุการณ์ที่ทำให้จำฝังใจที่สุด

หนาวเจียนตายที่สนามบินปักกิ่งช่วงเปลี่ยนเครื่อง 6 ชม. (ปลายมีนาคม) นึกว่าแค่ 10 องศา แต่มันต่ำสุด-2 แถมภายในยังหนาวมากๆเหมือนไม่มีฮีตเตอร์ด้วย เสื้อผ้าก็อยู่ในกระเป๋าที่โหลดหมดแล้ว เหลือแค่เสื้อกันหนาวตัวเดียว


รู้สึกสตั๊นที่สุดตอน

เห็นคนเดินในสถานีรถไฟใต้ดิน เดินอย่างกับหุ่นยนต์ แต่งตัวเหมือนๆกัน ชุดดำๆ ถือกระเป๋า เดินเร็วๆ หน้าตรงๆ อย่าหยุดนะ โดนชนทันที อย่างกับรังมดถูกน้ำท่วม


วิงเวียนมากตอน

หาทางขึ้นรถไฟในโตเกียว กว่าจะลากเส้น ดูสี สงสัยวันหลังต้องเอาแว่นขยายไป บนดินก็ว่าเยอะแล้ว ใต้ดินเยอะกว่าอีก อย่างกับใยแมงมุม ก่อนไปใช้เวลาดูแผนที่รถไฟอยู่เป็นเดือน

รถไฟมันก็มีหลายคัน เขียนปลายทางก็ไม่ตรงกับในแผนที่ ขึ้นผิดฝั่งบ้าง กว่าจะจับหลักได้ก็หลายวัน

อีกเรื่องที่วิงเวียนมากคือการดูแผนที่ พวกเราไม่อยากเช่าพอกเก็ตไวไฟ ก็ใช้วิธีโบราณ ปริ๊นท์แผนที่ไป มือถือก็ยังไม่ทันสมัย เปิด GPS อะไรก็ยังไม่มี ทำไม่เป็น ผลก็คือ “หลง”


รู้สึกหน้าแตกที่สุด

กินซูชิปั้นสด แล้วข้าวร่วงแตก คนปั้นสอนวิธีกิน คนข้างๆมอง คุยกันขำกัน โตเกียว7


 

ภูมิใจที่สุด

ได้ของถูก อาหารในซุปเปอร์ลดครึ่งราคา  ก็มันอร่อยทุกอย่างเสียอย่างเดียวมันแพงทุกอย่าง พอได้ของถูกทำไมจะไม่ภูมิใจล่ะ


สนุกที่สุดตอน

วันอิสระ ไม่ได้มีแผนเด่นๆที่ไหน ไปเรื่อยๆ อยู่นานแค่ไหนก็ได้ เดินดูบ้านเมือง นอกเมือง


ตื่นเต้นที่สุด

นึกถึงคนดูการ์ตูน ดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นมาตลอด เคยเห็นภาพ วัฒนธรรม พฤติกรรม ภาษางุงิมุมิน่ารัก พอมาเห็นของจริงก็เลยรู้สึกตื่นเต้น เหมือนเข้ามาอยู่ในโลกของการ์ตูน โลกของที่เราจินตนาการ


 

ตกใจมากเมื่อ

เวลาถามทาง หรือขอความช่วยเหลือ คนญี่ปุ่นจะกระตือรือร้นเกินเหตุ ทำหน้าเสียใจไปกับเรา เดินนำทางไปส่ง ฯลฯ ทั้งๆที่เวลาเห็นเดินตามท้องถนน หรือนั่งรถไฟ ดูเหมือนหุ่นยนต์ เหมือนวิญญาณอะไรเข้าสิง

เรื่องมารยาทการบริการก็ดีมากๆ ยิ่งกว่าสยามเมืองยิ้มซะอีก


ขำที่สุด

อากาศหนาวมากๆ แต่สาวๆนุ่งสั้นกันเยอะมากๆ ข้างบนปิดซะมิดชิด แต่ข้างล่างไม่หนาวกันเหรอ


ทำไมภาพไม่ชัด แต่งตัวเช๊ยเชย

นโยบายเดิม กล้องถูก ไม่ค่อยลงทุนซื้อเสื้อผ้า ประหยัดเพื่อ “เที่ยว” นานขึ้น


เสียดายที่สุด

ค้างที่เดียว เวลาไปไกลๆก็ต้องรีบกลับ ได้เที่ยวนิดเดียว


 

สถานที่ที่คิดว่าไม่สนใจ แต่กลับประทับใจ

Ueno Zoo  โตเกียว9


ประทับใจอะไรที่สุด

ฟลุ๊กเดินทางไปถึงวันซะกุระเริ่มบานพอดี และกลับวันล่วงเกือบหมดพอดี ได้เห็นซะกุระสวยๆตลอดทริปเลย


ชอบอะไรที่สุด

อาหารอร่อย ขนมหลากหลาย อร่อยมากๆ  ทำให้เสียค่าอาหารมากกว่าที่คิด


ผิดคาดที่สุดคือ

วางแผนแน่นเกินไป นึกว่าจะหาง่ายๆ ไปง่ายๆ  เช่น ตั้งเควสไว้ 6 ที่ แต่ทำได้จริงๆแค่ 3 ที่


แปลกใจที่สุดคือ

สถานที่เที่ยวทุกที่มีแต่คนญี่ปุ่นมากกว่า 90 %  ก็อย่างบ้านเราที่เที่ยวดังๆ ก็จะเห็นฝรั่ง คนจีน  คงเป็นเพราะตอนนั้นยังต้องขอวีซ่ารึป่าวไม่รู้นะ  เดี๋ยวนี้คงมีคนไทย คนจีนเยอะแล้ว


เรื่องประหลาดที่ไม่เคยนึกถึง

คิดว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศพัฒนาแล้วเจริญเทียบเท่าเยอรมัน นึกว่าต้องศิวิไลซ์ไปซะทุกอย่าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีคนเร่ร่อนไร้บ้านเยอะขนาดนี้


เรื่องที่เห็นแล้วอึ้ง

ปกปิดพื้นที่ก่อสร้างซะเว่อร์ บางจุดแค่ซ่อมหน้าถนนแค่ผิวๆนิดเดียวเอง แต่ล้อมซะอย่างกับมีคนตาย ติดไฟแว๊บๆ มีคนโบก คนเชิญให้คนเดินอีกทาง โค้งให้อีกแน่ะ ตึกที่ก่อสร้างก็ปิดซะมิดชิด ตอนแรกนึกว่าตึกกางมุ้งกันยุง


เหตุการณ์เอ๋อที่สุด

นั่งรถไฟไปนิกโก้ แต่หลับ พอได้ยินชื่อสถานีแว่วๆ ก็รีบวิ่งออกไป นึกว่าถึงแล้ว ออกไปเจอแต่ทุ่งหญ้า ไม่มีใครเลย สรุปลงผิดสถานี  อุตส่าห์เสียค่า Spacia เลยใช้ไม่คุ้มเลย โตเกียว12


อยากไปโตเกียวอีกมั้ย

อยากไปสิ มีอีกหลายที่ ที่ยังไม่ได้ไป เขตรอบๆก็อีกเยอะแยะ  แต่ถ้าไม่นับค่าเครื่องบิน รู้สึกว่าค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าไปยุโรปอีกอ่ะ ก็เลยคิดว่าไปยุโรปคุ้มกว่า


คิดถึงอะไรที่สุด

อันดับ1 ดิสนี่ย์ซีย์ , อันดับ2 ดิสนี่ย์แลนด์ , อันดับ3 edo wonderland โตเกียว12


รู้สึกพลาดที่สุดคือ

ไม่ลงทุนซื้อรองเท้าดีๆ(อีกแล้ว) เท้าพลิกตั้งแต่วันแรก กระเผลกไปตลอดทริป

ฝนตก น้ำเข้ารองเท้า ถุงเท้าเปียก อากาศหนาว หมดสนุกไปครึ่งนึงเลย


อะไรที่ไม่ผิดคาดเลย

อาหารแพง ของแพง แพงทุกอย่าง อย่างกับอยู่ยุโรปเลย


เซ็งที่สุด

กลับจากทริปนี้ ตอนกลางเมษายน ญี่ปุ่นประกาศฟรีวีซ่าคนไทย ตอนเดือนมิถุนายน  ไอ้เราก็อุตส่าห์ลุ้นตัวโก่งอยู่ตั้งนานว่าวีซ่าจะผ่านมั้ย  เตรียมเอกสารตั้งมากมาย เสียค่าวีซ่าอีกเป็นพันๆ


เส้นทางที่ต่ำกว่าที่คาด

Yokohama , Kamakura , Enoshima , Ofuna


เส้นทางที่ผิดหวังที่สุด และประทับใจที่สุด

Hakone  ซึ่งครั้งแรกไปวันฝนตก ไม่เห็นวิวอะไรเลย พายุก็แรง หนาวก็หนาวโตเกียว14  ก็เลยตัดโปรแกรมอื่นๆออกเพื่อวันรุ่งขึ้นจะกลับมาใหม่ในเวอร์ชั่นฟ้าใสแจ๋ว สวยมากๆ โตเกียว15


สมเพชตัวเองที่สุด

ด้วยความละโมภ คิดว่าเป็นวันสุดท้ายแล้ว ขอกินสั่งลากันหน่อย หิวด้วย เห็นโฆษณามานานแระ ขอลองเหน่อยเถอะ  เลยสั่งข้าวแกงกะหรี่คร๊อกเก้หมู กุ้ง ไข่ ไส้กรอก คือเมนูท็อป แพงสุด และ”จานใหญ่สุด”

ที่น่าสมเพชคือ ดันสั่งกันคนละจาน กลัวเขาจะหาว่าสั่งจานเดียวมาแบ่งกันดูไม่มีมารยาท  ผลสุดท้าย กินไม่หมด แต่ด้วยความเสียดายจึงต้องพยายามยัดให้หมด สุดท้ายก็เหลือแต่ข้าว  ข้าวญี่ปุ่นอร่อยด้วยอ่ะ กำลังคิดว่าจะขอให้เขาใส่ถุงกลับบ้านให้หน่อยก็อาย

จะกินเหลือก็กลัวโดนมองไม่ดี  เดี๋ยวเขาจะหาว่ากินทิ้งกินขว้าง ในจังหวะที่คนทำหันหลังให้นั้น เลยสะกิดกันรีบลุกออกจากร้านไป

พอออกจากร้านได้ปุ๊บ คนแจกใบปลิวหน้าร้านก็เดินดุ่มเข้ามา นึกว่าจะมาว่าว่ากินของเหลือ ตกใจหมดเลย รู้ได้ไงฟระ ที่แท้จะมาถ่ายรูปคู่ให้  เย็นนั้น เวลาเดินต้องเดินเบาๆ ไม่งั้นมันจะออก


สถานการณ์เฉียดตาย

ตอนรอขึ้นเครื่องที่ฮาเนดะเก้าอี้หนีบแขนสามี แล้วดึงไม่ออก แขนบวม แดง แต่ไม่ยักกะมีคนมาสนใจ แปลกมากๆ  โตเกียว17


สรุปรีวิวทริปโตเกียว

 

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.