รีวิว เที่ยวยุโรป Season 1 day1-2 Frankfurt
(เยอรมัน-ออสเตรีย-สโลวักเกีย-ฮังการี)
การเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการไปเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง เข้าใจใช่มั้ยคะ ว่ามันตื่นเต้นผสมกลัวขนาดไหน
วันที่1
เที่ยวบินขาไป ต่อเครื่อง 3 ต่อคือ
ต่อแรก : กรุงเทพฯ – กัวลาลัมเปอร์ (แอร์เอเซีย)
(อันนี้เราจองแยกเอง ต้องรับกระเป๋า ผ่านตม.ตามปกตินะ ไม่ใช่ Transit แล้วเครื่องมาลง KLIA2 ต้องนั่งรถไฟ KLIA Transit หรือ KLIA Ekspres ก็ได้ ราคาเท่ากัน 2 RM เพื่อไปลงKLIA ซึ่งเป็นป้ายถัดไปเองอ่ะ เทอร์มินอลนี้มี Junkle Broadwalk ด้วยนะ แต่วันนั้นมันปิด)
ต่อที่สอง : กัวลาลัมเปอร์ – อิสตันบูล (Turkish Airline)
ต่อที่สาม : อิสตันบูล – แฟรงเฟิร์ท (Turkish Airline)
(ต่อเครื่องที่อิสตันบูล เป็น Transit ไม่ต้องรับกระเป๋า ไม่ได้ผ่านตม. เดินตามป้าย Transfer Gate ไปเลยค่ะ จากนั้นก็เข้าช่องที่เขียนว่า International Flight Transfer)
ด้วยระยะเวลาตั้งแต่ออกจากบ้าน จนไปถึงแฟรงเฟิร์ท คือ…30 ชั่วโมง ที่ไม่ได้นอนอย่างเต็มอิ่ม แต่ด้วยความตื่นเต้น ก็นอนไม่หลับอยู่ดี 555+
วันที่2
ถึงสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท
ตอนผ่านตม. รู้สึกใจนี่ตื่นเต้นมาก เพราะได้ข่าวว่าตม.เยอรมันโหดนักหนา แต่พอเห็นหน้าปุ๊บ ตื่นเต้นกว่าเดิมอีก ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะ “หล่อมว๊ากกก” แล้วก็ทำหน้า “ดุมว๊ากกก” เช่นกัน (ไม่ควรถ่ายภาพตม.ทุกประเทศนะ)
ตม.เยอรมันถามอะไรบ้าง
เขาทำหน้าแบบครุ่นคิด ขมวดคิ้ว (คิดในใจว่า เอาแล้วไง) ตั้งท่าคิดอยู่นาน ดูพาสปอร์ต พลิกหน้านั้นหน้านี้อยู่สักพัก
แล้วก็ถามว่า “มีใบจองตั๋วเครื่องบินขากลับมั้ย” โอ้ว…ไม่มีปัญหา มีอยู่แล้วค่ะ
“เขาถามอีกว่าจะไปไหนบ้าง” พวกเราก็หยิบ Itinerary ที่เราพิมพ์เตรียมไว้ให้ไปค่ะ
จากนั้นก็ถามต่อว่า “ได้จองที่พักไว้หรือยัง” (แน่นอน…มีอยู่แล้วสิคะ เอาไปเลย)
เขาก็บอกว่า “มาจากไทยแลนด์หรอ เมืองอะไร” เราก็บอกว่า แบ๊งค๊อก
เขาก็พูดอะไรไม่รู้ฟังไม่ทัน แต่เหมือนพูดล้อเล่น งงค่ะ ทำหน้าดุ แต่พูดเล่น พึมพำๆอะไรไม่รู้
แล้วก็ปิดพาสปอร์ต แล้ววางซะดังสนั่นหวั่นไหว …ตกใจสิคะ ถ้าเป็นคนไทยทำแบบนี้ มีต่อยกันแล้วนะ เขาก็พึมพำๆของเขาต่อ ยังทำหน้าดุอยู่นะ(แต่หล่ออ่ะ) แล้วก็ยังเหมือนพูดล้อเล่นด้วยนะ และแล้วก็โบกมือ แล้วกล่าวว่า “Go….”
เออ…เรารอคำนี้คำเดียวแหละ คำอื่นฟังไม่ออกช่างหัวมัน
จากสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท เข้าเมือง
วิธีเดินทางจากสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท เข้าไปในตัวเมือง คือ นั่ง S-bahn สาย S8 หรือ S9 ไปถึง Frankfurt Hbf เลย (ที่มันเหมือนหัวลำโพงอ่ะ)
ราคาตั๋วเดินทางในแฟรงค์เฟิร์ท (ราคาปี 2016)
ตั๋ววัน
แบบ 2-5 คน
–> สนามบินเข้าเมือง + เดินทางในเมือง ราคา 15.8 ยูโร
–> เดินทางในเมืองอย่างเดียว 11 ยูโร
แบบคนเดียว
–> สนามบินเข้าเมือง + เดินทางในเมือง ราคา 9.1 ยูโร
–> เดินทางในเมืองอย่างเดียว 7 ยูโร
ตั๋วเที่ยวเดียว
–> สนามบินเข้าเมือง + เดินทางในเมือง ราคา 4.65 ยูโร
–> เดินทางในเมืองอย่างเดียว 2.8 ยูโร
ถึงแย้ววว…แฟรงค์เฟิร์ท ฮับท-บาน-โหฟ
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อมาถึงคือ หัดพูดคำว่า Hauptbahnhof อ่านว่า ฮับท-บาน-โหฟ
ล้อเล่น….ก็ต้องหาโรงแรมเพื่อเก็บกระเป๋าสิคะ
แต่เนื่องจากโรงแรมที่เราจองไว้คือ easyHotel Frankfurt ไม่มีรับฝากกระเป๋า มีแต่ล็อคเกอร์หยอดเหรียญ ต้องรอเช็คอินตอนบ่ายสาม พวกเราก็เลยต้องลากกระเป๋าเที่ยวกันแป๊บนึง (ตอนนั้นเกือบบ่ายแล้ว)
Frankfurt am Main
ชื่อเมืองแฟรงค์เฟิร์ทในเยอรมัน มี 2 ที่นะคะ ที่ยอดฮิตที่สุดคือ Frankfurt am Main (เหนือแม่น้ำไมน์) อีกที่นึงอยู่ใกล้ๆเบอร์ลินชื่อ Frankfurt (Oder) (แม่น้ำชื่อโอเดอร์)
แฟรงค์เฟิร์ทเป็นเมืองที่มีคนอาศัยเยอะมากเลยค่ะ ตั้ง 5.5 ล้านคน แต่เป็นต่างชาติไป 7.1 แสนคนแล้ว คิดเป็น 28 % …แน่ะ!
มีคนชอบแซวว่าแฟรงค์เฟิร์ทเป็นเมือง Bankfurt เพราะมันมีธนาคารเยอะที่สุดนั่นเอง
หลงทิศ
การเดินทางในเยอรมันไม่ยากเลยค่ะ แต่มันมายากก็ตรงที่ต้องปรับทิศทางกันใหม่ ปกติเวลาเราจะดูรถเมล์ เราก็จะหันขวาใช่ป่ะ แต่พอมาที่นี่ อ้าว…เขาแล่นเลนขวา นี่หว่า ลืมไป
มายุโรปเราต้องหันซ้ายสินะ เพราะรถมันจะแล่นมาทางซ้าย แต่พวกเราเผลอหันขวาตลอด เอ๊…ไม่เห็นมาซักที อ้าว…มาทางซ้ายนี่หว่า
หรือรอรถ ก็รอผิดฝั่งบ่อยๆ “อ้าว…ทำไมรถหันไปทางนี้” “ผิดๆ…ต้องไปอีกฝั่งเฟ้ย”
Romerberg
สถานที่แรกที่พวกเราไปคือ Romerberg พอลงรถรางมาปุ๊บ ก็จะเห็น Romerberg ได้จากตรงนั้นเลยนะคะ
ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นลานกว้าง (Platz) ร้านค้า ร้านขนมปัง ร้านเบียร์ และ Paulskirche (โบสถ์เซนต์ปอล)
ต้องเห็นใจเมืองนี้นะคะ เพราะถูกถล่มเรียบกว่า 90% จากสงครามโลกครั้งที่2 และ Romerberg ที่เราเห็นอยู่นี้ ก็เป็นการสร้างขึ้นใหม่หลังสงครามนั่นเองค่ะ
ทำความรู้จักกับ Romerberg
Romerberg ถ้าแปลแยกกันก็คือ
Romer = Roman
Berg = Mountain
รวมกันเป็น “Roman Mountain”
Romerberg ถือว่าเป็นหัวใจของเมืองแฟรงค์เฟิร์ตตั้งแต่ยุค High Middle Ages หรือ High Medival Period (เป็นยุคระหว่าง ค.ศ.1001-1300)
บ้านแต่ละหลัง ก็จะมีชื่อเป็นของตัวเองด้วยนะคะ อย่างบ้านตรงหัวมุมมีชื่อว่า “Grosser Engel” ซึ่งเป็นบ้านที่เป็น “ธนาคารแห่งแรก” ของแฟรงค์เฟิร์ทด้วยค่ะ
โบสถ์ที่สำคัญ รอบๆ Romerberg
Alte Nikolaikirche (Old St. Nicholas Church)
โบสถ์เซนต์นิโคลัส เป็นโบสถ์นิกายลูเทอรันยุคกลาง สมัยศตวรรษที่15 โบสถ์นี้มหัศจรรย์อยู่อย่างคือ ตัวโบสถ์ถูกทำลายจากสงครามไปแค่ผิวๆเท่านั้น ทั้งๆที่อยู่ติดกับ Romer ซึ่งถูกระเบิดทำลายไปเกือบหมด ทำให้โบสถ์หลังนี้เป็นของดั้งเดิม ไม่ได้สร้างขึ้นใหม่เหมือนกับบ้านต่างๆบริเวณ Romer “ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ”
Dom St.Bartholomaus (Cathedral of St.Bartholomew)
โบสถ์หลังนี้ถือว่าเป็นโบสถ์ประจำเมืองแฟรงค์เฟิร์ท เรียกว่า “Imperial Cathedral” (ภาษาเยอรมัน = Kaiserdom) เป็นสถานที่ที่เคยใช้ในการแต่งตั้งกษัตริย์ และจักรพรรดิ์มาก่อน
โบสถ์นี้ถูกทำลายตอนสงครามโลกครั้งที่2 ที่เห็นอยู่ปัจจุบันนี้ก็คือโบสถ์ที่สร้างขึ้นใหม่เมื่อค.ศ.1948
ภายในโบสถ์มี Cathedral museum และหอสูงๆ (Domturm ; Cathedral Tower) ขึ้นไปชมวิวด้านบนได้นะคะ 4 euro
เห็นชัดๆเลยว่าโบสถ์ไหนศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน 555+ (ล้อเล่นจ้าา…)
สรุปความประทับใจเที่ยว Romer โบสถ์ และบริเวณรอบๆ
1. ด้วยความที่พวกเรามีกระเป๋าลาก(20นิ้ว) เดินเที่ยวก็คงไม่คล่องนัก เวลาจะไปไหนก็จะวางกระเป๋าไว้ใกล้ๆ ระยะพอมองเห็น แล้วก็เดินเล่น เปลี่ยนจุด ก็วางอีก ก็เลยอาจทำให้เดินเที่ยวไม่สนุกเท่าไหร่
2. ถ้าถามว่าควรมามั้ย – แน่นอนว่าต้องมาสิคะ (ถ้ายังไม่เคยมา)
3. จริงๆใช้เวลากับที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็น่าจะเดินหมดแล้วนะคะ (ไม่รวมเดินข้ามสะพานนะ นับเฉพาะรอบๆ Romer)
4. โบสถ์ทุกที่เข้าได้ ไม่เสียเงิน แต่เห็นมีตู้รับบริจาค ตามศรัทธา ควรสำรวม เงียบ มีมารยาท ห้ามถ่ายรูปขณะมีพิธี
5. ภายในโบสถ์ทุกโบสถ์ สวยมาก สวยทุกที่ ภายนอกก็แล้วแต่ที่ บางที่สวย บางที่เรียบๆ ดูภายนอกไกลๆสวยกว่า พอมาดูใกล้ๆไม่ค่อยสวย
6. บริเวณรอบๆ เป็นตึกสมัยใหม่ ไม่มีเขตเมืองเก่าที่ชัดเจน (Romer น่าจะดูเก่าสุดแล้วนะ มีอยู่ไม่กี่ตึกเองด้วย)
7. สรุป ให้คะแนนความประทับใจ 6/10
Hauptwache
คำว่า Hauptwache ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ “Main Guard” เพราะสมัยก่อน ช่วงที่แฟรงค์เฟิร์ทเป็นรัฐอิสระ ประมาณ ค.ศ.1730 ตึกนี้ได้เป็นที่ทำการของกองทหารอาสาสมัครนั่นเอง
หลังจากได้เวลาเช็คอินโรงแรมแล้ว ก็ไปเก็บกระเป๋า แล้วออกเที่ยวต่อที่ Hauptwache ทีแรกเข้าใจว่าตึกใหญ่ๆ สีน้ำตาล ทีมีหอนาฬิกาใหญ่ คือ Hauptwache แต่จริงๆแล้ว Hauptwache คืออาคารข้างๆ ที่ตอนนี้กลายเป็นร้านอาหารมาตั้งแต่ ค.ศ.1905 แล้วค่ะ โดยใช้ชื่อว่า “Cafe Hauptwache”
ส่วนอาคารที่เด่นที่สุด ที่มีหอนาฬิกา นั่นก็คือ “St.Katharinenkirche” เป็นโบสถ์นั่นเองค่ะ
เดินเที่ยวจนถึงเกือบ1ทุ่มแล้ว แต่ท้องฟ้ายังมีแดดเหมือน 4 โมงเย็นบ้านเราเลย
สรุป ความประทับใจ Hauptwache
1. เดินได้ 2 ชม.เอง หนักไปทางซื้อของกินในซุปเปอร์มาเก็ตมากกว่า
2. เป็นย่านการค้า ของแบรนด์เนม เป็นตึกแบบสมัยใหม่
3. ถ้ามีเวลา ก็มาแวะดูซักหน่อยค่ะ ย่านนี้นักท่องเที่ยวเยอะ คนเยอะมาก
7. สรุป ให้คะแนนความประทับใจ 6/10
สรุปตั๋วที่ใช้เที่ยว Frankfurt
- Frankfurt Group Day-Ticket 15.8 euro (2 คน)
ข้อมูลเที่ยวแฟรงค์เฟิร์ท
- ดาวน์โหลดแผนที่รถไฟแฟรงค์เฟิร์ท http://www.rmv.de/en
- วางแผนเที่ยว Frankfurt
อ่านต่อ เที่ยวยุโรป SS1 D3 Heidelberg
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ