เที่ยวยุโรป SS1 D7 เที่ยว Nuremberg
วันนี้พวกเราจะออกจาก Bamberg ไปต่อกันที่ Nuremberg แล้วค้างกันที่นูเรมเบิร์ก 1 คืนค่ะ การเดินทางวันนี้ใช้ VGN TagesTicket Plus เช่นเดิมค่ะ
ความเดิมตอนที่แล้ว เที่ยวยุโรป SS1 D6 เที่ยว Bamberg
แบมเบิร์ก ไป นูเรมเบิร์ก
VGN TagesTickets หรือ VGN group day ticket ใช้เดินทางภายใน VGN area
ราคา 2 คน 18.7 ยูโร (entire area 10 โซน)
ดาวน์โหลดแผนที่ vgn http://www.vgn.de/en/maps
นั่งสาย R2 หรือ S1 จาก Bamberg ไป Nuremberg ตั๋ว VGN นี้ก็สามารถใช้ขึ้นรถไฟ หรือบัส ในเมืองนูเรมเบิร์กได้หมดค่ะ ตั๋วเดียวเที่ยวได้ทั้งวันเลย
จากโรงแรม ไป Kaiserburg
หลังจากเก็บของที่โรงแรมแล้ว ก็ขึ้นบัสสาย 36 ไปลงป้าย Burgstr แล้วก็เดินขึ้นไปทางเหนืออีกหน่อยก็ถึงทางเข้า Kaiserburg แล้วค่ะ
การเดินทางก็สามารถดูจากแผนที่ที่ให้โหลดที่ลิ้งค์ข้างบนได้ค่ะ
Kaiserburg คืออะไร
Kaiser = Emperor
Burg = City หรือ Town
Kaiserburg เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Imperial Castle of Nuremberg
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับ Emperor และประวัติต่างๆ รวมถึงสิ่งของ ชุดเกราะ อาวุธ
เป็นสถานที่ที่น่าสนใจมากๆ มีอะไรให้ดูเยอะ มีที่ให้เดินสำรวจก็เยอะ จนอยากแนะนำให้เผื่อเวลากับที่นี่ซัก 2-3 ชม. นะคะ
จะมีทั้งหมด 2 ส่วน ที่ต้องเสียค่าเข้าชมดังนี้ค่ะ (2016)
1. Palas with Double Chapel / Kaiserburg Museum: 5.50 Euro
2. Deep Well and Sinwell Tower: 3.50 Euro
แต่ถ้าจะเข้าทั้ง 2 แห่ง ก็จะมีตั๋วรวม ได้ลดราคาค่ะ
Combination ticket (Palas with Double Chapel / Deep Well / Sinwell Tower / Kaiserburg Museum) 7 Euro
ส่วนที่เข้าฟรีก็คือ
Castle Gardens and Maria Sibylla Merian Garden : admission free
สำหรับพวกเราใช้ตั๋ว 14-days ticket ราคา 2 คน 44 ยูโร สามารถใช้เข้าฟรีทุกส่วนค่ะ ซื้อไว้ตั้งแต่ Wurzburg
ภาพรวม Kaiserburg
Kaiserburg เป็นปราสาทของจักรพรรดิ (Imperial Castle) สร้างขึ้นสมัยยุคกลาง ที่มีความยิ่งใหญ่และสำคัญมากในสมัยนั้น
ถ้ายังไม่อินว่ามันสำคัญแค่ไหน ก็ลองนึกดูว่า Holy Roman Empire กินเนื้อที่เกือบทั้งยุโรปในปัจจุบัน
แล้วจักรพรรดิ(Emperor) ก็คือประมุขของจักรวรรดิทั้งหมด จักรพรรดิอาศัยอยู่ที่เมืองนี้(ช่วงหนึ่ง) แล้วทีนี้นึกออกหรือยังคะว่ามันเป็นสถานที่สำคัญขนาดไหน
Nuremberg ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 1050 เนินแห่งนี้ถือเป็นทำเลทองในการตั้งรกรากของราชวงศ์ Salian และ Hohenstaufen
จนต่อมากลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองมาก
หมดยุค Hohenstaufen
แต่เมื่อจบยุคของราชวงศ์ Hohenstaufen ในปี 1254 เมืองนี้ก็กลางเป็นเมืองอิสระ
ภายใน 2 ร้อยกว่าปีหลังจากนั้น ก็มีการเปลี่ยนผู้ครอบครองไปหลายมือ ถูกเผาบ้าง สร้างขึ้นใหม่บ้าง จนสุดท้ายก็ไปตกอยู่กับ Elector แห่ง Brandenburg
ปราสาทแห่งนี้เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของ Emperor ที่จักรพรรดิหลายๆพระองค์เคยมาประทับหลายต่อหลายครั้ง
แต่สุดท้ายก็ถูกลดความสำคัญลงไปตามกาลเวลา
Holy Roman Empire ล่มสลาย
หลังความล่มสลายของ Holy Roman Empire ในปี 1806 Nuremberg ก็ตกเป็นของอาณาจักรของบาวาเรีย
แต่ช่วงนั้นก็ยังมี King ปกครองอยู่ ก็ยังคงมีการต่อเติม ปรับปรุงอยู่เรื่อย
พอจบยุคของกษัตริย์ แต่ผู้นำในขณะนั้นก็ยังคงต้องการรักษาประวัติศาสตร์ ยังคงทำนุบำรุงอย่างดี
หลังสงครามโลกครั้งที่2
น่าเศร้าที่หลังจบสงครามโลกครั้งที่2 ทั้งเมืองถูกทำลายเกือบหมด แต่ที่น่าชื่นชมคือผู้นำเร่งสร้างเมืองรวมถึงปราสาทแห่งนี้ ให้กลับคืนมาสวยเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว และทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้มากมาย
สำหรับพิพิธภัณฑ์ที่เราเห็นอยู่ปัจจุบันนี้ ได้ทำขึั้นใหม่เมื่อปี 2013 นี้เอง ซึ่งทำออกมาได้ดีมากๆ
ทั้งอธิบายส่วนประกอบต่างๆ เรียงลำดับประวัติศาสตร์ เคยเป็นอะไรมาบ้าง รายละเอียดเยอะชนิดวันเดียวคงอ่านไม่หมด
และไม่ได้บอกแค่ประวัติของ Nuremberg อย่างเดียว ยังบอกถึงภาพรวม และรายละเอียดทั้งหมด ที่เกี่ยวกับ Holy Roman Empire
รับรองว่าเป็นแหล่งข้อมูลของนักประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุดแห่งนึงจริงๆค่ะ
ในส่วนนี้จะอธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับแต่ละห้องนะคะ จะได้เห็นภาพ และเตรียมความรู้ไว้เวลาเข้าไปจะได้ไม่เอ๋อแบบพวกเราค่ะ
ส่วนแรก Palas with Imperial Apartment and double chapel
พอแอดมินได้ยินคำว่า Palas ปุ๊บ บอกเลย “Palas คือไรวะ”
จารย์กู๋(google) กะ จารย์วิ(wiki) บอกว่า
คำว่า Palas มาจากภาษาลาตินตอนปลายว่า Palatium ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Imperial court
คำ Palas ใช้ในภาษาเยอรมัน จะแปลประมาณว่า “ความโอ่อ่า” “ความมีเกียรติ” ซึ่งใช้กับสิ่งก่อสร้างในยุคกลาง ซึ่งจะมีห้องโถงหลักใหญ่ๆ นั่นคือ Palas
จากรูปจะเห็นว่ามี 2 ชั้นนะคะ
ชั้น1
Knights’ Hall (เบอร์ 1)
ทางเข้าจะเริ่มเข้าที่หมายเลข 1 เป็นห้องที่ชื่อว่า Knights’ Hall
ห้องนี้เป็นห้องที่ Emperor ใช้รับแขก พบปะกับคนสำคัญ
เท่าที่เห็นไม่ได้ตกแต่งอะไรมากค่ะ ห้องโล่งๆ มีภาพที่ผนังจางๆ แต่ที่น่าสนใจคือ ดูวิวนอกหน้าต่าง (แหะๆ)
Double chapel (เบอร์2)
เป็นโบสถ์สองโบสถ์ที่ซ้อนกันอยู่ อันหนึ่งเป็น Imperial Chapel ซึ่งอยู่เหนือโบสถ์อีกอันหนึ่งคือ St. Margaret’s Chapel ตรงกลางจะมีช่องเปิดโล่ง เวลาทำพิธีก็เชื่อมถึงกันได้
เป็นโบสถ์ที่รอดพ้นจากสงครามโลกครั้งที่สองมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆที่เมือง Nuremberg ทั้งเมืองถูกถล่มซะย่อยยับ
แต่ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าชมได้เฉพาะ Imperial Chapel ซึ่งอยู่ด้านบน สำหรับ Margaret’s Chapel ซึ่งอยู่ด้านล่าง ไม่สามารถเข้าชมได้ค่ะ ได้แต่ชะโงกมองลงไปเท่านั้น
Imperial Hall (เบอร์3)
จาก Double chapel เดินขึ้นไปชั้น 2 ก็จะเป็น Imperial Hall สมัยก่อนใช้เป็นที่จัดงานเฉลิมฉลอง
ห้องนี้ เนื้อหาสาระจะเกี่ยวกับ Holy Roman Empire ทั้งหมด เช่น Emperor มีหน้าที่อะไร Emperor รักษาดินแดนและความสงบอย่างไร ทำอะไรบ้าง
เยอะอ่ะค่ะ ตรงนี้ อ่านทั้งวันจะจบมั้ยก็ไม่รู้ มีภาษาอังกฤษ คู่กับภาษาเยอรมัน นั่งเล่น นั่งจิ้ม ก็สนุกดีค่ะ
Emperor’s Living Room (เบอร์4)
ส่วนนี้เป็น Imperial Apartment ซึ่งถูกทำลายจากสงคราม แต่บางส่วนก็เหลือรอดมาได้บ้าง
Emperor’s Chamber (เบอร์5)
ช่วงสงครามโลก มีบางส่วน(เพดาน ; ทำไมต้องหลังคา ไม่เข้าใจ)ที่ถูกเก็บไว้ในที่ปลอดภัย พอจบสงครามก็เอากลับมาติดตั้งใหม่
Corner Chamber (เบอร์6)
เป็นห้องเล็กๆที่มีของมีค่าอย่าง มงกุฏ และภาพวาดเหตุการณ์สำคัญ
Insignia Corridor (เบอร์7)
เป็นทางเดินที่ไม่ได้มีบันทึกในประวัติศาสตร์ว่ามีไว้ทำอะไร แน่นอนว่าส่วนนี้ก็ถูกทำลายช่วงสงครามเช่นกัน แต่ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนเดิม
ตรงนี้จัดแสดงประวัติศาสตร์ช่วง Holy Roman Empire ล่มสลาย จนถึงสงครามโลกครั้งที่2
Bower (Imperial Castle Museum)
ดั้งเดิมสร้างขึ้นเมื่อปี 1220 ช่วงยุค Hohenstaufen แต่สองร้อยกว่าปีให้หลัง ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นอาคาร4ชั้น
ภายหลังปี 1999 ก็ได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ในการศึกยุคกลาง พวกชุดเกราะ ปืน หอก เทคนิคการสู้รบ ฯลฯ
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมากค่ะ มีของให้ดูเยอะจริงๆ บางอย่างก็ดูแปลกๆ ดูไม่ออกเลยว่ามันไว้ทำอะไร
ถือว่าส่วนนี้เป็นส่วนที่สนุกที่สุด ส่วนอื่นก็สนุกค่ะ แต่ส่วนนี้มันทำให้เราจดจำได้มากที่สุดค่ะ
ส่วนที่สอง จะอยู่ด้านนอกอาคารคือ Deep Well และ Sinwell Tower
Deep Well
ถูกจารึกไว้ประมาณปี 1563 เป็นอาคาร 2 ชั้น ดูภายนอกเหมือนกระต๊อบหินเล็กๆ
เป็นบ่อน้ำใช้เก็บน้ำ ดูเหมือนจะธรรมดานะ แต่จะขอบคุณมันก็ตอนที่เมืองโดนฆ่าศึกล้อมน่ะสิคะ เพราะมันลึกถึง 50 เมตร
ส่วนนี้จะต้องชมผ่านไกด์ทัวร์เท่านั้นค่ะ พวกเราดันประตูเข้าไปไม่ได้ แล้วก็ไม่มีเวลารอรอบทัวร์ ก็เลยพลาดไปค่ะ
Sinwell Tower
เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นประมาณศตวรรษที่ 13 ใช้สำหรับสังเกตุการณ์
คำว่า Sinwell แปลว่า extremely round คือ หอคอยแท่งสูงกล๊มกลม
ช่วงหลังๆก็ทำเป็นที่เก็บเอกสาร ข้อมูล และสมบัติ รวมถึงนักโทษด้วย
อาจจะด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง ก็เลยรอดพ้นจากการถูกทำลายช่วงสงครามโลกครั้งที่2 มาได้
ปีนขึ้นไปดูวิวข้างบนได้ค่ะ และมีจัดแสดงภาพก่อนและหลังถูกทำลายจากสงคราม ของปราสาท และเมือง เห็นแล้วน่าเศร้า และน่าทึ่งปนกัน จริงๆ เพราะ เมืองไหม้หมด แต่สร้างกลับมาเป็นแบบที่เห็นนี้ได้ยังไง
ส่วนที่สาม Castle garden
เป็นพื้นที่สวน สามารถเข้าชมฟรี
บริเวณปราสาท มีที่ให้เดินเยอะแยะไปหมด สวนด้านหลัง ระเบียงชมวิว เดินๆไปอาจหลงก็ได้นะคะ เพราะมันมีหลายทางให้เข้าๆออกได้
Nuremberg old town
พวกเราใช้เวลากับ Kaiserberg กันเกือบครึ่งวัน เวลาที่เหลือน้อยนิดนี้เราจะมาเดินเมืองเก่า Nuremberg old town กันให้มากที่สุดเท่าที่เวลาจะให้ได้เลยนะคะ
เดี๋ยวจะเขียนตามเส้นทางที่พวกเราเดินนะคะ ไม่ได้หมายความว่า จะให้ทุกคนจะต้องเดินตามนี้นะคะ แค่อยากให้เห็นภาพเฉยๆค่ะ อ่านแล้วจะได้เหมือนเดินไปด้วยกันนะคะ
ถ้าใครดูจากแผนที่ใน google maps จะเห็นว่า นูเร็มเบิร์ก เป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่มาก ในรูปด้านบน crop มาเฉพาะเขตเมืองเก่า ที่มีกำแพงเมืองเก่าล้อมรอบ
สังเกตุได้จากถนนที่ล้อมเป็นวงอยู่ด้านนอก มีพื้นที่เขียวๆเป็นขอบๆ ตรงนั้นคือ “กำแพงเมืองเก่า”
แต่กำแพงบางส่วน ก็ถูกทำลายจากสงคราม บางจุดก็เลยแหว่งๆ เปิดโล่งๆค่ะ
จุดสำคัญก็คือตรงใจกลางเมือง ที่มีแม่น้ำ pegnitz ไหลผ่าน และพื้นที่เหนือแม่น้ำ ที่มี city hall และโบสถ์ที่สำคัญ รวมถึง Kaiserburg ด้วย
จากแผนที่รูปด้านบน จะเห็นว่า ถ้าเดินจาก Kaiserburg ลงมาไม่เท่าไหร่ ก็จะถึงใจกลางเมืองแล้วใช่มั้ยคะ
แต่พวกเราอยากเดินไปดูส่วนอื่นๆก่อน โดยเดินอ้อมไปทางตะวันออก ผ่านโบสถ์ St. Egidien , Tucherschloss แล้วไปสุดที่สถานีรถไฟใต้ดิน Rathenauplatz
ใกล้ๆสถานีรถไฟใต้ดิน จะมีเสาใหญ่ๆเรียกว่า Laufer Torturm
เสาที่ว่านี้ ก็คือประตูทางเข้าเมืองในสมัยก่อน เป็นหอสังเกตุการณ์ มีหลายเสาค่ะ (น่าจะมากกว่า 4 เสา) แต่ปัจจุบันเหลืออยู่แค่ไม่กี่เสาแค่นั้นเอง(เท่าที่นับได้มี 3 เสา)
คำว่า Tor แปลว่า door หรือ ประตู
คำว่า Turm แปลว่า Tower หรือ หอคอย
ตอนแรกนึกว่าเขาให้ขึ้นไปได้ แต่ดูแล้วไม่มีทางเข้าด้วยซ้ำค่ะ
โบสถ์ St. Egidien สร้างขึ้นประมาณปี 1120-1130 เป็นโบสถ์ในนิกาย Benedictine ในสไตล์ baroque แต่ถูกทำลายช่วงสงครามโลกครั้งที่2
แต่เนื่องจากศิลปะดั้งเดิมภายในเสียหายเกือบหมด แล้วก็เป็นศิลปะที่หรูหรา ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงเกิดความติดขัดบ้างในช่วงแรกๆ
จากสถานีรถไฟใต้ดิน Rathenauplatz ไปลงสถานี Nuremberg Hbf
แล้วก็เปลี่ยนสายอีกที เพื่อไปลงสถานี Lorenzkirche เพื่อเดินขึ้นทางเหนือไปใจกลางเมืองเก่า
ประมาณว่ามี VGN ticket ก็เลยใช้ดะเลยว่างั้น แหะๆ..
จากนั้นก็เดินจากสถานี Lorenzkirche ข้ามสะพาน แล้ววนขึ้นด้านบน ย้อนกลับลงมา แล้วก็ไปจบทางตะวันตก ที่ป้ายรถบัส Hallertor
สถานที่สำคัญใน Nuremberg old town
ลานกว้างหน้าโบสถ์ Frauenkirche จะมีตลาดขายของที่ใหญ่มากค่ะ ผัก ผลไม้ เนื้อ ดอกไม้ ชีส แม้แต่ซูชิก็มีนะ
แต่เรื่องราคา แอดมินว่าไม่ได้ถูกเลยนะ แต่ถ้าเป็นอาหารตาล่ะก็ “ใช่เลยค่ะ” โดยเฉพาะดอกไม้ มันเยอะและสวยจริงๆ
Altes Rathaus (Old city hall) จะอยู่ใกล้ๆกับ Neues Rathaus (New city hall) และทั้งสองจะอยู่ด้านหลังโบสถ์ St. Sebaldus
St. Sebaldus church เป็นโบสถ์ยุคกลาง ที่เก่าแก่ที่สุดใน Nuremberg ตั้งแต่ศตวรรษที่8
แอดมินว่าใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นเลยด้วยนะ
Henkerhaus คือบ้านของ “เพชรฆาตประจำเมือง” Nuremberg ในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงประวัติ และไดอารี่ของ “เพชรฆาต” คนนั้น
หน้าบ้านจะมีสัญลักษณ์ขวาน กับถุงมือแขวนไว้ (ดูไม่น่ากลัวเลยค่ะ ตอนแรกนึกว่าบ้านช่างทำไม้)
จริงๆพวกเราตัดสินใจถูกค่ะ ที่เห็นว่าฝนตกก็เลยเข้าไป Kaiserburg ก่อน
ทีแรกไม่ได้จัดเวลาให้ Kaiserburg นานขนาดนี้นะคะ เพราะอยากเดินเมืองเก่ามากกว่า เห็นว่าเป็นเมืองใหญ่น่าจะต้องใช้เวลาเยอะ
แต่เนื่องจากครึ่งเช้า ฝนตกตลอดเลย ก็เลยคิดจะไปแค่หลบฝน แต่ไปๆมาๆ เกิดหลงเสน่ห์ Kaiserburg จนเหลือเวลาเดินเมืองเก่าแค่ไม่กี่ชั่วโมง
แต่พอมาเดินเมืองเก่า ฝนก็หยุดตก ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ช่างเป็นความโชคดีของเราแท้ๆ
เมืองเก่าของนูเร็มเบิร์ก ไม่เก่าอย่างที่คิดนะคะ สิ่งก่อนสร้าง ตึกรามบ้านช่องต่างๆ สลับกับสไตล์ทันสมัย
บางตึกนะสร้างซะโมเดิร์นมาก ซึ่งมันดันมาอยู่ท่ามกลางตึกสไตล์เก่า ดูแล้วมันก็เลยขัดหูขัดตาไปหน่อย
สรุปว่า เมืองเก่าที่ Nuremberg ไม่ค่อยกินใจพวกเราเท่าไหร่ค่ะ ดีนะที่มีพวกโบสถ์มาสร้างความประทับใจ ทำให้คะแนนตีตื้นขึ้นมาได้
ใจดีหรือมี hidden
แอดมินสงสัยจริงๆว่าคนอื่นเขาโดนแบบที่แอดมินโดนมั่งมั้ย หรือว่าหน้าตาเราดูโง่ๆ เอ๋อๆหรือเปล่า
ก็จากที่แฟรงค์เฟิร์ทก็โดนคนทำทีมาช่วย สุดท้ายก็มาขอเงิน มาที่ Nuremberg ก็เจออีกแล้ว แต่คนนี้ไม่ใจว่ามีจุดประสงค์อะไร
คือตอนนั้นกำลังเดินเล่นเรื่อยๆอยู่คนเดียว เพราะสามีเดินอยู่ห่างๆ(ห่างมาก) จู่ๆก็มีคนขี่จักรยานเข้ามาประชิดตัวแล้วก็ถามว่า
What are you looking for?
เราก็บอกว่า “No, I’m just looking around”
แต่เขาก็พูดต่ออีก ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร หมายความว่าอะไร
คือคนปกติจะไม่เข้ามาถามแบบนี้จริงมั้ยคะ และในเมื่อเราก็บอกไปแล้วว่า ไม่ได้หาอะไรแค่เดินเล่นเฉยๆ
แค่จับใจความได้ประมาณว่า อยากไปดู exhibition อะไรซักอย่างมั้ย เดี๋ยวเขาจะพาไป มันมีไอ้นู่นไอ้นี่อะไรไม่รู้
สุดท้ายเราปฏิเสธอย่างเดียวเลย (คืองงอ่ะ…พูดไรวะ)
แล้วเขาก็ “Okay, have a nice day.”
คือเราเป็นสาย defensive อ่ะ ไม่ไว้ใจใครทั้งนั่นแหละ เรื่องจะหามิตรภาพในต่างแดน คงจะยาก
แอดมินคิดว่าเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยวน่ะหาง่ายจะตาย ถ้าอยากหานะ เดินๆไม่กี่วินาทีก็หาได้ไม่ยาก
แต่ถามว่า จะหาไปทำไมล่ะคะ เพื่ออะไร ถ้าจะหานะ หาเพื่อนแท้ที่จริงใจทุกสถานการณ์ดีกว่าค่ะ
ไม่ได้บอกว่าห้ามพูด ห้ามคุย บึ้งตึง และต้องสร้างกำแพงกับทุกคน แต่ให้รักษาระยะห่าง และความปลอดภัยบ้าง
บ่นมากๆ ก็ชักจะรู้สึกเหมือนป้าเข้าไปทุกที จบดีก่า…
นอกจากที่จอดรถแบบเป็นตึกๆ หรือใต้ดินแล้ว พวกข้างทางทั้งหลายก็จอดได้ค่ะ แต่ไม่ได้จอดฟรีนะ
เขาคิด ชั่วโมงละ 2.5 euro แล้วก็จำกัดได้แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ
เห็นมีตำรวจเดินมาจดๆอะไรอยู่เรื่อยๆเลย ดังนั้นห้ามลักไก่เด็ดขาด
สรุป
1. ถ้าจะเดินให้ทั่วเมืองเก่าจริงๆ (คือเดินทั่วในเขตรอบกำแพงเลยนะ) คงต้องใช้เวลาทั้งวันค่ะ
2. แต่ถ้าเดินที่ใจกลางจริงๆก็แค่ 2 ชั่วโมง
3. ตรงสะพานข้ามแม่น้ำ เป็นจุดที่น่าเดินที่สุด ตรงที่มีเกาะกลาง เดินข้ามสะพานมันทุกสะพานเลยนะ วิวสวยมาก
4. เมืองเก่าของนูเร็มเบิร์กออกแนวผสมๆใหม่ๆเก่าๆ ไม่ค่อยมีเอกลักษณ์ แต่โดยรวมก็ถือว่าสวยค่ะ
5. อย่าลืมว่าเมืองนี้ก็โดนระเบิดลงทั้งเมืองนะคะ ที่เห็นนี่คือเขาช่วยกันสร้างขึ้นใหม่
6. รถไฟใต้ดินไม่ค่อยน่าเดินเท่าไหร่ ถ้าเลือกได้นั่งรถราง หรือรถเมล์ดีกว่าค่ะ สวยและได้ดูวิวด้วย
7. ชอบกลางๆนะสำหรับตัวเมืองเก่า แต่ที่ชอบมากกว่าก็คือ Kaiserberg มีอะไรใหดูเยอะแยะเลย
สรุปตั๋วที่ใช้เที่ยว Nuremberg
1. VGN group day ticket ราคา 2 คน 18.7 ยูโร
2. 14-day ticket ตั๋วเข้าปราสาท
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ