โตเกียว10

โตเกียว10

30 มีนาคม 2556  ยังอยู่ในวันที่หกของการเดินทาง

Odaiba


หลังจากชมสวนสัตว์อุเอโนะในช่วงเช้า และอิ่มกับข้าวหน้าปลาดิบที่ตลาดอเมโยโกะแล้ว

จากนั้นเราก็ออกเดินทางไป Odaiba

โดยไปเริ่มต้นที่สถานี Shimbashi  เพื่อนั่งสาย yurikamome 

เที่ยวโตเกียว-157
มีพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่โดยเฉพาะ เหมือนจุดขายของในเกมส์ออนไลน์เลยนะ

 

เที่ยวโตเกียว-158
เรื่องที่แปลกใจมากสำหรับครั้งแรกในการเที่ยวญี่ปุ่นคือ มี homeless เยอะมากๆ

เที่ยวโตเกียว-154

โดยสถานี Shimbashi กับสาย yurikamome จะมีทางเดินเชื่อมต่อกัน

มีป้ายบอกทางชัดเจน ไม่ต้องไปเดินหาทางเข้าข้างนอก

เราไปถึงสถานี Odaiba-kaihinkoen เพื่อไปห้าง Decks


เที่ยวโตเกียว-159
อึ้งกับตึกนี้มาก เพราะตอนแรกนึกว่าเขากางมุ้งกันยุง ดูไปดูมา มันไม่ใช่นี่หว่า มันกำลังก่อสร้างนี่ ปิดซะมิดชิดขนาดนี้เลยหรอ

ในห้าง Decks ก็ไม่ได้มีสิ่งที่เราสนใจมากเท่าไหร่  จริงๆมีแหละ แต่ค่าเข้าแพงเกินไป

เที่ยวโตเกียว-163

มันจะเป็นคล้ายๆ เข้าไปเล่นเกมส์ในค่ายของ Joypolis  Sega

เห็นมีแต่คนญี่ปุ่น(อีกแล้ว)  สร้างได้น่าตื่นใจดี   แต่ก็ยังล้วงเงินในกระเป๋าเราไม่ได้อยู่ดี


เที่ยวโตเกียว-162

แต่ก็มาเสียเวลาเดิน  กับส่วนร้านที่เป็นขายของเก่าๆ  แต่ราคาไม่เก่า

จัดโซนเป็นลักษณะยุคโบราณ   ประมาณรุ่นพ่อแม่เรา

เราเลยเรียกมันว่า harajuku otosun (เรียกเองนะไม่ได้มีใครเรียกหรอก)

เพราะคล้ายๆเดินในงานวัด   หรือเป็นที่เที่ยวของเด็กๆในสมัยพ่อเรา   แต่อยู่ในห้างนั่นเอง


เที่ยวโตเกียว-164

มีตู้เกมส์เก่าๆ ที่สมัยนี้ ไม่ค่อยมีใครเล่นกันแล้ว

หรือเกมส์ของเครื่องแฟมมิลี่  แฟมมิคอม   ก็เอามาลงตู้ด้วย

เช่น มาริโอ้  สตรีทไฟท์เตอร์ ฯลฯ    เครื่องเล่นบางอย่าง

เรายังงงอยู่เลยว่ามันเล่นยังไง  รอคนมาเริ่มเล่นให้ดู

แม้แต่เด็กญี่ปุ่นเอง ก็ยังเล่นไม่เป็นเลย

เห็นผู้ชายที่สูงอายุหน่อย  น่าจะเป็นพ่อแหล่ะต้องเล่นให้ดู


เที่ยวโตเกียว-166ที่นี่มีขายขนม  ลูกอม  แบบเก่าๆ  น่าซื้อมากเลย   เดินเล่นได้บรรยากาศดีมากๆ

แต่ก็ยังไม่ได้กินเงินในกระเป๋าเราอยู่ดี   เพราะของถึงจะสไตล์เก่า

แต่ราคาก็ไม่ได้เก่าเลยนะ    แต่คนที่นี่เขาใช้เหรียญ 100 เยน

กันเป็นว่าเล่นเลย   ใช้อย่างกับเหรียญ10 บ้านเราแน่ะ


เที่ยวโตเกียว-165

อย่าง Lucky Box ที่ใครๆก็ต้องยอมสยบแทบกล่อง

เพราะมันน่าลองซื้อ   เหมือนเสี่ยงโชคเล่นหวย

คือมันเป็นกล่องที่ห่อด้วยกระดาษสีๆ  เหมือนห่อของขวัญ

เราก็จะไม่รู้เลยว่าข้างในมีอะไรบ้าง คุณๆก็ต้องซื้อกล่องพวกนี้

ในราคา 300 เยน  สำหรับกล่องเล็ก   และ 1000 เยน สำหรับกล่องใหญ่ห่อสีทอง


ได้มา ก็แกะกันเอาเอง  ว่าได้อะไร  ใครโชคดีก็ได้ของราคาแพง

ใครโชคไม่ดี ก็ได้ของราคาถูก  พวกกระเป๋าตังค์

หรืออื่นๆที่ไม่ถึง 300 เยน หรือ1000 เยนที่เราจ่ายไป

ซื้อด้วยความอยากรู้แท้ๆ

เราเลยคิดว่า เอาเงินไปซื้อของ  ที่อยากได้เองเลยไม่ดีกว่าหรอ

แล้วเราก็ไม่เคยดวงดีเรื่องเสี่ยงโชคเลยด้วยฟ


เที่ยวโตเกียว-167

เดินออกมาจากห้าง Decks  ผ่านห้าง Aqua City  เข้าไปหลบหนาว

เดินผ่านๆเฉยๆ  เพราะมันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจสำหรับเราเลย

(จริงๆเขามีสิ่งที่น่าสนใจนะ แต่เราไม่สนเท่านั้นเอง)

มันก็คือห้าง  มีร้านอาหาร มีของขาย  จึงเดินทะลุออกมา

เที่ยวโตเกียว-161


เที่ยวโตเกียว-168

เจอวิวเทพีเสรีภาพ   และสะพานสายรุ้ง(แต่ตอนนั้นยังไม่มืดจึงยังไม่ได้เปิดไฟที่สะพาน)

เรารีบทำเวลาข้ามสะพานทางเชื่อมไปยัง Diver City

เที่ยวโตเกียว-169

แต่ระหว่างทาง เจอหนุ่มญี่ปุ่น เล่นกายกรรมเปิดหมวก  (ไม่รู้เรียกว่าอะไรเลยเรียกแบบนั้น)

ก็เลยนั่งปักหลักดู  ก็มันสนุกดี หาดูยาก

เที่ยวโตเกียว-170


เที่ยวโตเกียว-171

ที่ Diver City นี้เราอยู่นานกันเกินคาด  และเกินเหตุด้วยซ้ำ

ไม่อย่างนั้นก็สามารถไปที่อื่นได้อีก เพราะยังไม่ได้เข้าห้างเลย

แต่ด้วยคุณสามีต้องการมุมถ่ายภาพ หุ่นยนต์กันดั้ม ขนาด 1:1  ที่ยืนอยู่หน้าห้าง

กะว่าจะถ่ายเพื่อไปตั้งเป็น wallpaper ในคอมฯ

แล้วช่วงนั้นท้องฟ้าก็อึมครึม   เย็นแล้วด้วย   แสงก็ไม่ค่อยมี  คนก็เยอะ

จึงตั้งท่าถ่ายกันหลายสิบรูป  น่าจะใช้เวลากันเกือบชั่วโมงเลย ในการปักหลักถ่ายไอ้เจ้ากันดั้มนี่


เที่ยวโตเกียว-172

จากนั้น ลองเดินเข้าไปในห้าง Diver City ขึ้นไปชั้นบนสุด

เรียกว่า Gundum Front Tokyo เพื่อดู Gunpla

ก็คือหุ่นกันดัม ต่างๆที่คล้ายๆพิพิธภัณฑ์  รวมทุกรุ่นไว้

ยืนดูอยู่นานมาก  เราปวดขารู้มั้ย


เที่ยวโตเกียว-173

หลังจากดื่มด่ำกับหุ่นยนต์แล้ว   ก็คิดว่าได้เวลาอันสมควร  ที่ต้องกลับได้แล้ว

แต่ไม่วายต้องขอปักหลักถ่ายรูป กันดัมตัวใหญ่ ที่เพิ่งถ่ายมาหลายสิบรูปอีก

เหตุเพราะอยากได้รูปวิวตอนมืดๆด้วย   เพราะเขาจะเปิดไฟที่ตากันดัม  ก็ดูสวยไปอีกแบบ


เที่ยวโตเกียว-174

แต่พอดูเวลาแล้ว  ก็ยังพอมีเวลาไป venus fort กับ Megaweb

ถึงแม้เท้ามันจะเจ็บ  แต่ใจสู้   คิดดูเท้าเราเริ่มเจ็บ

ตั้งแต่วันแรกที่ถึงโรงแรม  และเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆทุกวัน

วันนี้ก็วันที่ 6 ของการเดินทางแล้ว ไม่รู้เอาใจมาจากไหน  ก็ค่อยๆกระโพลกกระเพลกไป

นึกว่าใกล้ๆ  พอเดินจริงๆ  ก็ไกลอยู่เหมือนกัน 

อากาศก็เริ่มหนาวลงทุกทีๆ  แต่ก็กัดฟันสู้เต็มที่  ก็เดินไปถึงจนได้


ตั้งใจแค่ไปดูเฉยๆ  ให้เห็นกับตาแค่นั้นเอง   ไม่ได้อยากซื้อ ไม่ได้อยากได้อะไรเป็นพิเศษ

ที่ megaweb ก็จะเป็นส่วนของโชว์รูมโตโยต้า   ที่ใหญ่มากๆ

โดยเฉพาะมีแสดงรถในอนาคตให้ชม   แต่เนื่องจากเราไม่ได้คลั่งไคล้เรื่องรถเลย

ก็แค่ดูรูปลักษณ์ภายนอก ที่สวยทันสมัยเท่านั้น


เที่ยวโตเกียว-175

จึงรีบเดินต่อไปที่ venus fort  เพื่อดูการตกแต่งสไตล์ยุโรป

นึกว่าจะมีให้ดูเยอะแยะหลายแบบ  เดินหาอยู่ตั้งนาน  พอถึงก็ร้องว่า

มีแค่นี้เองหรอ  ความสวยยังสู้เวเนเชี่ยนไม่ได้   ก็ที่นี่ไม่ใช่บ่อนคาสิโนนี่นา

เป็นแค่ร้านขายของแบรนด์เนม    ก็เลยเดินผ่านๆ   แต่ก็อยู่กันนานพอสมควร

เหตุเพราะไม่ใช่ดื่มด่ำกับสถาปัตยกรรมหรอก   แต่เพราะเราเจ็บเท้ามาก  ต้องเดินๆนั่งๆ เป็นพักๆ


ที่นี่ลองเข้าห้องน้ำแล้ว  อยากนอนในห้องน้ำเลย

มันหรูมาก  สะอาด และไม่มีกลิ่นเหม็นเลยแม้แต่นิดเดียว  

แต่ที่แปลกคือ  เขาไม่ใช้น้ำหอมกลบด้วย   เพราะไม่ได้กลิ่นน้ำหอมเลย

อย่างที่ไทยจะได้กลิ่นหอมฉุนเต็มๆ  เพราะต้องกลบกลิ่นเหม็นไง


ห้องน้ำที่นี่ มีทั้งห้องสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อม (ห้องนะไม่ใช่ซอก)

คือเป็นห้องใหญ่ๆเลย  มีที่นั่งของพ่อแม่   อย่างกับเนอสเซอรี่เลย

มีที่ชงนม  น้ำร้อน   อะไรอีกไม่รู้ไม่ได้เข้าไป   แค่ชะโงกเข้าไป


ส่วนห้องน้ำผู้พิการนี่  มีเตียงนอนด้วยแฮะ

มองเข้าไปนี่อย่างกับห้องไอซียู ในรพ.เอกชน (เว่อร์ไปมั้ย)

ก็มันมีอุปกรณ์อะไรไม่รู้เยอะไปหมด  ทันสมัย  ปุ่มโน่นนี่  อึ้งไปเลยอ่ะ


ขากลับนั่งสาย Yurikamome  จากสถานี Aomi ไปยัง Shimbashi  แล้วกลับโรงแรมทันที


เที่ยวโตเกียว-180

ถึงห้องประมาณ  4 ทุ่ม   ขาบวม เท้าบวม ช้ำ จากความงกที่ไม่ยอมพัก

(ที่เห็นข้อเท้าดำๆนั้นคือช้ำนะ ไม่ใช่สกปรกเท้าดำเชียว)

ขออภัยนะคะ ที่โชว์เท้า (ไม่สุภาพเยย)

แต่อยากให้เห็นว่ามันบวมมาก แต่ใจสู้ไม่ถอย 555+


เที่ยวโตเกียว-181

มื้อเย็น(มื้อดึกแล้วสิ)  กินเสบียงขนมในตู้เย็น  มีนัตโตะ ที่ซื้อมาเพราะอยากลอง

เห็นคนญี่ปุ่นเขาว่าอร่อยนักหนา  แต่พอลองกินเองแล้ว

นี่มันถั่วเน่าชัดๆ   แต่ซื้อมาแล้วก็เสียดาย   ก็ต้องกินให้หมด


อีกอััน เป็นสาหร่าย ห่ออะไรไม่รู้  รสชาติบรรยายไม่ถูกเลย

จะว่าอร่อยก็ไม่อร่อย  จะไม่อร่อยก็ไม่ใช่  กินแล้วทำหน้าแหยๆ

แต่เคี้ยวๆไปเคี้ยวมาก็ขออีกคำ   ก็ต้องกินให้หมดเหมือนกัน


จะสังเกตุว่า  เราจะกินอาหารมื้อข้างนอก  ไม่เกิน 2 ครั้ง ต่อวัน

ส่วนใหญ่จะ 1 ครั้งต่อวัน   นอกนั้นก็จะเป็นขนม เป็นเสบียงตุนในตู้เย็น ขนมพวกนี้ก็ราคาไม่แพง

ดังนั้นค่าอาหารของเราที่ตั้งไว้  วันละ  4000 เยน ต่อคนต่อวัน จึงประหยัดไปหลายเท่าตัวเลย


สรุปค่ากินวันนี้

Yoshinoya 390 x 2คน              780  เยน

ข้าวหน้าปลาดิบรวม 600 x2คน  1200 เยน

กล้วยเคลือกช็อคโกแลต            200 เยน

ทาโกะยากิ 4 ลูก                      200 เยน

ชานม                                     118 เยน

นัตโตะ 3แพค ที่Lawson              78 เยน

นม 1 ลิตร ที่Lawson                  226 เยน

ขนมปังที่ familymart                 126 เยน

รวม            2928 เยน

รวมรีวิวเที่ยวโตเกียวทุกตอน

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.