ชิงช้าสวรรค์ Tempozan (Tempozan Giant Ferris Wheel )

ตอนที่แล้วเราไป พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ กัน จากนั้นเรามาต่อกันที่ Tempozan Habor Village เป็นห้าง และแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหลายอย่างอยู่ใกล้ๆกันค่ะ รวมถึงอควาเรียมก็ใกล้แค่เอื้อม  แต่วันนี้เรายังไม่เข้าอควาเรียมนะคะ  เราจะขึ้น ชิงช้าสวรรค์ Tempozan  กันก่อนค่ะ (ส่วนอควาเรียม ไคยูคังดูรีวิวที่นี่ค่ะ)

---

ขอเรียกว่าชิงช้าสวรรค์นะ ดูมันเห็นภาพดี  จริงๆเค้าชื่อ Tempozan Giant Ferris Wheel ค่ะ

ซึ่งชิงช้าสวรรค์ของที่นี่ เคยเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาแล้ว เมื่อปี 1997  ด้วยความกว้างเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตร และสูง 112.5 เมตร  หมุน1รอบใช้เวลาประมาณ 17 นาที  (ความใหญ่พอๆกับชิงช้าสวรรค์ที่ Odaiba ในโตเกียว)

เราสามารถมองเห็นวิวได้ทั่วโอซาก้าเลยนะ เขาว่ามองเห็นถึงสนามบินคันไซเลยด้วย (ไม่น่าเชื่อ ตอนนั้นฝนปรอยๆหมอกลง เลยไม่ค่อยเห็นอะไร)

เปิด 10.00 น. – 22.00 น.

ราคา 800 เยน (มีพาสเข้าฟรี)

---

เดินไปชิงช้าสวรรค์

เมื่อลงสถานี Osakako exit1 เดินมาซัก 10 นาที ก็จะเห็น ชิงช้าสวรรค์มาแต่ไกลแล้วค่ะ  เดินข้ามถนนมา ก็จะเป็นลานกว้าง มีเลโก้ยีราฟตั้งเด่นเลยค่ะ

ใกล้ๆยีราฟก็จะเห็นทางขึ้นชิงช้าสวรรค์แล้วค่ะ  แต่พวกเรายังไม่ขึ้นค่ะ ขอเดินสำรวจรอบๆดูก่อน  อีกอย่างก็ต้องไปดูรอบเรือ ซานตา มาเรีย ก่อนด้วย จะได้ไม่เสียเวลารอ  ถ้ายังอีกนาน ก็มาขึ้นชิงช้าสวรรค์ก่อนค่ะ

ระหว่างทางเห็นเด็กๆมาทัศนศึกษากันอีกแล้วค่ะ  ไปไหนก็เห็นแต่เด็กมาทัศนศึกษา  ใส่หมวกเหลืองๆ จะได้เห็นง่าย  รถไม่ชน  ดีจริงๆ  เด็กแต่ละกลุ่ม (ต่างโรงเรียน) ก็จะมายืนเรียงแถวถ่ายรูป  สังเกตุได้เลยว่า ตากล้องทำไมมันเยอะมากขนาดนั้น

เด็กบางกลุ่มก็ใส่ชุดนักเรียน แต่บางกลุ่มก็ใส่ชุดธรรมดาไม่ใช่ชุดนักเรียน  แต่จะต้องเห็นใส่หมวกกันทุกคน แค่ต่างสี ต่างรูปแบบกัน อย่างกับกีฬาสีแน่ะ

เห็นป้ายราคาตั๋วรวม Aquarium + Santa Maria จากปกติ 3900 เยน ลดเหลือ 3200 เยน  ก็น่าสนดีนะคะ สำหรับคนที่อยากเข้าแค่เฉพาะสองอย่างนี้   แต่เรามี Osaka Amazing Pass แล้ว

 

เดินเข้าไปสำรวจในห้าง ก็จะมีร้านอาหารคล้ายๆฟาสต์ฟู้ด  ร้านค้าต่างๆ ร้านขายของฝาก ร้านขนม ก็คือห้างอ่ะนะ

---

ได้เวลาขึ้นชิงช้าสวรรค์

เมื่อสำรวจพื้นที่จนพอใจแล้ว  และดูรอบเรือ ซานตา มาเรีย แล้ว เห็นว่าจะออกทุกต้นชั่วโมง ซึ่งก็ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ก็เลยไปขึ้นชิงช้าสวรรค์กันก่อนดีกว่าค่ะ

รอคิวไม่เยอะเลยค่ะ  แต่พอเข้ามาแล้วก็เหมือนแดจาวู  ก็เมื่อวานที่ไปขึ้น ชิงช้าสวรรค์ HEP Five ก็มีแต่หยดน้ำเกาะหน้าต่าง ก็คิดว่าจะมาแก้แค้นที่นี่  แต่ที่ไหนได้ เหมือนกันเลยค่ะ

ความกว้างด้านในตัวกระเช้า มีพื้นที่กว้างกว่าที่ HEP Five เยอะเลยค่ะ  นั่งแบบสบายๆคงได้ซัก 6 คน (แต่ไม่รู้เขาจะให้นั่งเยอะขนาดนั้นมั้ย)

ภายในมีเปิดเสียงพากษ์ เคล้าเสียงเพลงด้วยนะคะ ทำให้ได้อารมร์ครึกครื่นดี  แถมยังมีตุ๊กตาฉลามวาฬห้อยไว้ด้วย น่ารักดีค่ะ

สำหรับวิวข้างนอกก็อย่างที่บอกค่ะ หยดน้ำเกาะเต็ม แถมหมอกก็ลงอีกต่างหาก แต่เนื่องจากมันเป็นตอนกลางวัน ก็เลยมองเห็นอะไรมากกว่าเมื่อคืนค่ะ  แถมที่นี่ยังสูง และเสียวกว่าด้วยนะ

ภาพภายนอกดูน่าดูกว่าชิงช้าสวรรค์ในเมืองที่ HEP Five เยอะเลยค่ะ  เพราะที่นี่ติดทะเล จะเห็นวิวทะเล เรือซานตา มาเรีย ล่องทะเลด้วย   มองไปด้านล่างก็เห็นอควาเรียม ใหญ่โตจริงๆ

รู้สึกใช้เวลานานพอควรเลยค่ะ ประมาณ 15-17 นาที ก็วนครบ 1 รอบ  ดูรูปในสไลด์โชว์นะค้าาา

---

สไลด์โชว์ ชิงช้าสวรรค์ Tempozan

 

สรุป ชิงช้าสวรรค์ (Tempozan Giant Ferris Wheel)

1. ราคาเต็ม 800 เยน (~240 บาท) ราคาถือว่ากลางๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้ Osaka Amazing Pass กันอยู่แล้วเนอะ ดังนั้นไม่ต้องคิดเลยค่ะ  คุ้มๆ  ไปลองโลดเด้อ…
2. ต่อให้ฝนตก ก็น่าขึ้นค่ะ  เพราะมันก็ยังเห็นรอบๆได้
3. ไม่เสียเที่ยวหรอกค่ะ เพราะไงก็ต้องมา Santa Maria กับ Aquarium อยู่แล้ว  แถมมีห้าง ร้านอาหาร อยู่ได้ทั้งวันแหล่ะค่ะ
4. วิวสวยมาก (ขนาดมีหยดน้ำเกาะนะ)  เพราะมันติดทะเล  มีสะพาน มีเรือ  สรุปว่าชอบวิวแบบนี้ค่ะ
5. มองจากถนนเข้ามาที่ตัวชิงช้าสวรรค์ ก็งั้นๆนะ เน้นใหญ่  แต่ที่ดีมากคือวิวที่มองลงมาจากด้านบนค่ะ
6. ถ้าเทียบกับที่ HEP FIVE (ราคา 500 เยน ~ 150 บาท) ตัวกระเช้าสีแดงสด ดูจากถนนแล้วสวยดี แต่ไม่ค่อยชอบวิวเมือง  ที่ Tempozan ดีกว่าตรงวิว กับที่นั่งกว้าง และหมุนนานกว่า  (ก็มันแพงกว่านี่นะ)

---

แผนที่สถานที่ที่ได้ไปมาในโอซาก้า ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass(ชนิด2วัน 3000 เยน) สีแดงคือวันแรก สีน้ำเงินคือวันที่สอง ของการเที่ยวเฉพาะในโอซาก้า

---

 คลิปวิดีโอรีวิว ชิงช้าสวรรค์ Tempozan

สรุปทริปคันไซวันที่3

สรุปรีวิวทริปคันไซทั้ง7วัน

ติดตาม GoNoGuide ผ่าน Facebook

---