เกาะพีพี เป็นเกาะในฝันของจี๊มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เคยได้ยินมานาน เคยเห็นในรูป แต่ก็ยังไม่เคยไปซักที เพราะเห็นเขาว่าแพงมาก มีแต่ฝรั่งที่ไปกัน กว่าจะได้ไปก็ตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว และก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิดนี่นา
ทริปนี้เป็นทริป 4 วัน 3 คืน และพักกันที่เกาะพีพีทั้ง 3 คืนเลย เดินทางกัน 2 คนเช่นเดิม ค่าใช้จ่ายรวม 2 คนอยู่ที่ 6,966 บาท (รวมทุกอย่าง ค่ากิน ค่าที่พัก ค่าเรือ ค่ารถ ค่าเครื่องบิน แต่ไม่ได้ซื้อทัวร์ไปเกาะต่างๆ)
เรามาดูกันค่ะว่าทริปนี้เราเดินทางกันยังไง เที่ยวไหนกันบ้าง แล้วเดี๋ยวจะสรุปความรู้สึกตอนท้ายนะคะ
เที่ยวเกาะพีพี วันที่1
ขึ้นเครื่อง
เริ่มต้นแต่เช้าตรู่ก่อน 6 โมงเช้า ที่ดอนเมืองเพื่อขึ้นเครื่องบิน ซึ่งได้จองตั๋วโปรตั้งแต่ปีที่แล้ว
ดูจากการแต่งตัวแล้ว ก็คงเห็นถึงสไตล์การเที่ยวของ GoNoGuide กันแล้วใช่มั้ยคะ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ (ซึ่งถือว่าคิดผิดมากเลย เพราะอะไรต้องดูรีวิวพรุ่งนี้นะคะ)
จากดอนเมือง ไปภูเก็ตใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น
ขอแนะนำ : เช็คอินออนไลน์ได้ล่วงหน้า 14 วัน (แอร์ เอเชีย) เพราะอาจจะได้ที่นั่งติดหน้าต่าง จากนั้นพอไปถึงสนามบินก็ไปปริ๊นท์ boarding pass ที่ตู้ kiosk อีกทีนึง เพราะถ้าไม่ได้เช็คอินล่วงหน้าไป แล้วไปเช็คอินที่ตู้ตอนวันไป ก็มีโอกาสสูงที่จะได้นั่งติดทางเดิน
ถึงภูเก็ต เข้าเมืองยังไง
บินจากกรุงเทพฯ ไป ภูเก็ต แค่ 1.30 ชม. เท่านั้น
พอมาถึงสนามบินภูเก็ตแล้ว การเข้าเมืองก็ไม่ยาก และไม่แพงมาก มีตัวเลือกหลักๆ 2 ทางคือ Taxi (หรือรถตู้นั่นเอง) กับ Airport bus (หรือรถเมล์นั่นเอง)
เดินออกมาจากประตูขาเข้า ก็จะเห็นป้ายแบบนี้ ก็ตามป้ายไปเลย
เดินออกจากประตูขาเข้าก็จะเห็นเคาร์เตอร์นี้ก่อน เป็นรถตู้เหมา หรือแชร์ เข้าเมือง หรือไปหาดต่างๆ
แต่ถ้าต้องการวิธีที่ประหยัดที่สุดคือนั่ง airport bus
- คันสีส้ม ไปสุดสายที่ บขส.เก่า ในตัวเมืองภูเก็ต ราคา 100 บาท
- คันสีขาว จะเลาะไปทางหาดทางตะวันตก พวก กะตะ กะรน ป่าตอง และไปสุดสายที่ หาดราไวย์ ใต้สุด ราคา 170 บาท
สำหรับ GoNoGuide วันนี้จะไป เกาะพีพี ซึ่งต้องไปลงที่ บขส.เก่า แล้วค่อยหาทางต่อรถไป ท่าเรือรัษฎาอีกทีนึง
วิธีไปท่าเรือรัษฎา
นั่งรถ Airport bus สีส้มจากสนามบินภูเก็ต มาสุดสายที่ บขส.เก่า ทันทีที่เดินลงจากรถ ก็จะมีหนุ่มๆเข้ามาจีบทันที “ไปไหนพี่” “Taxi มั้ย”
ท่ารถบขส. จะมีทั้งตุ๊กตุ๊ก มอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง ส่วนป้ายรถเมล์โพถ้องต้องเดินออกไปหน้าถนนใหญ่ นิดนึง
เดินออกมาจากซอย บขส.แค่นิดเดียวก็จะเจอป้ายสีชมพู ให้ยืนรอตรงนี้แหล่ะ แต่อาจรอนานหน่อยนะ มีทุกๆ 25 นาที
จะไปท่าเรือรัษฎามี 4 วิธีหลักคือ
- รถโพถ้อง 15 บาท/คน มาทุกๆ 25 นาที ก่อนขึ้นต้องบอกว่าไปลงท่าเรือรัษฎาด้วย ไม่งั้นเขาไม่เข้า
- รถตุ๊กตุ๊ก 150 บาท/คัน มีจอดรอตลอด
- รถมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง 80 บาท/คัน มีจอดรอเพียบ
- เดิน (ฟรีจ้า)
การซื้อตั๋วเรือไปเกาะพีพี
1. เสี่ยงซื้อหน้างาน แต่ต้องดูรอบเรือมาก่อนนะ ดูจากเวป Phuketferry ก็ได้ วิธีนี้ก็ต้องแล้วแต่ดวงและหน้าตานิดนึง คือถ้า…
- ถ้าบอกว่าไปทำงาน จะได้ราคา 200 บาท เขาจะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นกับฝีปาก และหน้าตาเราแล้วล่ะนะ
- ถ้าบอกว่าไปเที่ยว จะได้ราคา …ไม่รู้นะ…แล้วแต่ดวง… ทำไมถึงบอกแบบนั้น เพราะว่า GoNoGuide ลองไปถามเลยว่า ถ้ามาซื้อที่นี่เท่าไหร่ เขาตอบว่า ไปอย่างเดียว 600 ไปกลับ 1000 บาท โอ้วววโหววว ท่องมารึป่าว เราพูดภาษาไทย คนไทยนะ แต่พอเห็นคนข้างหน้าก็มาซื้อหน้างาน (หน้าคนทำงานเห็นๆ) ได้ 200 ไป ส่วนอีกคนเขาบอกว่าไม่ได้ ไม่เชื่อว่ามาทำงาน ได้ 300 ไป เอ้า…ไหนบอกว่า 600 ไง
- สรุปว่าแล้วแต่เพื่อนๆเลยนะ ว่าอยากลองแบบไหน ถ้าเขาจะเก็บ 600 เราบอกเลยว่า เคยขึ้นแค่ 300 สู้เต็มที่เลยนะ
2. ซื้อจากเว็ปไซต์ Phuketferry ซึ่งข้อดีคือเราดูราคาได้ ล็อคเวลา ชัวร์ สบายใจ แต่ข้อเสียคือ ตอนจ่ายเงินมันต้องมีค่าภาษี ค่าจองเพิ่ม ซึ่งรวมๆแล้วจะตกที่ประมาณ 350 บาท ต่อเที่ยว
- แนะนำว่า ขาไปให้ซื้อจากในเวปไปเลย สบายใจดี แต่ขากลับให้ซื้อจากโรงแรมที่เราพัก เขาจะขาย 300 บาท
อันนี้เป็นป้ายตารางราคารถตู้ จากท่าเรือรัษฎาไปยังหาดต่างๆ หรือเข้าเมือง หรือไปสนามบิน
ขึ้นเรือ
ที่นั่งภายในเรือที่จะพาเราไป เกาะพีพี ก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ คล้ายๆเก้าอี้ในรถเมล์ เสื้อชูชีพมีไม่ครบทุกเก้าอี้หรอก วิวก็ไม่ค่อยเห็น แต่ถ้าอยากเห็นวิวก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ วิว แดด ลมเต็มๆ แต่ไม่มีเก้าอี้นะ
ใกล้จะเทียบท่าแล้ว ก็จะเห็นเรือเยอะแยะวิ่งฉิวๆกัน
ถึงเกาะพีพีกันแล้ว รักแรกพบเลยทีเดียว เสียแต่ว่าเรือมันเยอะไปหน่อย ดูวุ่นวาย
ถึงแล้ว เกาะพีพี
พอลงเรือมาถึงเกาะพีพีแล้ว เราต้องเสียค่าบำรุงเกาะคนละ 20 บาทก่อน
บนเกาะจะไม่มีรถรับจ้าง ไม่มีมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง ไม่มีรถเช่า ไม่มีจักรยาน เราต้องเดินเอาอย่างเดียว แต่ถ้าจะไปหาดต่างๆ ก็จะมีเรือรับจ้างพร้อมให้เหมาตลอดทาง
เมื่อเก็บของเข้าที่พักกันเรียบร้อย ก็สามารถมาเดินเล่นที่อ่าวโละดาลัม ซึ่งเป็นอ่าวที่หันหลังชนกับท่าเรืออ่าวต้นไทรเลย
ที่พัก
พูดถึงเรื่องที่พักกันนิดนึง เพราะการจะพักที่ไหน เป็นตัวชี้ชะตาการเที่ยวเกาะพีพีกันเลยทีเดียว เหตุผลเพระว่า เกาะพีพีเป็นเกาะปาร์ตี้ ที่ในยามค่ำคืนนั้นจะมีแต่เสียงพับบาร์ ไม่มีการเกรงใจกันทั้งสิ้น แต่มันก็เป็นโซนๆกันไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และเงินในกระเป๋าของคุณ
A : อ่าวต้นไทร และอ่าวโละลานา ทางตะวันตก จะเป็นที่พักแพงๆ หรูๆ แต่ก็ยังมีเสียงเพลงกระหึ่มอยู่ดี
B : อ่าวต้นไทร และอ่าวโละลานา ทางตะวันออก จะเป็นพื้นที่ที่มีห้องพักเยอะที่สุด ทั้งถูกแพงกระจุกตัวอยู่กันที่นี่ เดินใกล้ท่าเรือนิดเดียว คนเยอะ เพื่อนแยะ แต่ข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุดคือ เสียงเพลงดังมากๆ ถ้าใครนอนยาก นอนเร็ว ก็ไม่แนะนำแถบนี้เลย เพราะการเที่ยวของคุณจะถูกกลบด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว และนอนไม่หลับ (แต่อย่าลืมว่า แถวนี้ที่พักถูกนะจ๊ะ)
C : ไม่มีชื่อหาด แต่บางที่ก็เขียนว่าหาดไวกี้ง แพงขึ้นมานิดนึง แต่ไกลเมืองหน่อย เดินไกลหน่อย (จริงๆไม่หน่อยล่ะ ก็ไกลอยู่) แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรีสอร์ทริมทะเล สงบๆ
D : หาดยาว หรือ long beach เป็นหาดที่ GoNoGuide ยกให้เป็นหาดที่น่าเล่นน้ำที่สุด น่าพักที่สุด แต่ราคาที่พักก็แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ถ้ามีกระเป๋าใหญ่ เดินไปคงไม่ไหว
E : อ่าวผักหนาม เป็นหาดที่เงียบสงบมาก น่าพักมาก ราคาไม่แรง แต่ต้องเสียค่าเรือไปนะ กลางวันจะมีทัวร์จีนไปลงกินข้าว แล้วก็ไปต่อ
F : หาดโละบาเกา เป็นหาดที่น่าพัก และน่าเล่นน้ำเช่นกัน แต่จะแพงมาก
G : หาดแหลมทอง เป็นหาดที่น่าพักสุดๆ มีที่พักหรูๆเต็มไปหมด แต่แพงไง
H : อ่าวโละลานา ก็เป็นหาดที่น่าพักเช่นกัน อยากไปพักที่นี่เหมือนกัน เพราะจะมีหาดนุ้ยให้เดินไปได้ด้วย หาดนุ้ยถือว่าเป็นหาดเล็กๆที่เหมือนสวรรค์เลยทีเดียว
สรุปก็คือ ถ้าพักที่ A กับ B ก็เดินซื้อของในเมืองสะดวกสบาย ไม่ต้องนั่งเรือต่อ แต่เสียงดัง แต่ถ้านอกจากนั้น ก็ต้องนั่งเรือต่อไปอีก ค่าเรือก็ประมาณคนละ 100 – 250 บ./เที่ยว (แชร์เรือกันหลายคน) แต่ค่อนข้างสงบ
ค่าอาหาร
ทางเดินภายในบริเวณตัวเมืองของเกาะจะเป็นทางเดินดีๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ราคาอาหารแผงๆในตลาด ถูกสุดประมาณ 60-80 บาท ถ้าเป็นร้านนั่งกินก็ 90-100 ถ้าเป็นร้านสวยๆเลยก็ 150-250 บาท น้ำปั่น 40 – 50 – 60 บาท พิซซ่า 80 บาท ส้มตำ 60 บาท ลาบ 100 บาท ผัดไท 60 บาท
ผลไม้มีขายเยอะมาก มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเยอะ เซเว่นมี 4 สาขา ร้านขายของชำเล็กๆอีกหลายสิบที่ ของกินในเซเว่นไม่แพง ขายราคาปกติ
น้ำเปล่า 1.5 ลิตร 25-25 บาท เห็นมีฝรั่งแบกน้ำเป็นถังใหญ่มาจากแผ่นดินใหญ่ด้วยนะ
เท่าที่นึกออกคงมีเท่านี้นะคะ ถ้ามีคำถามอะไรสามารถโพสต์ไว้ใต้บทความได้เลยค่ะ
เที่ยวเกาะพีพี มีอะไรบ้าง
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า โดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่มักจะพักกันที่ ภูเก็ต หรือ กระบี่ แล้วซื้อทัวร์แบบไปกลับภายในวันเดียวกัน ซึ่งถ้าเป็นทัวร์เที่ยวเฉพาะ หมู่เกาะพีพี ล้วนๆ ก็จะไปอยู่ประมาณ 6-7 จุด ได้แก่ อ่าวมาหยา อ่าวโละซามะ อ่าวปิเละ ถ้ำไวกิ้ง อ่าวลิง อ่าวต้นไทย (ไปกินข้าว ซื้อของที่ระลึก) ปิดด้วยดำน้ำดูปะการังที่ เกาะไผ่ บางทัวร์อาจจะมี อ่าวลิง หาดนุ้ย เกาะยูง บ้าง แล้วแต่ทัวร์ และราคา
ทัวร์จากภูเก็ต/กระบี่ ออก 9 โมงเช้า ถึงเกาะ 10 โมง แวะแต่ละจุดประมาณ 30 นาที – 1 ชม. กลับ 4 โมงเย็น ถึงที่พัก 5 โมงเย็น (โดยประมาณ)
ราคาไปเช้าเย็นกลับจากภูเก็ต หรือกระบี่ ประมาณ 1100-1200 บาท / คน (สปีดโบ๊ทเท่านั้น)
ถ้าใครที่นั่งเรือใหญ่มาค้างที่เกาะพีพีดอน ก็สามารถมาหาเหมา เรือหางยาว ได้แถวอ่าวต้นไทร ราคาแล้วแต่ตกลง ถ้าเป็นทัวร์ตามข้างบน ก็ประมาณ 7500 บาท/เรือหางยาว 1 ลำ (สูงสุดไม่เกิน 5 คน) หรือถ้าไปแค่ไม่กี่ที่ก็คิดเป็นชั่วโมง(แล้วแต่ตกลง)
สรุปว่า ถ้าซื้อทัวร์มาจากภูเก็ตหรือกระบี่จะต้องนั่งสปีดโบ๊ทเท่านั้น แต่ถ้ามาถึงพีพีแล้วมักจะเหมาหางยาวกัน
เที่ยวเกาะพีพี ด้วยตัวเอง
สำหรับ GoNoGuide ต้องการมาเที่ยวแบบสำรวจแบบอิสระ โดยไม่ซื้อทัวร์ ไม่เหมาเรือ จึงทำให้เที่ยวได้เฉพาะส่วนของ เกาะพีพีดอน เท่านั้น
ซึ่งก็มีหลายส่วนที่น่าเที่ยวไม่น้อยเลย แค่ว่ามันดูจะผจญภัยไปซักหน่อย จะเป็นอย่างไรมาดูรีวิวกันเลยค่ะ
ภาพที่เห็นด้านบนทั้งหมดคือเกาะพีพีดอน ถ้าดูดีๆก็จะคล้ายๆตัว H มีแผ่นดินเชื่อมฝั่งซ้ายฝั่งขวาแค่นิดเดียวเท่านั้น
จุดที่เรือเฟอรี่ใหญ่ไม่ว่าจะมาจากภูเก็ต หรือกระบี่ มาจอดก็คือท่าเรืออ่าวต้นไทร ตรงนั้นจะมีโรงแรม รีสอร์ท โฮสเทล เกสต์เฮ้าท์มากมาย
เส้นทางเที่ยวของ GoNoGuide ก็คือ เส้นสีเหลือง และสีเขียว และการเที่ยว 2 วันต่อจากนี้จะเป็นการ “เดิน” ทั้งหมด แต่จะเดินได้มั้ย เดินอย่างไร เรามาดูกันค่ะ
วิดีโอ เที่ยวเกาะพีพี วันที่ 1
เที่ยวเกาะพีพี วันที่2
วันที่สองของทริป แต่จะเป็นวันแรกของการเที่ยวจริงๆนะคะ เพราะเมื่อวานกว่าจะมาถึงก็เย็นแล้ว ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเดินเล่นหาด และตัวเมือง
วันนี้ GoNoGuide จะไปตรงเส้นสีเขียวก่อนนะคะ จริงๆแล้ววางแผนว่าจะไปหาดแหลมทาอง ตรงเส้นสีฟ้าด้วย แต่เวลาไม่พอก็เลยตัดออกไป
อ่าวโละดาลัม
การเดินทางเริ่มที่ คิดตี้เกสต์เฮ้าส์ อยู่ด้านบนตัวเมืองนิดหน่อย ไปยังจุดแรกคือ อ่าวโละดาลัม ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักแค่นิดเดียว มาเดินอ่าวนี้ก่อนเพราะรอเวลาอาหารเช้า
อ่าวโละดาลัม ถือว่าเป็นอ่าวที่มีคนมาเล่นมากที่สุด เพราะมันใกล้อ่าวต้นไทรมากๆ เป็นหาดที่ยาวมากๆ จะมีผับบาร์เปิดเสียงเพลงดังๆในตอนกลางคืน ใครที่ไม่ชอบเสียงดังก็ระวังไว้นะ แต่ตอนเช้าจะเงียบ บ้างก็มีคนแฮ๊งค์โอเวอร์จากเมื่อคืนนอนแผ่กันแถวๆนั้น
แม้ว่าจะมีหินปะการังอยู่เยอะ เดินลงน้ำก็เจ็บเท้า แต่ก็ถือว่าเป็นหาดที่พอจะสามารถเล่นน้ำได้อยู่บ้าง โดยรวมแล้วถือว่าสวยใช้ได้ค่ะ
จุดชมวิว 1,2,3
จุดชมวิวที่นี่ เขาเรียกว่า Viewpoint 1,2,3 จะมีป้ายตลอดทาง ถามทางใครก็ถามว่า viewpoint ไปท่างไหน ใครๆก็รู้จัก บางทีเดินหลงทาง เข้ารีสอร์ทอื่นๆ เขาก็ถามเลย Viewpoint? นู่น….overthere
ต้องบอกเลยว่าใครมาพักที่เกาะพีพี ต้องมาจุดชมวิวนี้ให้ได้ มันเป็นบุญตามากๆ แต่เนื่องจากพื้นที่นั้นเป็นของเอกชน ที่เขาทำทาง ทำพื้นที่ให้สวยงาม จึงต้องมีค่าเข้า 30 บาท ซึ่งก็ไม่แพงเลย สำหรับสิ่งที่เราจะได้เห็น
แต่ก่อนที่จะได้เห็นสิ่งสวยงาม ก็ต้องใช้แรงกันบ้างนะ ขึ้นบันไดเหนื่อยเอาเรื่องอยู่ แต่ไม่มากค่ะ และสิ่งที่ตาเราเห็นมันคือภาพที่น่าประทับใจที่สุดแบบนี้ค่ะ
ที่ Viewpoint 1 จะมีการตกแต่งสวน ที่นั่งพัก จุดถ่ายรูปเยอะแยะ แต่อย่าเพิ่งเสียเวลากับที่นี่มากค่ะเพราะจุดที่ 2 รอเราอยู่ เรียกได้ว่าใครหมดแรงถอดใจซะก่อน จะต้องเสียดายไปตลอดชีวิตแน่ๆ เพราะภาพที่จะได้เห็นคือ…..
….แบบนี้ไง แว๊บแรกที่เห็นถึงกับอึ้ง อ้าปากค้าง รู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์แล้วมองลงไปที่โลกมนุษย์ ให้อยู่บนนี้นานๆก็ได้
พอถึง Viewpoint 2 แล้ว ถ้าใครยังพอมีแรงอยู่ก็อยากแนะนำให้ไป viewpoint 3 ด้วย ซึ่งต้องเดินขึ้นไปไกลอยู่เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครไปเท่าไหร่ แต่รับรองได้ว่า คุ้มค่าเดินแน่นอน
Viewpoint 3 นี้ จะมีค่าเข้าอีก 20 บาท แต่จะแถมน้ำขวดให้ด้วย ซึ่งถือว่าคุ้มมากๆ กับวิว โต๊ะ เก้าอี้ บรรยากาศ และ ….
…เปล แหม….มันช่างรื่นรมย์ นอนเปล ฟังเสียงนก เสียงลม เพลงสากลจากวิทยุ บอกได้เลยว่า ถ้าใครไม่มีโปรแกรมเที่ยวที่ไหนต่อ ให้นอนที่นี่แหล่ะ เป็นการขจัดขยะในหัวสมองจากชีวิตประจำวันได้ดีมากๆเลยล่ะ
อ่าวผักหนาม
ในป้ายเขียนว่า Pak Nam Bay เราก็อ่าน อ่าวปากน้ำ มาตั้งนาน
หลังจากจบจาก Viewpoint 3 ก็สามารถเดินต่อขึ้นมาทางเหนือเพื่อไปยังหาดต่างๆได้ แต่หนทางมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบน่ะสิ เพราะทางเดินมันจะแคบๆ หญ้ารกๆ กิ้งกือตัวใหญ่ๆเดินกันเต็ม
อารมณ์ตอนนั้นคือ ไม่ได้เตียมตัว เตรียมใจมาเจอแบบนี้ ชุดที่ใส่ก็เป็นกางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุด รองเท้าแตะ เตรียมตัวมาเล่นน้ำเต็มที่ ไม่ได้คิดจะมาเดินป่าเลย แต่เมื่อป้ายมันชี้มา เราก็เดินไป ทางเข้ามันไม่เท่าไหร่ แต่พอลึกเข้าไปเรื่อยๆ มันยิ่งน่ากลัว
ถ้ามีงูล่ะ ถ้ามีลิงล่ะ ถ้ามีผีล่ะ สารพัดจินตนาการที่จะคิดออก เดินไปก็บ่นไป ใช้เสียงกลบความกลัวเข้าไว้
โอ๊ยยย…ยุงกัด ไม่ใช่ยุงธรรมดา มันเป็นยุงยักษ์จ้าาา มันเกาะเต็มแขน เต็มขา กลับไปจะเป็นไข้เลือดออกมั้ย…
ทางนี้ยังกว้างนะ ก่อนถึงอ่าวผักหนามแทบจะต้องลุยป่ากันเลย
และนี่คือ อ่าวผักหนาม ที่พวกเรามาโผล่ตรงหลังพุ่มไม้สุดหาดที่เห็นไกลๆนั่นเอง
นั่งพักกินข้าว เล่นน้ำ แล้วก็เดินผ่านหินดำๆ ต่อไปสุดหาดอีกฝั่งนึง
อ่าวผักหนาม มีหาดที่ก็สวย แต่น้ำไม่ค่อยน่าเล่น เพราะมีหินปะการังเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ที่มาก็ก็จะเป็นกรุ๊ปทัวร์มาลงพักกินข้าวกัน
อ่าวโละบาเกา
จากอ่าวผักหนาม ก็ต้องเดินหาทางไป อ่าวโละบาเกา ต่อ แต่ไม่รู้ไปทางไหน ไม่มีป้ายบอก เลยถามชาวบ้าน พี่เขาชี้ให้เข้าป่าไป พวกเราล่ะมองหน้าซีดๆกันและกัน แล้วก็เรียกพลัง “สู้โว้ยยย…” เพราะเราหันหัวกลับไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าอย่างเดียว
เส้นทางเดินไกลพอสมควร ทางก็แย่กว่าเดิม แฉะ โคลน กิ้งกือ ยุงยักษ์ กับชุดว่ายน้ำที่เป็นกระโปรง กับเสื้อแขนกุด ไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาไปตลอดทาง
สุดท้ายก็โผล่ออกมาจากป่าด้วยความทุลักทุเล เห็นรีสอร์ทหรูๆ คนนอนข้างสระอย่างสบาย แล้วก็หันมามองสาระรูปตัวเอง มันช่างต่างกันอะไรเยี่ยงนี้
แต่โชคดีก็คือ ตอนนั้นเป็นช่วงน้ำลง เลยทำให้เราเดินได้อย่างสบายบนหาดทรายเปียกๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าน้ำขึ้น เราคงต้องปีรีสอร์ท ขอเขาเดินก็เป็นแน่
อ่าวโละบาเกา จะมีหาดที่น่าเล่นน้ำมากๆ เพราะพื้นมีแต่ทราย ไม่มีหินปะการังมากวน -ีน แถมยังเป็นที่จัดงานแต่งงานอีกด้วยนะ
ดูสิน้ำลดจนคนต้องเดินไปขึ้นเรือซะไกลเลย
ที่นี่เราไม่สามารถเล่นน้ำได้ จึงเดินต่อไปยังอ่าวถัดไปคือ อ่าวโละลานา ภาพด้านบนเป็นระหว่างทางที่จะไปโละลานา จะมีหมู่บ้าน มีเรือหางยาว ทางเดินดีๆ น่ามาพักมากๆ
ธรรมชาติที่นี่สวยมากๆ ภูเขา ต้นไม้ จริงๆมีจุดชมวิวข้างบนด้วย แต่เวลาคงไม่พอ แล้วก็หาทางขึ้นไม่ได้ด้วย ก็เลยข้ามไป
ทางเดินไป อ่าวโละลานา นั้นไม่ยากเลย วิวก็สวย แต่ก็ไกลพอสมควร
อ่าวโละลานา
อ่าวโละลานา มีหาดที่ไม่ค่อยน่าเล่นน้ำซักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะน้ำลดนะ แต่เห็นหินเยอะมาก ถ้าน้ำขึ้น ก็คงเล่นไม่สนุกหรอก
ในภาพจะเห็นวัยรุ่นฝรั่งที่สะพายเป้น้ำเงินคนนั้น จริงๆแล้วเราเจอกันในป่า ก่อนถึงอ่าวผักหนาม คุยกันได้ความว่า เขาก็จะเดินวนเส้นทางเดียวกับพวกเรานั่นแหละ แต่วนคนละทาง ของเขาวนตามเข็มนาฬิกา ส่วนเราวนทวนเข็ม
แต่เราก็ได้มาเจอกันอีกทีที่อ่าวโละลานา ซึ่งแสดงว่าเขาใกล้จะจบรอบของเขาแล้ว ในขณะที่พวกเรายังมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น
ก็พวกเราทั้งนั่งกิน ทั้งล่นน้ำ แล้วก็เดินช้าด้วย ก็เลยช้ากว่าเขาน่ะสิ ไม่ใช่เพราะสังขารเลยนะ ม่ายช่ายยยย…เล้ยย…
จาก อ่าวโละลานา การเดินไป หาดนุ้ย จะต้องเดินไปสุดหาด แล้วผ่านหินพวกนี้ ซึ่งถ้าไม่ใช่ช่วงน้ำลดก็อาจจะไปไม่ได้
หาดนุ้ย
แต่หนทางมันก็ไม่ใช่ง่ายๆน่ะสิ วันนี้อย่างกับมาเข้าค่ายแน่ะ
มีทั้งปีน ทั้งก่าย ข้ามกระดานไม้ ไต่หินลง กับรองเท้าแตะจ้าาา
บางทีก็ต้องถอดรองเท้าโยนไปก่อน แล้วก็ไต่กันเท้าเปล่า น่าจะปลอดภัยกว่า
และสุดท้าย ก็มาเห็นหาดที่สวยที่สุดเท่าที่ผ่านมาวันนี้ อย่างกับสวรรค์จริงๆ หาดนุ้ย
คนที่มาที่นี่ก็เห็นจะมีแต่คนพายคายัคมา ส่วนใหญ่ก็จะมานอนเล่นเฉยๆ เพราะในทะเลมีแต่หินปะการัง เดินเจ็บเท้า แต่ต้องยอมรับว่า เป็นหาดที่สวยมากๆ พวกเราใช้เวลากิน นอน เล่นน้ำอยู่ร่วมชั่วโมง ก็ได้เวลาย้อนกลับไปที่อ่าวโละลานาทางเดิม
กลับอ่าวต้นไทร
จากนั้นก็เดินตามป้ายที่เขียนว่าอ่าวต้นไทร Ton Sai Bay ที่นี่จะเขียนป้ายเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
ในช่วงแรก ทางจะเป็นทางปูนดีๆ แต่ก็ต้องวกเข้าป่าอีกเช่นเดิม ก็เลยทำให้พวกเราอดคิดไม่ได้ว่า แล้วคนท้องถิ่นเขาเดินทางกันยังไง ต้องเดินเข้าป่าแบบนี้ตลอดเลยหรือ มันก็ลำบากมากๆอยู่นะแม้ว่าเขาจะเป็นคนท้องถิ่นก็ตาม
ทางครั้งนี้ค่อนข้างไกลประมาณ 3.5 กม. แต่ถึงจะเข้าป่า แต่ทางก็ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ ไม่น่ากลัวมากแล้ว หรือเราเลิกกลัวไปแล้วก็ไม่รู้นะ
หินดำ
เมื่อออกมาจากป่า จะเจอแนวหินดำตลอดแนวยาว
นี่ถือว่าโชคดีที่น้ำลง ถ้าเป็นช่วงน้ำขึ้น หินจะถูกกลบด้วยน้ำทะเล ถึงจะยังเดินได้ แต่มันจะลื่น
ทางเดินจะเป็นหินบ้าง ทางปูนบ้าง แต่ก็ยังง่ายกว่าเดินในป่าแบบตอนเช้า
ทางซ้ายสุดของภาพ ก็จะเป็นอ่าวโละดาลัมแล้ว เห็นใกล้ๆแบบนี้นะ เดินไกลเหมือนกันนะจะบอกให้ แต่แค่เห็นก็ดีใจแล้ว ว่าวันนี้เรารอดกันมาได้ ไม่หลงป่าจนมืดค่ำ
และในที่สุด GoNoGuide ก็ทำสำเร็จ เดินทางครบรอบมาจบที่ อ่าวโละดาลัม ในเวลา 6 โมงเย็น รวมเวลาเดินทางทั้งหมด 9 ชม.
สรุปว่า
- ทางเดินเชื่อมระหว่างเกาะด้านบน กับตัวเมือง ไม่ใช่ทางที่คนทั่วๆไปจะเดินเล่นกันได้ ถ้าจะไปก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจกันหน่อย ทั้งกางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบ เสื้อแขนยาว เพราะยุงเยอะมากๆ ต่อให้ซื้อยาฉีดกันยุง มันก็ไม่สะทกสะท้านเลย
- ถ้าต้องการไปหาดแหลมทองด้วย แนะนำให้ออกตั้งแต่เช้า 6โมง แล้วก็ห้ามอู้แต่ละหาดมาก พวกเราใช้เวลามากในจุดชมวิว ถ่ายวิดีโอ เล่นน้ำ กิน และนอน เลยช้าไปหน่อย
- เตรียมอาหารและน้ำไปด้วย เพราะไม่มีขายข้างทาง
- ประสบการณ์วันนี้ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าตอนเผชิญมันน่ากลัวมาก ไม่อยากเจออีกแล้ว แต่พอมองย้อนกลับไป มันก็สนุกดีนะ
วิดีโอ เที่ยวเกาะพีพี วันที่2
เที่ยวเกาะพีพี วันที่3
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวเกาะพีพี พวกเราเลือกเส้นทางเดินสำรวจเกาะทางใต้ (เส้นทสสีเหลือง) ซึ่งได้แค่ หาดยาว หาดโล๊ะมุดี หาดไวกิ้ง หาดต้นไทร และหาดเล็กๆอีกที่ไม่มีชื่อ
สำหรับทางเดินวันนี้ ไม่ลำบากเท่ากับเมื่อวานแล้ว แต่ระยะทางก็ค่อนข้างไกล พวกเราเลือกไปกลับคนละทาง ขาไปจะไปทางถนน มีรถมอร์เตอร์ไซค์วิ่งเป็นบางครั้ง แต่ไม่มากนัก บางช่วงก็เป็นถนนลาดชัน เดินเหนื่อยเหมือนกันนะ
พอดินมาถึงอ่างเก็บน้ำตรงนี้แล้ว จะเจอรีสอร์สสวยๆที่กำลังก่อสร้างอยู่เพียบเลย ยังไม่มีป้าย หรือทางเดินดีๆอะไรมาก ต้องอาศัยถามๆคนแถวนั้นเอาเอง แต่ก็ไม่ใช่เดินเข้าป่าก็สบายใจไปส่วนนึงแล้วล่ะ
เดินมาได้ถึงทางแยก ก็ถึงจะค่อยมีป้ายบอก ซ้ายไป หาดโละมุดี ขวาไป หาดยาว พวกเราเลือกที่จะไปหาดยาวก่อน เพื่อดู Shark viewpoint
Shark Viewpoint
เนื่องจากเจ้าของที่พักบอกว่า ให้มาเช้าๆ เผื่อน้ำลดจะสามารถเดินไปถึงเกาะตรง Shark viewpoint นั้นได้ และถ้ามาสายๆ เรือแล่น ฉลามหนีหมด ใจจริงก็อยากเห็นฉลามตัวน้อยๆอยู่หรอกนะ แต่ลึกๆก็กลัวเหมือนกัน
แต่ถ้าน้ำขึ้น เราก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องเหมาเรือไปเท่านั้น หรือไม่ก็ว่ายน้ำไป ซึ่ง GoNoGuide เลือกที่จะ นั่งกินข้าวหมกไก่ชมวิวเฉยๆสบายๆดีกว่า แหะๆ…
หาดยาว (Long Beach)
ที่เห็นตรงหน้าก็คือ เกาะพีพีเล จะมีอ่าวมาหยาอันเลื่องชื่อ ใครอยากเหมาเรือไปเขาก็คิดเป็นชั่วโมงแล้วแต่ตกลงกัน 4 ชม. ประมาณ 1500 บาท สำหรับ 2 คน มีคนขับเรือไปด้วยนะ
นอกจากนี้ที่ หาดยาว ยังมีเรือเมล์ไปยัง หาดแหลมทอง และ อ่าวต้นไทร ในราคา 200 บาทอีกด้วยนะ แต่พอไปถามคนเรือแถวนั้นเขาบอกว่า ตอนนี้ยังไม่มี ทางการเขามาติดไว้ก่อนเฉยๆ ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเริ่ม
แต่คำถามก็เกิดขึ้นคือ 200 บาทต่อคน ก็ถือว่าแพงนะ แบบนี้ขึ้นเรือหางยาวไปก็ราคาใกล้เคียงกัน ยังไงถ้าเริ่มแล้วมีคนไปใช้แล้วก็อย่าลืมมาบอกกันมั่งนะจ๊ะ
ส่วนเรือที่พวกเราสนใจมากก็คือเรือที่จะไป เกาะไม้ไผ่ กับ เกาะพีพีเล ที่มีอ่าวมาหยา ส่วนราคายังไม่รู้ไม่มีแจ้งไว้ และตอนนี้ก็ยังไม่มีวิ่ง
เรือหางยาวรับจ้างจะมีแทบทุกหาด เหมือนมอร์เตอรไซค์รับจ้างเลย สำหรับราคาจาก หาดยาว ไป…
- Phi Phi Lay 1500 บาท/2 คน
- Bamboo Island 2000 บาท/2คน
- ทัวร์เต็มวัน 3000 บาท/2คน
- ไปอ่าวต้นไทร กลางวันคนละ100 บาท , กลางคืน คนละ 150 บาท
หมายเหตุ : ราคาไม่แน่นอนนะ ต้องถามคนเรืออีกที
พวกเราใช้เวลากับ หาดยาว หรือที่นี่เขาจะเรียกว่า Long beach อยู่พักใหญ่ ทั้งกินเสบียงที่แพ็คมา (ข้าวหมกไก่ซื้อระหว่างทาง 60 บาท , ไก่ทอด ข้าวเหนียวไก่หวาน ฯลฯ ที่ซื้อตุนไว้เมื่อคืน) และนอน จากนั้นก็ออกเดินไปยังหาดโละมุดีกันต่อ
หาดโละมุดี
ทางเข้าหาดโละมุดี จะมีป้ายบอกว่า พื้นที่ส่วนบุคคล ห้ามเข้า แต่จริงๆแล้วเขาหมายถึงบ้านชาวบ้านทางซ้าย แต่บริเวณหาดทุกหาดเป็นของประเทศไทย ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของได้
หาดนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย มีคนดูแลอยู่ 2 คน เป็นหาดที่น่าเล่นน้ำมากๆ เพราะไม่มีหินปะการังมากวนใจเลย ต้นไม้ก็เยอะ หาดก็ขาว คลื่นแรงได้ใจมากๆ แต่ลมก็แรงเช่นกัน วางของไว้ เล่นน้ำเสร็จ ทรายถมแต็มเลย
หาดนี้น่าจะชื่อ Sand beach มากกว่านะ เพราะทรายเยอะมากๆ เห็นเรือลำใหญ่มาขนทรายด้วย
เหมือนหาดส่วนตัวเลยมั้ยล่ะคะ
หาดนี้ยังมีข้อดีตรงที่ไม่มีเรือหางยาวมากวนใจ เห็นน้ำทะเลและท้องฟ้าเต็มๆ บอกคำเดียวว่า “รักเลย”
ตอนแรกก็ส่งสัยว่า มันเป็นช่วงฝนจะตกหรือเปล่านะ ลมแรงจังเลย ก็เลยย้ายกลับไปนอนหาดยาวแทน แต่พอไปถึงหาดยาวลมเงียบสงบไม่มีคลื่นเลย ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะหาดโละมุดีเป็นช่องลม คลื่นลมแรงตลอดแน่ๆเลย
กลับอ่าวต้นไทร
หลังจากที่เล่นน้ำ นอนพัก จนหนำใจแล้ว ก็ต้องย้อนกลับไปที่อ่าวต้นไทร ซึ่งมันก็ไม่ได้ง่ายนัก ยังต้องเดินผ่านหาดอีกหลายหาด
ทางเดินถือว่ายากสำหรับผู้สูงอายุ แต่เมื่อเราได้ผ่านการเดินป่าอย่างทรหดไปเมื่อวานแล้ว วันนี้ก็ถือว่าช่างง่ายตายแล้ว แต่ก็ยังต้องระวังเรื่องยุงยักษ์ไว้ด้วย
แวะจุดชมวิว
พอดีว่าเห็นในแผนที่ Mapsme มันมีสัญลักษณ์จุดชมวิวอยู่ระหว่างทาง ก็เลยลองแวะไปซักหน่อย ปรากฏว่ามีต้นไม้บังเต็มไปหมด ไม่เห็นวิวอะไรเลย
ทางเดินระหว่างทางเป็นวิวสวยๆ มีหาดเล็กๆ เป็นระยะ รีสอร์ทเรียงรายเป็นแถว น่ามาพักมากๆ
หาดไม่มีชื่อ
พวกเรามาพักกันอีกที่หาดไม่มีชื่อ เป็นหาดเล็กๆ แต่เงียบสงบ น้ำกำลังลง เห็นคนเดินไปกลางทะเลได้เลย และที่บอกว่าเงียบสงบก็เพราะว่าไม่มีเรือไหนเข้ามาจอดได้เลย พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่น่ากว่าชม. ไปกับการนอน และดูผู้คน ช่างเป็นช่วงเวลาที่สงบมีความสุขมากๆ
แถวนี้มีหินปะการังเยอะมากๆ แต่ก็มีปลาตัวเล็ก ปูทะเลโผล่มาให้เห็น เรือเข้ามาจองไม่ได้ ต้องจอดอยู่กลางทะเล คนสามารถเดินไปถึงกลางทะเลได้เลย เป็นภาพที่น่าทึ่งมากๆ ตอนแรกก็กลัวๆนึกว่ามี ซึนามิ ไม่ใช่ๆมันแค่น้ำลง
ช่วงน้ำทะเลลงก็จะมีคนมาคอยเคาะหอยนางรมกันใหญ่ ดูๆไปมันก็น่าเหนื่อยอยู่นะกว่าจะได้แต่ละตัว
ปกติแล้วต้องเดินบนทางเดินเลียบทะเล แต่นี่คือสามารถเดินในทะเลเลาะไปตามหาดต่างๆ ไปจนถึงอ่าวต้นไทรได้เลย
ใกล้ๆที่พักเห็นมีอาคารหลบภัยซึนามิอยู่ด้วย แต่คงไม่เคยใช้งานล่ะมั๊ง ถึงกลายเป็นที่ทิ้งขยะไปซะแล้ว
วิดีโอ เที่ยวเกาะพีพี วันที่3
วันสุดท้าย กลับภูเก็ต
เช้านี้ไม่มีการเที่ยว มีแต่การรอเวลาขึ้นเรือกลับภูเก็ตในเวลา 11 โมง
กระเป๋าเราสามารถให้ที่โรงแรมขนมาให้ได้เลย แต่เขาก็จะเอามากองสุมกันแบบนี้ เวลาลงเรือก็ต้องรอให้เขาขนกระเป๋าลงก่อน หรือไม่ก็ไปหยิบเองได้เลย
แต่ถ้าใครที่ไม่อยากให้กระเป๋าของเรามากองแบบนี้ ก็ต้องเอาของมาน้อยๆ กระเป๋าเล็กๆ แล้วหิ้วขึ้นเรือได้เลย
ถึงภูเก็ต ไปยังไงต่อ
เมื่อเดินออกมาจากท่าเรือแล้ว จะมีคนมารุมล้อมเราแล้วถามว่า “ไปไหนพี่” “แท๊กซี่มั้ย” ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมเมืองไทยถึงไม่จัดระบบให้มีระเบียบซักที เช่น
รถสาธารณะ สายต่างๆ ไปที่ต่างๆ มีตารางเวลาบอก ใครอยากขึ้นแท๊กซี่ ตุ๊กตุ๊ก มอร์ไซค์ ก็ไปจุดขึ้น ไม่ต้องมารุมล้อมแบบนี้ ขอไม่พูดถึงวิดีนี้แล้วกันนะคะ เพราะมันง่ายแสนง่าย แค่มีเงิน แล้วเอ่ยปากบอกว่าจะไปไหน ก็แทบจะอุ้มขึ้นรถกันเลย
สำหรับคนที่มาแบบประหยัดแบบ GoNoGuide ที่ต้องการขึ้นรถสาธารณะ ก็จะมีรถโพถ้องสาย3 เข้ามาจอดในนี้ด้วย แต่….
- กรณีที่ขี้เกียจเดิน และไม่รีบร้อน ก็รอที่ป้ายสีชมพูดังรูปด้านล่าง ซึ่งจะมาเมื่อไหร่นั้นไม่มีใครบอกแน่ชัดได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคนขับ
จริงๆแล้วเขาบอกว่าจะมาทุกๆ 25 นาที แต่เขาให้เหตุผลว่า เข้ามาแล้วรถมันติด ยิ่งเวลาเรือลง คนเยอะ กว่าจะเข้า กว่าจะออก เสียเวลา เดี๋ยวไปไม่ตรงเวลา ฟังแล้วก็งงๆ ว่า อ้าวแล้วคนมาเยอะไม่ดีเหรอ แล้วไอ้คนตั้งเวลา 25 นาที ทำไมไม่บวกเวลาวกเข้ามาด้วย
เอาเป็นว่าอย่างงๆเลย นี่เมืองไทยนะจ๊ะ อิสระเสรี หยุดงง หยุดบ่น แล้วเดิน 1 กม. ไปหน้าปากซอยจ้า
- วิธีที่สองคือ เดินไปหน้าปากซอย แล้วรอรถโพถ้องสาย 3 ที่ต้องผ่านถนนใหญ่อยู่แล้ว ทุกๆ 25 นาที ตรงจุดนี้เราก็จะได้มาลุ้นกันว่าที่เราเดินมามันเสียแรงเปล่า หรือมันคุ้มค่ากันแน่ เพราะถ้ามันมาแล้วมันก็วกเข้าท่าเรือ ก็ถือว่าที่เราเดินมาคือฟรี แต่ถ้ามันไม่เข้าท่าเรือก็แสดงว่าเราเดินคุ้มแล้ว 555+
ไม่รู้ว่าแถว 1 2 3 4 5 คือเขียนทำไมนะ เพราะมันก็คือทุกๆ 25 นาทีอยู่แล้ว
ทันสมัยมั้ยล่ะ ถึงกับมีแอพติดตามรถด้วยนะว่าเมื่อไหร่จะมา ถึงไหนแล้ว แต่ก่อนจะมีแอพ ให้รถเข้าไปทุกป้ายให้ได้ก่อนมั้ย ขอให้เข้าท่าเรือทุกคันได้มั้ย
ค่าโดยสารราคาคนละ 15 บาท
และนี่คือโฉมหน้าของรถโพถ้อง รถเมล์ของภูเก็ต จังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ส่วนป้ายที่มาจอด ก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเซเว่น ซอยบขส.
พอลงซอยบขส.แล้ว เราก็ต้องเดินกันต่อไปยังจุดชมวิวที่มีลิงเยอะๆ
Monkey Hill Viewpoint
Monkey Hill Viewpoint หรือ จุดชมวิวเขาโต๊ะแซะ จะเป็นทั้งจุดชมวิว และเขาที่มีลิงมากมายออกมาวิ่งเล่นให้เราได้เชยชมกัน
เมื่อเดินมาถึงวงเวียนลูกตะกร้อ (ตั้งเอง แหะๆ) ตรงขึ้นไปก็จะเป็นทางขึ้นจุดชมวิวแล้ว
ก็ที่ป้ายทางขึ้นเขามีเขียนว่า อย่าให้อาหารลิงนอกจุดที่กำหนด (แต่ก็มีคนให้อาหารตลอดทาง) อย่าสัมผัสลิง ไอ้เราก็ไม่ได้อยากสัมผัสหรอกนะ แต่ถ้ามันอยากมาสัมผัสเราล่ะ เราก็ต้องมีอาวุธไว้ขู่มันใช่มั้ย
ลิงค่อนข้างตัวเล็ก ไม่น่ากลัวมาก แต่เนื่องจากจำนวนที่เยอะมาก มันเลยดูน่ากลัว
ระหว่างเดินก็ได้ยินไกด์เล่าให้ฝรั่งฟังว่า จริงๆแล้วลิงพวกนี้มันไม่มาสนใจอะไรเราหรอก ถ้าเราไม่มีอาหารน่ะ มันฉลาดพอที่จะแยกแยะได้ว่าอันไหนกินได้หรือไม่ได้
แต่การที่ไปให้อาหารมันก็ถือเป็นการทำร้ายมันทางอ้อมเหมือนกันนะ พอมันรู้ว่าถนนมีอาหาร มันก็ลงมานั่ง มานอน รถวิ่งมันก็ไม่หลบ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีลิงต้องตายกี่ตัวเพราะรถเฉี่ยว
จุดนี้เป็นจุดชมวิวจุดที่ 7 ที่มีลิงมากที่สุด จะเห็นวิวเมืองภูเก็ต แต่ก็ยังไม่ถึงกับพาโนรามา เพราะมีป้าย กับต้นไม้บังหมด
ถ้าเดินต่อขึ้นมาจากจุดที่7 จะเจอสถานีส่งสัญญาณของ ททบ5. ซึ่งเราก็สามารถเข้าไปได้ จะมีจุดชมวิวทางตะวันออกซึ่งเป็นวิวทะเล สวยไปอีกแบบด้วยค่ะ
เนื่องจากพวกเรามีเวลาเที่ยวเพียงแค่ 4 ชม. เท่านั้น เราจึงต้องทำเวลาซักหน่อย เพื่อจะไปขึ้นรถ airport bus ที่บขส. ให้ทันตอน 6 โมงเย็น
ระหว่างทางเดินกลับเจอร้านขายของฝากเขียนว่า Super cheap ก็เลยแวะดูซักหน่อย โอ้วโหว…ถูกจริงด้วย ราคาชาวบ้านซื้อได้เลย
ขากลับก็เหมือนกับขามา แต่แนะนำว่าให้ขึ้น airport bus รอบ 6 โมงเย็นดีกว่า เพราะรอบสุดท้ายตอน 1 ทุ่ม อาจจะเฉียดฉิวไปหน่อยสำหรับเที่ยวบิน 4 ทุ่ม เพราะต้องเผื่อเวลารถติดไว้ด้วยนะ
วิดีโอ เที่ยวเกาะพีพี วันที่4
ที่พักเกาะพีพี
ที่พักที่เกาะพีพี GoNoGuide เลือกพักที่ Kitty guesthouse เหตุผลก็แค่มันถูก และได้รับรีวิวคะแนนดี
สรุปค่าใช้จ่าย เที่ยวเกาะพีพี
- ค่าเครื่องบิน ไปกลับ 1,085 บ. / 2 คน
- ค่าเรือจากท่าเรือรัษฎา จ.ภูเก็ต ไป เกาะพีพี ไปกลับ 1,422 บ. / 2 คน
- ค่า airport bus จากสนามบินภเก็ต ไป ท่าเรือรัษฎา ไปกลับ 400 บ. / 2 คน
- ค่าที่พัก บนเกาะพีพี 3 คืน 2,400 บ. / 2 คน
- ค่าตุ๊กตุ๊ก จากบขส. ไปท่าเรือรัษฎา 150 บ. /2 คน
- ค่ารถโพถ้องจากท่าเรือรัษฎา ไปบขส. 30 บ. / 2 คน
- ค่ากิน 4 วัน 1,479 บ. / 2 คน
ค่าใช้จ่ายรวม 2 คน 6,966 บาท เฉลี่ย คนละ 3,483 บาท สำหรับ 4 วัน 3 คืน
วิธีเดินทาง เที่ยวเกาะพีพี
จากสนามบินภูเก็ตเข้าเมืองยังไง
- นั่ง airport bus 100 บาท ไปลง บขส.เก่า (สุดสาย)
จากบขส.เก่า ไปท่าเรือรัษฎายังไง
- ตุ๊กๆ 150 บ./คัน
- มอร์ไซค์ 80 บ./คัน
- โพถ้องสาย 3 15 บ./คน
จากท่าเรือรัษฎาไปเกาะพีพี ซื้อตั๋วที่ไหน
- จองจากเวป phuketferry รวมภาษีและค่าจอง ประมาณ 350 บาท
- ซื้อที่นั่นเลย อย่ายอมจ่ายเกิน 300 บาท
การเดินทางภายในเกาะพีพี
- ไม่มีรถรับจ้าง
- ไม่มีรถให้เช่า
- เดินอย่างเดียว
ถ้าจะไปหาดอื่นๆทำยังไง
- เหมาเรือ หรือแชร์กับคนอื่นๆ
สรุปความคุ้มค่า เที่ยวเกาะพีพี
- ถือว่าคุ้มค่าแล้วสำหรับ GoNoGuide
- อาจต้องยอมเหนื่อยเดินบ้าง เพื่อประหยัดค่ารถ แต่มันคือความสนุกอย่างหนึ่งที่ได้เห็นสิ่งรอบข้างอย่างละเอียด เพราะถ้าขึ้นรถมันก็สะดวกเร็วดี แต่เราก็จะเห็นเฉพาะจุดที่เราจะไป แต่ระหว่างทางก็ไม่ค่อยได้มอง
- การมาแบบไม่ได้ซื้อทัวร์ ไม่เหมาเรือ มันก็อาจจะมีข้อเสียตรงที่ ไม่ได้ไปเกาะชื่อดัง ไม่ได้ดำน้ำ มันก็ประหยัดดี ก็ต้องขึ้นกับแต่ละคนแล้วล่ะว่าชอบแบบไหน งบประมาณเท่าไหร่ ถ้าซื้อทัวร์ หรือเหมาเรือด้วย ก็อาจใช้งบเพิ่มวันละ 1500 บาทต่อคน
- สรุปว่าเที่ยวเกาะพีพี คุ้มค่ะ สวยมากๆ อยากให้มาชมกันค่ะ
เตรียมเสื้อผ้า เที่ยวเกาะพีพี
แผนที่ เที่ยวเกาะพีพี
eBook รีวิวเที่ยวเกาะพีพี
รวมรีวิวเที่ยวทั้งหมดของ GoNoGuide
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ