เก้าอี้หนีบ ที่สนามบินฮาเนดะ
เหตุการณ์ที่ควรระวัง!!! ณ สนามบินฮาเนดะ…
“เดี๋ยวขอหยิบปากกามาจดบัญชีก่อน”…..”อ๊ะ..ปากกาล่วง”
ด้วยวิญญาณสุภาพบุรุษเข้าสิงสามี เขาจึงเอื้อมมือผ่านช่องแคบของเก้าอี้ไปหยิบปากกา
แต่ปรากฏว่าเอื้อมไม่ถึงค่ะ เลยต้องยื่นไปสุดแขน เหยียดนิ้วชี้กับนิ้วกลาง เพื่อคีบปากกาด้ามนั้นขึ้นมา
จริงๆก็แค่ก้มลงหยิบใต้เก้าอี้ก็จบกันแล้ว…
แต่ด้วยความขี้เกียจลุก นึกว่าแขนยาวเป็นแม่นาค เลยเอื้อมไปด้านหลังแทน แขนเข้าไปในระหว่างช่องแคบของเก้าอี้
ใช้นิ้วสองนิ้วเหมือนตะเกียบ คีบแตะถึงปากกาได้ “อ่ะ…ถึงแระ”
แต่ทว่า…!!!
ขณะที่กำลังดึงแขนกลับมา สามีค้างท่านั้นอยู่ แล้วก็บอกว่า
“ฮึ๊ย…ดึงไม่ออกอ่ะ…ติดๆๆ”
เราก็นึกว่าเล่นมุข ไม่ได้สนใจอะไร แถมเร่งให้เอาขึ้นมาเร็วๆอีก
เขาก็บอกว่า “ฮึ๊ย .. ติดจริงๆ ดึงไม่ขึึ้น” แขนถูกหนีบโดยร่องเก้าอี้ ดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออก มันไม่น่าเป็นไปได้นะ เอาเข้าได้ก็ต้องออกได้
ตอนแรกสีหน้าก็เหมือนแกล้ง แต่พอผ่านไป เริ่มหน้าตาจริงจังแล้ว ดูตกใจน่าดู
เราก็ยังคิดในใจว่า อะไรกันช่องแค่นี้ ก็ดึงแขนขึ้นมาดิ มันจะไปยากอะไร
เขาก็บอกว่า ดึงแล้ว มันไม่ขึ้นจริงๆ มันเจ็บกระดูกด้วย
เราสตั๊นไปชั่วขณะ แล้วมองหน้าซีดๆของสามี นี่คงไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว เลยต้องเรียกสติกลับมา
แล้วค่อยๆช่วยดันเนื้อออก ค่อยๆขยับ รีดเนื้อออกทีละนิด
แต่สามีก็ร้องอย่างเจ็บปวด เพราะเก้าอี้มันหนีบเข้ามา จนเราไม่รู้จะทำยังไงดี ใจเริ่มเสียแล้ว มือก็สั่น บอกตรงๆว่า “ปัสสาวะจะราด!!!”
สามีเริ่มมีสีหน้าถอดสีมากขึ้น(จริงๆซีดมาก ทั้งที่เคยหน้าดำ) แขนเริ่มมีรอยแดง และบวมกว่าเดิมอีก (คือแขนก็ใหญ่อยู่แล้ว)
เราคิดในใจว่า ถ้าถึงที่สุดจริงๆ จะวิ่งไปเรียกใครก็ได้มาช่วย คงจะเป็นเรื่องใหญ่น่าดู หรืออาจต้องตัดเก้าอี้ออก
เพราะเห็นคนญี่ปุ่นเค้าจริงจังเว่อร์ไปซะทุกเรื่องเลย แล้วเรื่องใหญ่ๆแบบนี้ สงสัยเรียกหน่วยกู้ภัย แล้วพาไปโรงพยาบาลแหง๋ๆ
มาญี่ปุ่นครั้งแรก ก็ได้เรื่องเลยรึนี่…ไม่นะ กำลังจะรอขึ้นเครื่องกลับอยู่แล้ว
ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกจริงๆ คิดแต่ว่า “ทำไงดี ทำไงดี” พยายามทำใจให้เย็นลง เราก็เห็นว่าสีหน้าสามีไม่ดีแล้ว ถ้าทำหน้าตกใจอีกคน คนเจ็บก็ยิ่งใจหายเข้าไปใหญ่
ก็เลยบอกว่า “ไม่เป็นไร มันเข้าได้ก็ต้องออกได้แน่ๆ ใจเย็นๆนะ หายใจเข้าลึกๆ อย่าตกใจ อยู่นิ่งๆ เฉยๆ แขนจะได้ไม่บวม” (เพราะตอนนี้มันเริ่มแดงและบวมมากขึ้นแล้ว )
“เค้าสัญญาว่าจะช่วยให้มันออกได้แน่นอน ตอนนี้ต้องอย่าตกใจนะ อย่าตกใจๆๆ” (แต่เราน่ะใจเสียไปแล้ว จริงๆพูดปลอบตัวเองมากกว่าแหล่ะ)
ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ เลยบอกว่า ใจเย็นๆ เดี๋ยวมานะ จะไปเอาน้ำสบู่มาลูบให้ เรารีบหยิบขวดน้ำกินที่ยังมีน้ำเหลืออยู่ แล้ววิ่งไปห้องน้ำ ใจยังสั่น มือ ขาก็ยังสั่นอยู่
ถึงห้องน้ำ ที่อยู่ห่างประมาณแค่ 100 เมตร แต่ทำไมรู้สึกว่ามันไกลนักไม่รู้ เทน้ำในขวดมารองน้ำสบู่แทน ทั้งๆที่มือยังสั่นอยู่
แล้วก็รีบวิ่งกลับมา เอาน้ำสบู่มาลูบบริเวณที่ติด ที่ตอนนี้เป็นรอยแดง และบวมขึ้นอีกแล้ว(น้ำตาแอบซึมๆ)
พอลูบเสร็จ ก็ช่วยกันดึงอีก ก็ยังไม่ออก สามีร้องว่าเจ็บมาก มันบีบกระดูก สีหน้าน่าสงสารมาก
เอาใหม่ ใส่สบู่ให้มากๆ น้ำเลอะพื้นไปหมด ก็ไม่สนใจแล้ว
ตกลงกันว่า “เดี๋ยวเค้าจะแหวกเก้าอี้ออกสุดแรงเกิดเลยนะ ทนเจ็บหน่อยนะ” แล้วก็เตรียมใช้หัวเข่าดันเก้าอี้ให้ถ่างออก มือข้างหนึ่งก็แหวกเก้าอี้เต็มแรง อีกมือที่เหลือก็ค่อยๆดันเนื้อ
กลัวเก้าอี้มันจะหักเหมือนกันนะ แต่ไม่สนใจแล้ววินาทีนั้น หักก็ช่างมัน ดันเต็มที่ รับรู้ถึงสีหน้า ความเจ็บปวด แต่ถึงเลือดจะออก เนื้อจะฉีก ก็ยังดีกว่าติดอยู่นาน ไม่อย่างนั้น แขนอาจจะบวมจนออกไม่ได้จริงๆ
แล้วตัดสินใจพูดเป็นครั้งสุดท้าย “ให้ทนเจ็บแป๊บนึง อึดใจเดียวเท่านั้นนะ”
พร้อมนะ แล้วนับ “หนึ่ง สอง สาม ย้ากกกก… “
เราทั้งคู่ใช้พลังสุดแรงเกิด วินาทีที่แขนเลื่อนหลุดออกมา ดีใจจนบรรยายไม่ถูก เหมือนยกภูเขาฟูจิออกจากอกได้เลย
ระยะเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ ความรู้สึกเหมือนมันนานมาก แต่จริงๆแล้วแค่ไม่ถึง 15 นาทีเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่มีเวลามาปลอบกันมากนัก เพราะใกล้เวลาเช็คอินแล้ว
แต่ก็แปลกนะ ขณะที่พวกเรากำลังชุลมุนอยู่นั้น ไม่มีใครสังเกตุพวกเราเลยหรอ ว่าทำอะไร มันแปลกมากๆ
ไม่ใช่ไม่มีคนนะ มีคนนั่งอยู่ประปราย พนักงานต่างๆก็เดินไปเดินมา ที่นี่เขาไม่มีญี่ปุ่นมุงหรอไง หรือเขานึกว่าเราเล่นพิเรนท์อะไรกัน
แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะไม่อยากดังในเรื่องแบบนี้ แล้วไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่
บทเรียนครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนออกจากบ้านให้ไหว้พระให้คุ้มครองก่อน (เกี่ยวมั้ย?)
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ