เที่ยวยุโรป Season1 Day14 เที่ยว Mittenwald & Garmisch
วันนี้พวกเราจะเดินทางออกจาก Innsbruck ไป Garmisch-Partenkirchen เพื่อฝากกระเป๋าไว้ก่อน แล้วก็ไปต่อกันที่ Mittenwald จากนั้นค่อยกลับมานอนค้างที่ Garmisch-Partenkirchen 1 คืนค่ะ
การเดินทางไป Garmisch-Partenkirchen , Mittenwald
รถไฟ (ปี 2016)
Munich <—> Garmisch 19 € ~2 ชม.
Garmisch <—> Mittenwald 4.5 € ~20 นาที
Mittenwald <—> Innsbruck 10.5 € ~1 ชม.
Garmisch <—> Innsbruck 15.2 € ~1.20 ชม.
(ราคาโดยประมาณนะคะ เพราะยังสงสัยอยู่ว่าทำไม Garmisch ไป Innsbruck ถึงแพงกว่า Garmisch ไป Mittenwald + Mittenwald ไป Innsbruck)
Bayern ticket : (ปี 2017 เพิ่ม 1 ยูโร)
ราคา 1 คน 23 ยูโร
2 คน 28 –> เฉลี่ย 14 ยูโร
3 คน 33 –> เฉลี่ย 11 ยูโร
4 คน 38 –> เฉลี่ย 9.5 ยูโร
5 คน 43 –> เฉลี่ย 8.6 ยูโร
(ตั๋วนี้คุ้มมากค่ะ ถ้ามา 2 คน ขึ้นไป)
อย่าลืมนะว่า Innsbruck อยู่ในออสเตรีย ดังนั้นใช้ Bayern ticket ไม่ได้นะคะ
Flixbus
Munich <—> Garmisch 6 € ~1.15 ชม.
Garmisch <—> Innsbruck 5 € ~1 ชม.
(เห็นใกล้ๆแบบนี้นะ แต่ภูเขามันเยอะค่ะ เลยต้องอ้อมลัดเลาะไกล แล้วยังต้องขับช้าด้วยค่ะ)
Munich <—> Innsbruck 8 € ~1 ชม.
สรุปทางเลือกที่คุ้มที่สุด
กรณีเดินทางจาก Munich ไป Garmisch/Mittenwald
ค้าง Garmisch แต่ ไม่ไป Mittenwald
เที่ยวคนเดียว => ใช้ Flixbus 6 ยูโร
เที่ยว 2 คนขึ้นไป => ใช้ Flixbus คนละ 6 ยูโร
ค้าง Munich แต่ ไม่ไป Mittenwald
เที่ยวคนเดียว => ใช้ Flixbus ไป-กลับ 12 ยูโร
เที่ยว 2 คน => ใช้ Flixbus ไป-กลับคนละ 12 ยูโร
เที่ยว 3 คนขึ้นไป => ใช้ Bayern ticket (เฉลี่ย 8.6-11 ยูโร)
ค้าง Garmisch และ อยากไป Mittenwald ด้วย
เที่ยวคนเดียว => ใช้ Flixbus 6 ยูโร + รถไฟไปกลับ Mittenwald 9 ยูโร = 15 ยูโร
เที่ยว 2 คนขึ้นไป => ใช้ Bayern ticket (เฉลี่ย 8.6-14 ยูโร)
ค้าง Munich และ อยากไป Mittenwald ด้วย
เที่ยวคนเดียว => ใช้ Flixbus ไปกลับ 12 ยูโร + รถไฟไปกลับ Mittenwald 9 ยูโร = 21 ยูโร
เที่ยว 2 คนขึ้นไป => ใช้ Bayern ticket (เฉลี่ย 8.6-14 ยูโร)
แนะนำ : ค้าง Garmisch ไป Mittenwald ด้วย
กรณีเดินทางจาก Innsbruck ไป Garmisch/Mittenwald
สรุปทางเลือกที่คุ้มที่สุด
เดินทางจาก Innsbruck ไป Garmisch
ค้าง Garmisch แต่ ไม่ไป Mittenwald
ไม่ว่าจะเที่ยวกี่คน => ใช้ Flixbus 5 ยูโร
ค้าง Innsbruck แต่ ไม่ไป Mittenwald
ไม่ว่าจะเที่ยวกี่คน => ใช้ Flixbus ไป-กลับ คนละ 10 ยูโร
ค้าง Garmisch และ อยากไป Mittenwald ด้วย
ไม่ว่าจะเที่ยวกี่คน => ใช้ Flixbus 5 ยูโร + รถไฟไปกลับ Mittenwald 9 ยูโร = 14 ยูโร
ค้าง Innsbruck และ อยากไป Mittenwald ด้วย
ไม่ว่าจะเที่ยวกี่คน => ใช้ Flixbus ไปกลับ 10 ยูโร + รถไฟไปกลับ 9 ยูโร รวมคนละ 19 ยูโร
ในกรณีที่อยู่ Garmisch อยู่แล้ว แต่จะไป Innsbruck ก็เหมือนกันนะคะ
สรุป ก่อนที่จะสับสนไปมากกว่านี้
– แอดมินอยากแนะนำให้ค้าง Garmisch ด้วยค่ะ เพราะเมืองนี้สวยมากๆ
– Mittenwald ก็สวยจริงๆ อยากให้ไปด้วยนะคะ แต่ไม่ต้องค้างหรอก แพง
– ถ้าจำเป็นต้องไป-กลับ Munich หรือ Innsbruck ก็เป็นไปได้ค่ะ ถ้ายอมเสียเวลาเดินทาง และรอรถนิดนึง และถ้าดูการเปรียบเทียบราคาด้านบนแล้ว จะเห็นว่า ราคามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมาก
– ฉะนั้นไม่ต้องไปคิดอะไรมากค่ะ ให้เลือกที่ๆเราอยากไป เพิ่มเงินนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกค่ะ
– แต่ที่สำคัญคือ อยากให้นึกถึงเรื่องเวลาที่สุด เพราะการมาเที่ยวที่ไกลๆแบบนี้ คงไม่ได้มาได้บ่อยๆ อย่าได้เสียเวลาไปกับการนั่งรถ เพียงเพื่อประหยัดค่าห้องเลยค่ะ
– สรุปคือ เวลา สำคัญกว่าราคานะคะ (แต่ถ้ามันแพงกระโดดโดยไม่จำเป็นก็เป็นอีกเรื่อง)
ทางเลือกของพวกเรา
พวกเราค้างที่ Innsbruck อยู่แล้ว ต้องการจะไปค้างที่ Garmisch แล้วก็ต้องการไป Mittenwald ด้วย
พวกเรามีทางเลือก 2 ทาง คือ Flixbus + Train หรือ Train อย่างเดียว
จากรูปจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ราคาพอๆกันค่ะ แต่ในสถานการณ์จริงไม่ได้คิดลึกขนาดนี้นะ
ถ้าเลือกนั่งรถไฟจาก Innsbruck ไป Mittenwald แล้วฝากกระเป๋าที่ล็อคเกอร์
ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าสถานีเล็กๆ จะมีล็อคเกอร์หรือเปล่าด้วย ก็เลยไม่ได้เลือกทางนี้ (แต่ก็มีนะ)
แล้วเที่ยวเสร็จก็ค่อยนั่งรถไฟจาก Mittenwald ไป Garmisch
แบบนี้ค่ารถรวมคนละ ~15.5 ยูโร
แต่ทางที่พวกเราเลือกก็คือ
นั่ง Flixbus จาก Innsbruck ไป Garmisch แล้วฝากกระเป๋าที่ล็อคเกอร์
โรงแรมอยู่ไกล ~1.6กม. เลยต้องฝากล็อคเกอร์ก่อน
จากนั้นก็นั่งรถไฟย้อนไป Mittenwald
พอเที่ยว Mittenwald เสร็จแล้ว ก็นั่งรถไฟกลับไป Garmisch เพื่อค้าง Garmisch 1 คืน
แบบนี้ค่ารถรวมคนละ 14 ยูโร
เห็นมั้ยคะ มันก็ไม่ได้ต่างกันมาก
แต่…พอมารีวิวแล้วทำให้นึกได้ว่า พวกเราน่าจะนั่งรถไฟจาก Innsbruck ไป Mittenwald
แล้วฝากกระเป๋าที่ Mittenwald เที่ยวเสร็จค่อยนั่งรถไฟไป Garmisch ดีกว่า ไม่เสียเวลาดีค่ะ
ไม่ต้องคิดมาก เราไปเที่ยวนะ
ไม่ว่าใครจะเลือกวิธีไหน ค้างที่ไหน ไปยังไง ก็ไม่ผิดอะไรมากหรอกค่ะ ให้เลือกตามอารมณ์ตอนนั้นไปได้เลย มันไม่ได้ต่างอะไรกันมากค่ะ
เนี่ยะ…แอดมินใช้เวลาตั้งนาน คิดแล้วก็ปวดหัว เพื่อที่จะสรุปได้ว่า ไปทางไหนก็ได้ ไม่ค่อยต่างกัน
แต่สถานที่ที่ไม่อยากให้พลาดก็คือ Garmisch , Mittenwald รวมถึงแถบใกล้เคียง เช่น Oberamagau และ Fussen ด้วยค่ะ บอกเลยว่าใครที่ได้มาแถบนี้ น่าจะต้องอยากกลับมาอีกแน่ๆค่ะ
เที่ยว Mittenwald
ในที่สุดพวกเราก็มาถึง Mittenwald เมืองที่ตอนแรกพวกเราไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมาก แค่อยากมาให้เห็นเฉยๆ แต่พอมาจริงแล้วกลับเป็นเมืองที่ชอบมากเป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียวค่ะ
ความสำคัญของเมือง Mittenwald
เป็นเมืองชายแดนทางใต้สุดของรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ติดกับออสเตรีย
เมืองนี้อยู่ในเส้นทางการเดินทางที่มีมาแต่โบราณ ทั้งกองทัพต่างๆ การค้า การเดินทางสู่ภูมิภาคอื่นๆ ฯลฯ และเป็นเส้นทางที่พาดผ่านภูเขา ที่หลายซับหลายซ้อนเหลือเกิน
มีแม่น้ำ Isar ไหลผ่าน ซึ่งถ้าใครดูรีวิว Munich ของเราแล้ว คงจำ Isartor ที่เป็นประตูเมืองที่สำคัญแห่งหนึ่งในมิวนิค ประตูนี้จะอยู่ใกล้แม่น้ำ Isar ซึ่งก็แปลว่า เส้นทางของแม่น้ำเป็นสายเดียวกัน การขนส่งในอดีตย่อมต้องมีการเดินทางถึงกันได้
แม่น้ำ Isar เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ใช้ขนส่งสินค้าจากอิตาลี ไปยังมิวนิคด้วยนะ
Mittenwald มีชื่อเสียงด้านการทำไวโอลินมาก ถึงกับมีพิพิธภัณฑ์ และเวิร์คช็อปเกี่ยวกับไวโอลินด้วยค่ะ
ทำไมถึงเลือกมา Mittenwald
สิ่งที่ทำให้พวกเราเลือกมาที่ Mittenwald ด้วย แม้ว่าจะต้องเสียค่ารถมากขึ้นเยอะก็ตาม แต่ใกล้ๆแค่นี้ แต่ค่ารถแพงชะมัด
คืออยากรู้ว่าที่นี่จะน่าสนใจอย่างที่เห็นในรูปมั้ย ทั้งธรรมชาติ ทั้งบ้านเรือน ดูแล้วอยากไปเดินเป็นตุ๊กตา เหมือนในหนังย้อนยุค
อีกอย่างมันก็อยู่ใกล้ Garmisch อยู่แล้ว ถ้าไม่ไปก็อาจกลับมาเสียดายทีหลัง
ไปถึงก็ยังไม่ได้คาดหวังอะไรมากนะคะ ยังจะให้เวลาแค่ 2 ชม. เท่านั้น คิดว่าจะรีบๆเดิน แล้วก็รีบๆกลับไป Garmisch
แต่เมื่อได้ไปเห็นกับตาจริงๆแล้ว ความน่ารักของเมือง ที่ทุกบ้าน ทุกสิ่งก่อสร้างมันกลมกลืน กลมกล่อม เข้ากันแบบ น้ำตาแทบไหล (อยากพูด “น้ำตาจิไหล” ได้อารมณ์กว่า)
บ้านเพนท์ลาย
พูดถึงบ้านเรือนแต่ละหลังภายในเมืองก่อนนะคะ
ปกติเราไปเมืองอื่นๆ ก็จะมีตึกสมัยใหม่ สี่เหลี่ยมธรรมดาๆ แทรกอยู่บ้างใช่มั้ยคะ
แต่ที่นี่ เค้าพร้อมใจกันอนุรักษ์แบบบ้านจริงๆ เป็นบ้านนอกที่เหนือความคาดหมายจริงๆค่ะ
มีการวาดลวดลาย ที่ “สวยมากๆๆๆ” สวยจริงๆ
ถ้าใครตามอ่านรีวิวของแอดมินแล้ว จะรู้ว่าไม่ได้พูดสวยพร่ำเพรื่อ สวยระดับไหนก็บอกตรงๆ ไม่ได้คิดลบ หรือโลกสวยเกินไป แต่นี่คือสวยจริงๆค่ะ มันไม่ได้สวยแค่หลังเดียว มันสวยทั้งเมืองอ่ะค่ะ
บางหลังเพนท์ลาย บางหลังไม่ได้เพนท์ก็จริง แต่มันไม่ได้สำคัญที่ต้องเพนท์ทุกหลังนะคะ
เคยอ่านมาเขาบอกว่า การวาดลวดลายบ้านก็เหมือนการแสดงฐานะของเจ้าของบ้าน
ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ บรรยากาศจะให้ความรู้สึกเหมือน ธีมพาร์ค สวนสนุก หรือดิสนีย์แลนด์
ทีไม่มีเครื่องเล่นน่ะค่ะ เหมือนเมืองจำลอง แต่นี่มันคือของจริง ไม่ต้องมีค่าบัตรผ่านประตูด้วยนะ (แต่ค่ารถมาแพงจริง)
วิวสุดยอด
เรื่องนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ค่ะ เพราะแอดมินประทับใจวิวทิวทัศน์มากกว่าตัวบ้านซะอีก
คิดว่าบ้านเมืองสวยมากๆแล้วนะ เรื่องวิวภูเขา และสิ่งแวดล้อม ยกให้เป็นสุดยอดความประทับใจเลยค่ะ
ภาพติดตาจนอยากให้คนอื่นๆมาได้เห็นเหมือนกัน
Low season
ตอนที่แอดมินไปเป็นเดือนเมษายน วันที่ 22 ก็เกือบปลายเดือนแล้ว แต่แทบจะไม่เจอคนเลยนะคะ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมี ร้านค้าก็เปิดนะคะ แต่ไม่รู้ขายใคร เคยดูในวิดีโอของคนอื่น หน้าท่องเที่ยวนี่พลุกพล่านคึกคักมาก
ก็แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหนนะคะ แต่สำหรับแอดมินชอบคนน้อยๆแบบนี้แหละดีแล้ว
สถานที่เที่ยว Mittenwald
จริงๆมีกระเช้าขึ้นไปบนเขาด้วยค่ะ แต่ตอนที่ไปเขายังปิดอยู่ พวกเราไม่ได้คิดขึ้นกระเช้าอยู่แล้ว แต่สถานที่เที่ยวอื่นๆก็ไม่ได้มีอะไรนะคะ มาที่นี่เน้นเดินเล่นรอบเมืองก็สนุกปลื้มปริ่มที่สุดแล้วค่ะ
จุดชมวิวจะอยู่บนเนินทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองนะคะ (ห้ามพลาดนะ) จะอยู่ที่เดียวกับที่ขึ้นกระเช้า (Kranzberg lift)
สรุป
ฟันธง มาเถอะค่ะ ถ้าชอบธรรมชาติ และบ้านเรือนแนวคันทรี
เมืองใกล้เคียงที่ไม่ควรพลาด
Innsbruck, Garmisch-Partenkirchen, Oberamergau, Fussen, Schwangau
เที่ยว Garmisch-Partenkirchen
ออกจาก Mittenwald พวกเรานั่งรถบัสต่อมายัง Garmisch-Partenkirchen ในช่วงเย็น ซึ่งก็คงได้แค่เดินเล่นนิดหน่อยด้วยความเหนื่อยล้า จากนั้นก็เข้าที่พักค่ะ
การเดินทางระหว่าง Garmisch กับ Mittenwald มีทั้งบัส และ รถไฟ แต่แนะนำให้ขึ้นรถไฟดีกว่าค่ะ เพราะถูกกว่า
ทำไมชื่อยาวจัง
เมืองนี้มีชื่อเต็มๆว่า Garmisch-Partenkirchen
ใครนะช่างตั้งให้ยาวแสนยาว(แต่ยังไงก็สู้กรุงเทพฯไม่ได้ ฮ่าๆๆ)
คือเดิมที บริเวณนี้มีเมืองเล็กๆ สองเมืองติดกัน ก็คือเมือง Garmisch และเมือง Partenkirchen
แต่เนื่องจาก Adolf Hitler จะให้เมือง Garmisch เป็นเมืองจัดโอลิปิกฤดูหนาว
แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากที่ประชุมโอลิมปิก เพราะโรงแรม และที่รองรับผู้คนไม่มากพอ
ฮิตเลอร์ก็เลยควบเมือง Partenkirchen (เมืองข้างๆ) เข้ามารวมกับ Garmisch
ทำให้เป็นเมืองเดียวกัน เลยได้ชื่อว่า Garmisch-Partenkirchen อย่างทุกวันนี้
สุดท้าย Garmisch-Partenkirchen ก็ได้เป็นเจ้าภาพในการจัด Winter Olympic ในปี 1936
ในปีเดียวกันก็ได้เป็นเจ้าภาพจัด Summer Olympic ที่ Berlin อีกด้วย
และมีการลงมติได้เจ้าภาพจัดโอลิมปิกครั้งถัดไปก็คือ ญี่ปุ่น ในปี 1940
แต่ถูกยกเลิกไป เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ปี 1939-1945 นั่นเองค่ะ
Garmisch-Partenkirchen เคยเป็นที่ถ่ายทำหนังดังด้วยนะ
ถ้าอยากอินกับ Garmisch-Partenkirchen ให้มากขึ้น แนะนำให้หาหนังเรื่องนึงมาดูค่ะ
ชื่อว่า Eddie the Eagle
เป็นหนังปี 2016 เรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่ม British ที่มีความฝันตั้งแต่เด็ก ที่อยากลงแข่งโอลิมปิก
จะเป็นกีฬาอะไรก็ได้ ขอให้ได้ไปโอลิมปิก แม้ว่าจะเคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพอยู่แล้วก็ตาม
สุดท้ายก็ติดทีมชาติอังกฤษ ประเภท ski jumping และทำลายสถิติโลกซะด้วย
เรื่องนี้สนุก ตลก และได้แรงบันดาลใจอย่างมาก เพราะมันสร้างมาจากเรื่องจริง
แถมยังมี Hugh Jackman (แต่แอดมินเรียก Wolverine ตลอดเลย) แสดงร่วมด้วยนะ
แต่ที่มันเกี่ยวกับ Garmisch-Partenkirchen ก็เพราะว่า
โอลิมปิกครั้งนั้น ก็คือ โอลิมปิกที่จัดขึ้นที่ Garmisch-Partenkirchen ไงคะ
เราจะได้เห็น…ลานสกี ก็หนังเกี่ยวกับสกีนี่นะ ไม่มีฉากเมืองหรอกค่ะ แหะๆ
สถานที่เที่ยวเด่นๆใน Garmisch-Partenkirchen
เมืองนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องการเล่นสกี และปีนเขามากนะคะ ใครชอบแนวนั้นเรียนเชิญนะคะ
แต่พวกเราไม่ใช่สายนั้นเลยค่ะ พวกเราสายทัวร์คนแก่เดินชมเมือง ฮ่าๆๆ
จริงๆที่นี่มีที่เด่นๆอีกหลายจุดนะคะ แต่ล้วนแล้วแต่อยู่นอกเมืองทั้งนั้น เช่น
Zugspitze
ขึ้นกระเช้าไปกลับ 52 euro ยังต้องมีค่ารถจากในเมืองไปอีกนะ อันนี้เป็นเทือกเขาที่เขาว่าสูงที่สุดในยุโรปแล้วนะคะ พีคมาก อยากลอง แต่แพง และกลัวหนาวค่ะ
Eibsee Lake
นั่ง bus ไปประมาณ30 นาที ค่ารถไป-กลับ ประมาณ 6-8 euro อันนี้ก็น่าไปมากๆค่ะ ถ้าอยู่หลายคืนก็น่าลองค่ะ แต่พวกเราอยู่แค่คืนเดียว เวลาไม่พอแล้วค่ะ
Partnach Gorge
ทางเดินในหุบเขา มีน้ำตก น่าไปมากค่ะ สวยมาก แต่ไปไกล ควรจัดเวลาให้ทั้งวัน และต้องซื้อทัวร์ ค่อนข้างแพง
Wankbahn
กระเช้าขึ้นเขา ขึ้น-ลง 16 euro อยู่ใกล้เมืองมาก เป็นสถานที่แนะนำที่อยากให้ไปมากๆค่ะ เพราะแอดมินมีเวลาให้ที่นี่น้อยมาก เลยไม่ได้ไป เสียดายมากค่ะ ไปเผื่อแอดมินด้วยนะ
แล้วแอดมินมาทำอะไรใน Garmisch-Partenkirchen
เออนั่นดิ…. เรามาทำอะไรหว่า สกีก็ไม่ได้เล่น กระเช้าก็ไม่ได้ขึ้น เขาก็ไม่ได้ปีน
อย่างที่บอกน่ะค่ะว่า เราทัวร์คนแก่ แค่เดินเล่นในเมืองอย่างเดียวก็พอใจแล้วค่ะ
รวมถึงเราให้เวลาที่ Mittenwald มากกว่า (ชอบมากกว่า) กว่าจะถึง Garmisch-Partenkirchen ก็เย็นแล้วค่ะ
แถมมีเงินแค่อยู่ได้คืนเดียว ก็คงต้องจำใจจากล่ะค่ะ
สรุปคือ มาเดินเล่นดูเมืองค่ะ
ถ้ามีเวลาทั้งวันจะทำอะไรใน Garmisch-Partenkirchen
ที่แนะนำหลักๆก็คือ เดินเล่นทั้งสองฝั่งค่ะ
ถ้าดูจากแผนที่ ฝั่ง Garmisch จะอยู่ฝั่งตะวันตก จะมีตัวเมือง โบสถ์
ใช้เวลาน่าจะไม่เกิน 1 ชม. ถ้าตั้งหน้าเดิน ไม่แวะกิน ก็คงหมดแล้วค่ะ
ส่วนฝั่ง Partenkirchen จะอยู่ฝั่งตะวันออก ก็มีตัวเมือง และโบสถ์ เช่นกัน
ใช้เวลาน่าจะมากกว่า 1 ชม. หน่อยๆ
ส่วนตัวชอบ Partenkirchen มากกว่าค่ะ ดูเป็นบ้าน ที่อยู่คนจริงๆมากกว่า
แต่ Garmisch จะออกแนวทันสมัย แบรนด์เนม โรงแรม ขายของ
ส่วนบ้านจะมีลวดลายเพ้นท์รูปสวยงามเหมือนกันค่ะ
สรุปแล้วเดินสำรวจทั้งสองฝั่งนะคะ ใช้เวลา 2 – 3 ชม.
จบแล้วก็ไป Wankbahn หรือ Zugspitze หรือ Eibsee Lake
เลือกได้ที่ใดที่หนึ่งนะคะ จะสลับไปตอนเช้าก็ดีนะ กลับมาค่อยเดินเมืองก็ได้
ส่วน Partnach Gorge อาจต้องใช้เวลานานทั้งวัน กลับมาถึงเย็น
แล้วแต่จะให้เวลาส่วนไหนมากกว่ากันนะคะ
Guest Card
ถ้าได้มาพักที่โรงแรมในแถบ Oberbayern อย่าลืมขอ Guest Card นะคะ
ไม่แน่ใจว่าทุกโรงแรมหรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่จะมีค่ะ
Guest Card หรือ Visiter’ card เป็นการ์ดที่ทางโรงแรมจะออกให้เรา
เอาไว้ใช้ขึ้นบัสฟรี ในเขตเมืองนั้นๆ (ใช้ภายในเมือง)
แต่คนที่จะใช้คุ้มก็คือ มาเช็คอินโรงแรมแต่เช้า ขอ Guest card แล้วขึ้นรถบัสไปนู่นนี่ แล้วกลับมาโรงแรม
อย่าลืมว่าตอนมาโรงแรม เราต้องจ่ายเงินค่าบัสเองนะ(ก็ยังไม่มีการ์ดนี่นะ)
สำหรับพวกเรา ใช้ขึ้นบัสฟรีแค่ครั้งเดียวค่ะ คือตอนขาออกจากโรงแรม เพราะขามาก็เย็นแล้ว จ่ายค่าบัสขามาเอง แล้วก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก
พอรุ่งขึ้นก็เช็คเอาท์แล้ว แต่ก็ยังใช้ Guest card ขึ้นบัสฟรีนะคะ
ขึ้นบัสไป Garmisch-Partenkirchen bahnhof (ประหยัดไป 3.6 ยูโร)
แต่ Guest Card ใช้ได้แค่ในเมืองนะ ไป Mittenwald ไม่ได้นะ
สรุปความประทับใจ
1. ชอบทั้งสองเมืองเลยค่ะทั้ง Mittenwald และ Garmisch-Partenkirchen แต่ถ้าให้เลือกได้ที่เดียว ส่วนตัวชอบ Mittenwald มากกว่า แถมมีวิวภูเขา วิวแม่น้ำด้วยค่ะ ดูเป็นคันทรีมากกว่า ส่วน Garmisch P. ดูผู้คนพลุกพล่านมากกว่า
2. แต่ค่าโรงแรมที่ Garmisch ถูกกว่านะ
3. ถามว่าคุ้มมั้ยที่มา แนะนำให้มามั้ย ถึงจะไม่ได้ขึ้นกระเช้า ขึ้นเขา แค่เดินในเมืองอย่างเดียว ก็คุ้มแล้วค่ะ ยิ่งถ้าชอบแนวถ่ายรูป คันทรี เมืองเล็กๆ ยิ่งแนะนำเลยค่ะ
4. ถ้ามีงบพอ มีเวลาพอ ก็เลือกไป Zugspitze , Lake Eibsee , Partnach Gorge , Wankbahn ซักที่สิคะ
สรุปตั๋วเดินทางที่ใช้วันนี้ (ราคาปี 2016)
1. Flixbus จาก Innsbruck ไป Garmisch 5 ยูโร
2. รถไฟ จาก Garmisch ไป Mittenwald 4.5 ยูโร
3. บัส 9608 จาก Mittenwald ไป Garmisch 5.3 ยูโร
4. บัสจากสถานีรถไฟ Garmisch ไปโรงแรม 1.9 ยูโร
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ