แผนเที่ยว Nara
1. Naramachi
เป็นชื่อย่านเมืองเก่าของนารา มีทั้งย่านการค้าแบบเก่าๆ
บ้านเรือนสมัยเก่า ที่อนุรักษ์เอาไว้ แต่ก็ยังเปิดเป็นร้านค้าได้ด้วย
มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆจัดในบ้านเล็กๆ ซอยแคบๆตามแบบโบราณ
ส่วนใหญ่อยู่มาตั้งแต่สมัยเอโดะ
ร้านค้าแถบนี้จะเรียกว่า machiya ซึ่งหมายถึง “townhouse”
ในแนวลึกหน้าแคบ เพื่อประหยัดภาษีที่ต้องจ่ายตามหน้ากว้างที่ติดถนน
ปัจจุบันถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้
จริงๆแล้วพื้นที่บริเวณนี้ประมาณศตวรรษที่15 เคยเป็นพื้นที่ของวัด Gangoji
ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในสมัยนารา ซึ่งวัดนี้ก็ขึ้นทะเบียนมรดกโลกด้วยเหมือนกัน
แต่ในปัจจุบันวัดนี้เหลือพื้นที่อยู่เพียงไม่กี่หลังเท่านั้น (ดูรีวิว Naramachi)
บริเวณ Naramachi จะมีส่วนที่น่าสนใจดังนี้
Gangoji Temple
Gangoji Temple เป็นหนึ่งใน 7 ของวัดพุทธ ที่มีชื่อเสียงที่สุดในนารา ซึ่งได้แก่
Todaiji , Takushiji , Saidaiji , Kofukuji , Horyuji และ Daianji
Gangoji Temple ได้ถูกสร้างขึ้นตามแบบของวัด Asukadera ในจังหวัด Asuka
ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เพราะก่อนหน้าที่จะมาตั้งเมืองหลวงที่นารา
จักรพรรดิได้เคยอาศัยในแถบ Asuka ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในจังหวัดนาราในสมัยนี้
แต่เมื่อก่อนยังไม่ได้มีการตั้งเป็นจังหวัดขึ้นมา
พอย้ายจาก Asuka มา Nara เมื่อปี 718 ก็เลยต้องสร้างวัดใหม่ให้เหมือนที่เดิม
นั่นก็คือ Gangoji Temple นั่นเอง แต่วัด Gangoji Temple ในทุกวันนี้ก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆของที่เคยเป็นเท่านั้น
เปิด 9.00 – 17.00 น.
ค่าเข้า 500 เยน
Koshi-no-le Residence (Naramachi Lattice House)
เป็นทั้งบ้านและร้านค้าสมัยเก่าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมฟรี
ที่นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เห็นชุมชนการค้าในสมัยเอโดะของจริง
เปิด 9.00 – 17.00 น. ปิดวันจันทร์
ค่าเข้า ฟรี
ดูรีวิว Naramachi Lattice House
Nara Craft Museum (Nara Kogeikan)
เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงงานฝีมือ และศิลปะในสมัยนารา
เปิด 10.00 – 18.00 น. ปิดวันจันทร์
ค่าเข้า ฟรี
Naramachi Shiryokan (Naramachi Museum)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงสิ่งประดิษฐ์ เกี่ยวกับประวัติของนารา
สังเกตุเห็นง่ายมากคือจะมี migawari-zaru ห้อยอยู่ที่ประตูทางเข้า
migawari-zaru คืออะไรไม่รู้ เป็นเหมือนพวงผ้าสีแดง-ขาวคล้ายๆนวม
ภาษาอังกฤษบอกว่าเป็น strings of red-cloth monkeys hanging
แต่ดูแล้วไม่เห็นเหมือนลิงตรงไหนเลยนะ
มีความเชื่อว่า migawari-zaru นี้ห้อยเพื่อเป็นลิงแพะรับบาป
ป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้าไปในบ้าน หรือจะเขียนขอพรติดไว้ด้วยก็ได้
เปิดทุกวัน 10.00-16.00 น.
ค่าเข้า ฟรี
ดูรีวิว Naramachi Museum
Imanishike Shoin Residence
เป็นที่พักอาศัยของคนสมัยก่อนที่ทำงานในวัดKofukuji
ภายในจะมีสวน ห้องต่างๆ ให้ชม ก็สามารถเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่จริงๆได้จากที่นี่
เปิด 10.00-16.00 น. ปิดวันจันทร์
ค่าเข้า 350 เยน
ข้อมูลจาก japan-guide.com
2. Shin-Yakushiji Temple
เป็นวัดเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.710-794 เพื่อบูชาพระยาคุชิ
ให้องค์จักรพรรดิหายจากอาการประชวร เนื่องจากมีวัดชื่อ Takushiji อยูเดิมแล้ว
ก็เลยตั้งสื่อถึงวัด Yakushiji ของใหม่ จะได้ไม่สับสนกับของเดิม
จุดเด่นจะเป็นรูปปั้นรูปต่างๆ เป็นเทพถืออาวุธ และท่าทางที่แตกต่างกัน
เปิด 9.00-17.00 น.
ค่าเข้า 600 เยน
3. Nara National Museum
ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.1889 จัดแสดงศิลปะที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ ทั้งรูปปั้น ภาพวาด ฯลฯ มีอธิบายเป็นภาษาอังกฤษด้วย
เปิด 9.30-17.00 น.
ค่าเข้า 520 เยน
4. Kasuga Taisha
เป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโต ถือว่าเป็นศาลเจ้าประจำตระกูลฟูจิวะระ
ซึ่งมีการสร้างขึ้นใหม่ทุก20ปี แต่หลังจากยุคเอโดะไปแล้วก็ไม่มีการสร้างใหม่อีกเลย
ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องโคมไฟ เพราะผู้ศรัทธาจะมาบริจาคเพื่อขอพร
รอบๆก็จะมีศาลเจ้าเล็กๆ มีสวนพฤษาซึ่งจะบานเต็มที่ช่วงเมษายน-พฤษภาคม
เปิด 6.00-18.00 น.
ค่าเข้า ฟรีภายนอก , 500 เยนภายใน , สวน 500 เยน , Treasure House 400 เยน
5. Nara Park
เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีกวางอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก(มากกว่า1200ตัว)
เพราะในศาสนาชินโตเชื่อกันว่า กวางเป็นผู้นำสารจากพระเจ้า
ชาวบ้านจึงไม่ไล่ จนทำให้กวางเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนกลายเป็นมาสคอตประจำนะระไปแล้ว
สามารถให้อาหารกวางได้ แต่บางครั้งกวางอาจไม่ได้สุภาพอย่างที่คิดก็ได้
6. Todaiji Temple
เป็นวัดพุทธที่สร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Daibutsu ที่ใหญ่ที่สุด
และวัดนี้ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย
วัด Todaiji ที่เราเห็นอยู่ปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในช่วงเวลาที่ต่างกัน
เหตุเพราะแผ่นดินไหวบ้าง ไฟไหม้บ้าง ทั้งตัวองค์พระ Daibutsu
ที่ทำจากทองสำริด และตัววิหารที่ทำจากไม้ทั้งหมด
อ่านประวัติ Todaiji Temple
เปิด 8.00 – 16.30 น. (ฤดูแต่ละฤดูเปิดปิดไม่เหมือนกัน)
ค่าเข้าส่วนDaibutsuden Hall 500 เยน
ค่าเข้าส่วน Todaiji Museum + Daibutsuden Hall 800 เยน
7. Isuien Garden
เป็นสวนแบบฉบับญี่ปุ่น คำว่า Isuien แปลว่า “สวนกลางน้ำ” จะมีการออกแบบที่สวยงามมาก ในนั้นจะมีส่วนของ tea house , museum ที่แสดงเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา ถ้วยชามโบราณจากจีน และเกาหลี
เปิด 9.30 – 16.30
ค่าเข้า 900 เยน
8. Yoshikien Garden
เป็นสวนญี่ปุ่นอีกที่หนึ่ง อยู่ข้างกับแม่น้ำ yoshidien มีการจัดสวนที่เป็นเอกลักษณ์ 3 สวนในนั้นคือ Pond garden , Moss garden และ tea ceremony garden ผู้ชมจะได้ศึกษาเทคนิคการจัดสวนได้ที่นี่
เปิด 9.00-17.00 น.
ค่าเข้า 250 เยน (ชาวต่างชาติเข้าฟรี) เอ๊ะ…ยังไง คนญี่ปุ่นเสียเงิน แต่ต่างชาติเข้าฟรี มันสลับกันมั้ย?
9. Kofukuji Temple
เคยเป็นวัดประจำตระกูลฟูจิวะระ ซึ่งเป็นตระกูลทรงอิทธิพลมากในยุคนะระถึงเฮอัน ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.710 (ช่วงที่นะระเป็นเมืองหลวง) ซึ่งเมื่อก่อนมีอาคารมากกว่า150หลัง แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่กี่อาคารเท่านั้น อาคารหลักที่เหลือได้แก่
เจดีย์ห้าชั้น(five story pagoda)สูงเป็นอันดับสองรองจากเจดีย์ที่วัดToji ในเกียวโต แค่ 7เมตร
เจดีย์สามชั้น(three story pagoda)
บริเวณ วัดสามารถเข้าชมได้ฟรี แต่ถ้าเข้า Treasure Museum และ Eastern Golden Hall ต้องเสียค่าเข้าชม แต่ตอนนี้ อาคารหลัก Central Golden Hall ก่อสร้างอยู่ และจะแล้วเสร็จปี 2018 และบริเวณรอบๆก็จะมีการซ่อมแซมต่อจนถึงปี2013
เปิด 9.00 – 17.00
ค่าเข้า
National Treasure Museum 600 เยน
Eastern Golden Hall 300 เยน
National Treasure Museum + Eastern Golden Hall 800 เยน
ดูรีวิว Kofukuji Temple
เพิ่มวัดที่อยากไปอีกที่หนึ่ง แต่ไกลและแพงเลยตกไป แต่อ่านประวัติซักหน่อยค่ะ น่าสนใจดี
Horyuji Temple
เป็นวัดพุทธในจังหวัดนาราวัดนี้น่าสนใจตรงที่เป็นวัดที่ถือว่าเป็นวัดไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เชื่อกันว่าใต้เจดีห้าชั้นมีหีบสมบัติฝังอยู่ด้วย แต่ไกลมาก ต้องนั่งรสบัสไป
อ่านประวัติ Horyuji Temple
เปิด 8.00 – 17.00 น
ค่าเข้า 1500 เยน
อันนี้เป็นวัดทางผ่านแถว Ikoma Station ขึ้น cable car ไปอีกนิดหน่อย
Hozanji Temple
วัด Hozanji เป็นวัดพุทธที่โด่งดังแห่งหนึ่งมาตั้งแต่สมัยเอโดะ อยู่บนภูเขา Ikoma ซึ่งเป็นที่ที่เคารพบูชาของคนโบราณ
พื้นที่รอบๆวัด Hozan-ji เดิมเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมพระของศาสนาพุทธ ซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อว่า Daisho-Mudo-ji มาตั้งแต่ปีค.ศ.655 โดย En no Gyoja พระในพุทธศาสนาส่วนใหญ่รวมถึง Kukai ด้วย(ไปดูประวัติ Kukai ที่นี่) ก็ถูกฝึกมาจากที่นี่เหมือนกัน
วัด Hozan-ji กลับมาเปิดเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมตั้งแต่ศตวรรษที่17 โดย Tankai ได้ก่อตั้งสถานที่ปฏิบัติธรรมที่นี่อย่างเป็นทางการเมื่อปีค.ศ.1678
ภายในมีรูปปั้นเทพเจ้าแห่งความสุขประดิษฐานอยู่ มีรูปร่างเป็นคนแต่หัวเป็นช้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพเจ้าทั้ง3ของญี่ปุ่น รูปร่างจะเหมือนพระพิฆเนศของอินเดีย หรือเรียกว่า Sacred God เทพเจ้าแห่งความสุขที่ว่านี้ไม่ได้เห็นกันง่ายๆในญี่ปุ่น และไม่แสดงให้คนทั่วไปได้รับชมอีกด้วย
เปิด 8.00-17.00 น.
ค่าเข้า ฟรี
ดูรีวิว Hozanji Temple
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ