เงินเยนของญี่ปุ่น
เงินเยนของญี่ปุ่น ที่ว่าคือสกุลเงินของญี่ปุ่น (Yen) ไม่ใช่หมายถึงเงินเย็นๆนะคะ แหม…จะไปเหยียบดินแดนญี่ปุ่น ก็ต้องมีเงินจริงมั้ยคะ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับธนบัตรของญี่ปุ่นให้ชินกันก่อนดีกว่าค่ะ จะได้ไม่ไปเงอะๆงะๆ นับเศษ นับแบงค์ ควักแบงค์หมื่นขึ้นมาเป็นฟ่อนๆออกมาโชว์
การแลกเงินบางคนก็ไม่คิดอะไรมาก ไปแลกที่เคาร์เตอร์ธนาคารที่สนามบินก็ได้ แต่จะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่เสียเปรียบกว่านิดหน่อย (แต่ถ้าแลกเยอะๆก็หลายอยู่นะ)
แต่บางคนก็ใช้บริการของร้าน Super Rich แถวราชดำริ อยู่ซอยข้างๆบิ๊กซีราชดำริ ซึ่งจะมีทั้งสีเขียว สีส้ม เยอะอ่ะ มีคนยืนเรียกแขก บริการกันที่จอดรถให้แบบรู้สึกว่าตัวเองเป็นวีไอพีเลยแหล่ะ เอาเป็นว่าร้านไหนก็ได้เข้าไปเถอะ ราคาไม่ต่างกัน (อย่าลืมเอาพาสปอร์ตไปด้วยล่ะ)
แลกเงินเสร็จปุ๊บ เราก็จะได้แบงค์หมื่น แบงค์ห้าพัน และแบงค์พัน มาสามชนิด (ถ้าแลกแบบให้มีเศษนะ เช่น 59000 เยน) ส่วนเหรียญเขาไม่มีนะ
แบงค์หมื่น และแบงค์พันเยน(ด้านหลัง) จะมีรูปนกที่อยู่บนปราสาททองของวัด Kinkakuji และภูเขาไฟฟูจิ ที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว (ลืมถ่ายรูปแบงค์ห้าพันเยนมา)
ตามที่เราคุ้นเคยคือใบหน้าของคนที่อยู่บนธนบัตรน่าจะต้องเป็นจักรพรรดิ์ ไม่ก็ผู้นำประเทศที่ทำประโยชน์ให้ชาติ หรือบุคคลที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือใช่มั้ย แต่ของญี่ปุ่นกลับไม่ใช่รูปของจักรพรรดิ์หรือผู้นำประเทศค่ะ แต่เป็นผู้ที่คนให้ความยกย่องพอสมควร
ธนบัตร 10000 เยน
อย่างแบงค์หมื่นเยน จะมีใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่า Yukuchi Fukuzawa เป็นนักวิจารณ์และนักปฏิวัติด้านการศึกษาในสมัย Edo ตอนท้าย จนถึงต้นสมัย Meji เกิดจากครอบครัวซามูไรระดับกลาง ที่เมืองโอซาก้า (ปีพ.ศ.2378)
โดยคุณ Yukuchi Fukuzawa ได้ไปเรียนวิชาแพทย์ที่เมืองนางาซะกิ (เพราะเป็นที่เดียวที่เปิดให้คนต่างชาติเข้ามาติดต่อ) เขาได้รู้ซึ้งแล้วว่าญี่ปุ่นล้าสมัยไปแล้ว ก็เลยเร่งเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง จนได้เป็นตัวแทนถูกส่งไปเรียนต่อในยุโรปและอเมริกา
เขาได้เขียนหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับการศึกษา เป็นคนก่อตั้งโรงเรียนนานาวิชาต่างประเทศเอกชนแห่งแรก ภายหลังก็คือมหาวิทยาลัยเคโอ ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของญี่ปุ่นด้วย คนญี่ปุ่นจึงยกย่องนับถือเขาให้เป็น “บิดาของการศึกษา”
ธนบัตร 5000 เยน
แบงค์ห้าพันเยนจะเป็นรูปผู้หญิง ซึ่งสร้างความประทับใจให้แอดมินมากค่ะ ทำให้อยากรู้ว่าเธอคือใคร มีความสำคัญอย่างไร ถึงได้ขึ้นมาบนธนบัตรได้
เธอชื่อ Ichiyou Higuchi เป็นนักประพันธ์นวนิยายและบทกลอนญี่ปุ่นในสมัย Meji แต่จริงๆแล้ว Ichiyou เป็นเพียงแค่นามปากกาค่ะ ชื่อจริงๆของเธอคือ Natsu
เธอเกิดที่โตเกียว เมื่อปีพ.ศ.2415 ในครอบครัวซามูไรระดับยากจน แต่เธอเป็นคนเรียนเก่งมาก พ่อก็อยากให้เรียน แต่แม่กลับบอกว่าผู้หญิงไม่ต้องเรียนสูงก็ได้ เธอจึงตัดใจไม่เรียนก็ได้ (น่าสงสารจัง) และไปเข้าสมาคมการสตรีที่ต้องเรียนการวางตัวการบ้านการเรือน
แต่พออายุ 17 ทั้งพี่ชาย และพ่อที่เป็นหลักของครอบครัวก็มาเสียชีวิต เธอเลยต้องทำงานเลี้ยงครอบครัวแทน ทั้งรับจ้างซักผ้า ตัดเสื้อ แต่ก็ยังมีหนี้สินล้นตัวอยู่ ต้องอาศัยอยู่ในย่านสลัม
พออายุ 20 ก็เริ่มเขียนนวนิยาย แต่ขายไม่ออก แถมยังโดนผู้ชายที่เป็นนักประพันธ์ด้วยกันหลอกอีก แต่พออายุ 22-23 นวนิยายของเธอก็เริ่มขายได้บ้าง แต่ก็ยังเลี้ยงครอบครัวไม่ได้
อายุ 24 Natsu เอานวนิยายเดิมของตัวเองที่ชื่อ Takekurabe มาปรับปรุง แล้วได้ลงนิตยสารจนมีนักประพันธ์ชื่อดังสมัยนั้นหลายคนกล่าวชม ทำให้เธอก้าวกระโดด มีบริษัทหนังสือมาแย่งตัวให้เขียนเรื่องให้ แต่น่าเศร้าสุดๆก็ตรงที่เธอเป็นวัณโรคขั้นสุดท้าย ทำให้ชีวิตนักประพันธ์ที่กำลังเริ่มพุ่งกลับจบลงเพียงไม่ถึงปี
เธอมีอายุได้เพียงแค่ 24 ปี (ในปีพ.ศ.2439) นักประพันธ์ดังๆต่างเสียใจ และขอเข้าร่วมพิธีศพกันมาก แต่แม่ของเธอปฏิเสธที่จะจัดงานศพเพราะไม่มีเงิน
ผลงานมักเป็นเรื่องของชีวิตเยาวชนวัยสดใสไฟแรง ทำให้คนวัยเดียวกันประทับใจมาก แถมประวัติของเธอก็น่าประทับใจ จึงทำให้คนญี่ปุ่นต่างยกย่องผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ธนบัตร 1000 เยน
Dr. Hideyo Noguchi (ชื่อเดิมว่า Seisaku)เป็นนักวิจัยการแพทย์วิชาบัคเตรี ในสมัย Meiji เกิดเมื่อปีพ.ศ.2419 ในฟูกุชิมะ
ตอนหนึ่งขวบครึ่งเขาตกลงไปในเตาแบบญี่ปุ่นที่อยู่บนพื้นของทุกบ้าน อาการสาหัส มือซ้ายลอกจนนิ้วทุกนิ้วติดกันหมด ครอบครัวก็ยากจน พอก็ไม่ทำงานกินแต่เหล้า แต่เขาเป็นเด็กเรียนเก่ง ครูที่โรงเรียนก็เลยจ่ายค่าเรียนให้ เพื่อนๆก็สนับสนุดอย่างดี
อายุ15 เพื่อนๆก็ช่วยกันบริจาคค่าผ่าตัดมือ จนในที่สุดมือของเขาก็กลับมาใช้การได้ตามปกติ เขาเลยรู้สึกทึ่งกับการแพทย์มากจนอยากเป็นแพทย์ด้วยเลย
เริ่มจากขอทำงานเป็นผู้ช่วยแพทย์คนที่รักษามือให้ จนอายุ 21 เขาได้เข้าไปทำงานที่ศูนย์วิจัยโรคระบาด และเปลี่ยนชื่อตัวเองจาก Seisaku เป็น Hideyo ซึ่งแปลว่า คนเก่งระดับโลก
ปีถัดไปเขาได้ทุนเรียนต่อที่อเมริกา จากนั้นเขาได้พบเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคระบาดต่างๆหลายชนิด เช่นเชื้อไข้เหลือง เชื้อซิฟิลิส เพราะเขามีวิธีค้นพบเชื้อได้รวดเร็วที่เขาคิดขึ้นมาเอง ทั้งๆที่นักวิจัยทั่วโลกหาตั้งนานก็ไม่พบ
Hideyo ทำงานอยู่อเมริกา และส่งเงินมาให้แม่ตลอด เขามีภรรยาชาวอเมริกาอยู่กินกันได้นานถึง 30 ปี แต่ไม่มีลูก และน่าเสียดายที่เขาต้องเสียชีวิตลง (ในปีพ.ศ.2471) ด้วยเชื้อโรคที่เขาเป็นคนพบเอง (เชื้อไข้เหลือง)
ข้อมูลจาก http://www.jeducation.com
เหรียญเงินเยนของญี่ปุ่น มี5ชนิด 500 เยน 100 เยน 50 เยน(มีรู) 10 เยน และ 1 เยน
อย่าลืมทำความคุ้นเคยกับแบงค์ และเหรียญให้ดีนะคะ เวลาจ่ายเงิน หรือรับเงินทอนจะได้ไม่เอ๋อแบบแอดมินค่ะ
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ